เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 227.2
เล่ม 6 บทที่ 227.2
นัยน์ตาของท่านพ่อกะพริบตาปริบๆ อย่างเชื่องช้า
ท่าทางคงจะกำลังพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของเธอ…ไม่สิ เหมือนแข็งไปเลยมากกว่ามั้ยนั่น
เธอเดินเงอะๆ งะๆ เข้าไปหาท่านพ่อ
“พะ…พ่อ…”
จังหวะนั้นเอง แข้งขาของท่านพ่อก็พลันอ่อนเปลี้ย เดินสะโหลสะเหลไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา
โล่งอกไปทีที่เก้าอี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ พอดี ไม่อย่างนั้นท่านพ่อคงได้ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นแน่
“เพราะฉะนั้น…เทีย เจ้า…”
“เจ้าของร้านค้าเพลเลสค่ะ”
“เหรอ เจ้าของ…”
ท่านพ่อพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าหวือ
“แต่ตอนนั้นเทียเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ดขวบ…หรือว่ารับมอบร้านค้ามาระหว่างกลาง”
ใบหน้าสับสนงุนงงของท่านพ่อ ทำเอาชั่วขณะเธออยากจะตอบออกไปว่า ‘ค่ะ ใช่แล้วละค่ะ’ แล้วข้ามเรื่องนี้ไป
“ไม่ค่ะ ร้านค้าเพลเลสเป็นของข้ามาตั้งแต่ต้น”
“ฮ่า…”
ท่านพ่อถอนหายใจหนักอึ้ง มือลูบหน้าที่แห้งผาก
ต่อให้เป็นท่านพ่อที่อ่อนโยนและใจดีก็ตาม แต่เรื่องคราวนี้ก็สมควรที่ท่านจะโมโหอยู่หรอก
เล่นเก็บเงียบเอาไว้ตั้งเป็นสิบปีนี่นา
แถมบางครั้งยังเล่นละครตบตา ทั้งยังโกหกเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คนอื่นๆ สงสัยด้วย
เพราะฉะนั้นคงจะรู้สึกผิดหวังมากเป็นเรื่องธรรม…
“พะ…พ่อ”
สองแขนของท่านพ่อดึงเธอเข้าไปกอดแน่นจนแทบจะเกิดเสียงดังหมับ
เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของท่านพ่ออย่างระมัดระวัง
“ไม่เป็นอะไรนะคะ”
บนใบหน้าของท่านพ่อมีเพียงแค่ความสับสน
ดูเหมือนว่ายังคงพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของเธออยู่
แต่สำหรับท่านพ่อแล้วยังมีอีกสิ่งที่ต้องทำแม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจ
“…คงเหนื่อยมากเลยใช่มั้ย เทียของพ่อ”
นั่นก็คือการให้กำลังใจเธอ มืออบอุ่นของท่านพ่อลูบหลังของเธอเบาๆ
“ตั้งแต่เด็กขนาดนั้นจนถึงตอนนี้ เจ้าคงลำบากมาก”
ท่านพ่อช่วยปลอบโยนเธอมากกว่าที่จะสนใจตัวเองที่ยังคงตกใจไม่น้อย
“พ่อ…”
“พ่อเองก็พอจะเดาได้อยู่บ้างว่าเจ้ากับคุณเครย์ลีบันไม่น่าจะใช่ศิษย์กับอาจารย์ธรรมดา แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลส…”
ท่านพ่อยิ้มอ่อนระโหยในขณะที่พึมพำเสียงแผ่ว
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกก่อน”
เธอฝังใบหน้าลงบนอ้อมกอดของท่านพ่อ
“ไม่เป็นไร เทีย เจ้าคงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น”
อา จริงๆ เลย
