เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 227.1
เล่ม 6 บทที่ 227.1
ตอนที่ 227
ยามอาทิตย์อัสดง
ในที่สุดเธอก็เดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย
ประตูรถม้าเปิดออกกว้าง แต่เธอไม่ได้ลงจากรถม้า
ก็แค่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่แล้วใบหน้าที่คุ้นเคยสองหน้าก็ยื่นโผล่เข้ามาข้างรถม้า
“เทีย ไม่ลงเหรอ”
เหมือนอย่างที่สัญญากันไว้ก่อนออกเดินทางไปจากคฤหาสน์ ทุกคนในครอบครัวต่างก็มารวมตัวกันเพื่อร่วมรับประทานมื้อเย็น
“อื้อ ไปสิ”
ตอบออกไปแบบนั้น แต่บั้นท้ายกลับไม่ยอมขยับลุกออกจากที่นั่งง่ายๆ
เมโลนเอียงคอถามเธอด้วยความสงสัย
“หรือว่าท่านน้าก็ไม่ทราบเหรอ”
“เรื่องที่เทียเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลส”
พอเห็นเธอไม่ตอบอะไร แถมยังหลบสายตา สองแฝดก็เบิกตากว้างส่งเสียงอุทานร้อง ‘ว้าว’
“หรือท่านปู่ก็ด้วย”
“ทุกคนคงจะตกใจกันสุดๆ แน่เลย”
“ถ้าท่านปู่ตกใจมากจนเป็นลมไปอีกจะทำยังไงล่ะ!”
“อ๊า จริงๆ เลย! เลิกล้อกันได้แล้วน่ะ สองคนนี้นี่!”
แค่นี้ก็ตื่นเต้นจะตายอยู่แล้วมั้ย!
เธอตวาดลั่น แต่สองแฝดกลับระเบิดหัวเราะทำหน้าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน หลังจากนั้นจึงค่อยยักไหล่ แล้วเอ่ยพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“มีอะไรให้ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นกัน”
“ใช่แล้วล่ะ ยังไงก็เป็นเทียนี่นา”
“พูดเรื่องอะไรกัน ยังไงก็เป็นข้าเหรอ”
คิลลีวูเป็นฝ่ายตอบคำถามเธอ
“ทั้งท่านปู่ ทั้งท่านน้า ตอนแรกพวกท่านอาจจะตกใจกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายจะต้องดีใจแน่”
“สมแล้วที่เป็นเทีย! อะไรแบบนี้”
เมโลนพูดพลางตบไหล่เธอเบาๆ มืออบอุ่นโอบไหล่เธอไว้
“เพราะพวกเราเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
นัยน์ตาสีทองทอประกายอ่อนโยนสองคู่กำลังส่งยิ้มให้เธอ
“ถึงแม้จะเสียใจนิดหน่อยที่ไม่ยอมบอกพวกเราตรงๆ ก็เถอะ”
“แต่ก็เข้าใจนะ เทีย ที่ผ่านมาเจ้าคงมีเหตุผลถึงได้ไม่บอกใครเลย”
“ทั้งสองคน…”
เติบใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เหมือนเพิ่งจะเมื่อวานอยู่เลย ที่พวกเขาโวยวายว่าไม่อยากอ่านหนังสือ แล้ววิ่งหนีมาชวนเธอให้ไปเล่นซ่อนแอบด้วยกัน
แต่รู้สึกได้เลยว่าใจมันผ่อนคลายขึ้นมาก เพราะคำปลอบโยนปนหยอกล้อของพวกเขา
“ขอบใจนะ คิลลีวู เมโลน”
พอเห็นเธอตอบเสียงอ่อนระโหย สองแฝดก็แสยะยิ้มดูหล่อเหลา
“ถ้าเหนื่อยละก็ บอกได้ทุกเมื่อเลยนะ”
“เพราะพวกเราจะคอยปกป้องอยู่ข้างกายเทียเอง”
เธอจับมือของทั้งสองคนเอาไว้แน่น ก้าวลงไปจากรถม้า
สองขามั่นคงจนไม่อยากเชื่อว่าเคยเอาแต่พิรี้พิไรอยู่บนรถม้าตั้งแต่เมื่อไหร่
ทีละก้าว ทีละก้าว เธอเดินตรงไปยังห้องของท่านพ่อเป็นอันดับแรก
ก๊อก ก๊อก
“พ่อ ข้าเข้าไปนะคะ”
พอเปิดประตูออกอย่างระมัดระวัง ก็มองเห็นท่านพ่อที่กำลังเสียบหนังสือเข้าชั้น
“เทีย!”
ทั้งๆ ที่มันเป็นหนังสือที่ท่านพ่อหวงแหนมากแท้ๆ แต่ทันทีที่เห็นเธอเข้ามาในห้อง ท่านพ่อก็โยนหนังสือเล่มนั้นทิ้ง แล้วเดินเข้ามาหาเธอทันที
“ประชุมเสร็จเรียบร้อยดีมั้ย”
หัวใจที่สงบลงไปได้บ้างเพราะสองแฝด เริ่มกลับมาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ความตื่นเต้นมันทำให้ริมฝีปากแห้งผากจนพูดอะไรไม่ออก
พอเห็นว่าเธอยืนนิ่งไม่ตอบอะไรสักคำ ท่านพ่อก็มองเธออย่างเป็นห่วง
“เทีย”
ท่านพ่อ คงจะร้องไห้แน่เลย ต้องร้องแน่ๆ
แต่จะปล่อยให้ท่านได้ฟังเรื่องของเธอจากปากคนอื่นไม่ได้ เธอจะต้องพูดออกไปเองด้วยปากของตัวเอง
“หรือเรื่องเปลี่ยนตัวแทนเขตแดนไปได้ไม่สวย…”
“พ่อ พวกเรามาคุยกันหน่อยนะคะ”
เธอเดินนำท่านพ่อไปยังห้องรับรอง
แต่ท่านพ่อไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้
นัยน์ตาสีน้ำตาลเปี่ยมไปด้วยความกังวลเอาแต่เหม่อมองเธอไม่ยอมละสายตา
ฮึบ
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กำหมัดแน่น
“พ่อ”
“อื้อ เทีย”
“ที่จริงแล้วท่านเครย์ลีบันกับข้า ไม่ได้เป็นศิษย์กับอาจารย์กันหรอกค่ะ”
“…ว่าไงนะ”
ท่านพ่อขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากย่น
“หมายความว่ายังไง เทีย”
เสียงของท่านพ่อกดต่ำลงทันที
“ไม่ใช่อาจารย์กับลูกศิษย์ ต้องบอกว่าเป็นนายจ้างกับลูกจ้างมั้ยนะ…”
เธอพูดอ้อมค้อมไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัว
ไม่ได้ ขนาดพลาสเตอร์ปิดแผลยังต้องดึงออกในคราวเดียวถึงจะเจ็บน้อยกว่าเลยนี่นะ
เธอกำหมัดแน่นอีกครั้ง ในขณะที่เอ่ยพูดออกไป
“ที่จริงแล้วข้า เป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสค่ะ”