ท่านพ่อพูดเหมือนอย่างที่สองแฝดบอกเปี๊ยบ
ร่างกายที่เคยเกร็งแน่นด้วยความตื่นเต้นเป็นกังวลค่อยรู้สึกโล่งขึ้นมาบ้างแล้ว
ท่านพ่อคลายอ้อมกอดออก แต่ก็ยังคงลูบหัวปลอบโยนเธอ
“หลังจากนี้พวกชนชั้นสูงคงได้พูดเรื่องเจ้าทุกคราที่พบหน้าแน่…”
จู่ๆ ท่านพ่อก็หยุดชะงัก แล้วถามเธอ
“เทีย”
“คะ”
“ท่านปู่ทราบหรือเปล่า”
“…อ่า”
เผลอลืมไปเสียสนิทเลย
ความจริงที่ว่ายังเหลือบอสใหญ่ด่านสุดท้ายอีกคน
* * *
ณ คฤหาสน์ลอมบาร์เดียก่อนเริ่มเวลามื้อเย็น
เครย์ลีบันถือตะกร้าใบเล็กเดินออกมาจากห้องครัว ในตะกร้าใบนั้นเต็มไปด้วยขนมปัง ผลไม้ พวกของกินเล่นง่ายๆ ที่เหล่าคนงานในห้องครัวช่วยจัดเตรียมให้
“ใกล้เริ่มแล้วสินะ”
เครย์ลีบันพึมพำเสียงแผ่วพลางเหลียวมองโต๊ะอาหารตัวยาว
ในห้องครัวเต็มไปด้วยอาหารยั่วน้ำลายมากมาย ที่จัดเตรียมไว้สำหรับมื้อเย็นในวันนี้
แต่ภาพที่ได้เห็นกลับไม่ทำให้เครย์ลีบันรู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะที่เขาเป็นแค่คนมาขออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย เพราะบ้านตัวเองถูกโจมตี เขายังไม่หน้าด้านพอที่จะเข้าไปนั่งแทรกเหล่าทายาทสายตรงที่มานั่งล้อมวงกินมื้อเย็นด้วยกันหรอกนะ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาพอจะสังหรณ์ใจได้อยู่บ้างว่ามื้อเย็นในวันนี้จะต้องน่ากระอักกระอ่วนใจมากแน่
“เฮ้อ”
เครย์ลีบันขนลุกชันไปหมด เมื่อจู่ๆ ก็พลันนึกถึงภาพตัวเองนั่งกระวนกระวายใจอยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นมา
แค่จินตนาการยังอึดอัดใจมากขนาดนี้แล้ว
“ต้องรีบกลับห้องก่อน”
เครย์ลีบันหอบหิ้วตะกร้า หลังออกมาจากทางเดินมืดมิดก็รีบเพิ่มระดับความเร็วของฝีเท้าอย่างเร่งรีบ
และในตอนที่กำลังจะเลี้ยวโค้งสุดท้าย
“คุณเครย์ลีบัน”
แคลอฮันก็ส่งเสียงเรียกเครย์ลีบันจากอีกฟากของทางเดิน ในขณะที่เดินตรงดิ่งเข้ามา
ใบหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนยังหนุ่มเลยสักนิด
“อา ท่านแคลอฮัน”
แต่วันนี้เครย์ลีบันกลับไม่รู้สึกยินดีเท่าไหร่ที่ได้พบหน้าแคลอฮัน
“คือ…สนทนากับท่านฟีเรนเทียแล้วใช่มั้ยครับ”
เครย์ลีบันเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ฮ่าฮ่า ครับ ตกใจนิดหน่อย แต่ก็คุยกันจบด้วยดีครับ”
“อย่างนั้นนี่เอง”
เครย์ลีบันพูดออกไปเหมือนโล่งอก แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจเหมือนเดิม
เพราะตัวเองก็เป็นอีกคนที่หลอกแคลอฮันมาโดยตลอดเช่นกัน
เครย์ลีบันตั้งใจแล้วว่าจะต้องสารภาพออกไป เขาจึงเปิดปากขึ้น
“คือ ท่านแคลอฮันครับ ข้าเองก็…”
แต่แคลอฮันกลับพูดแทรกขึ้นมา
“คุณเครย์ลีบัน”
“ครับ”
“ขอบคุณครับ”
จู่ๆ แคลอฮันก็กล่าวเช่นนั้นแล้วโค้งศีรษะให้เครย์ลีบัน