เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 230.1
เล่ม 6 บทที่ 230.1
ตอนที่ 230
รถม้าตระกูลลอมบาร์เดียที่พาเธอกับท่านปู่โดยสารมากำลังวิ่งตรงไปยังพระราชวังอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะออกเดินทางหลังจากได้ข่าวว่าจักรพรรดิป่วยหนัก แต่ท่านปู่กลับดูไม่ได้ร้อนใจอะไรเลยสักนิด
“วันนี้ก็คงจะเป็นวันที่ยาวนานเช่นเคย”
เพราะท่านปู่ดูผ่อนคลายมากเสียจนพูดปลอบโยนกลัวว่าเธอจะเหนื่อยได้แบบนี้อยู่เลย
“นั่นสิคะ จริงๆ เลย”
เธอเอ่ยตอบพลางยักไหล่ไม่ยี่หระราวกับมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
“ว่าแต่ไม่อยากถามหรือว่าเพราะเหตุใดปู่คนนี้ถึงพาเจ้าไปด้วย”
“ก็คงจะมีอะไรอยากให้ข้าได้เห็นใช่มั้ยล่ะคะ”
“ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก”
ท่านปู่พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะถามเธอด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย
“เจ้าคิดว่าราชวงศ์ดิวเรลลี่กับลอมบาร์เดียมีความสัมพันธ์แบบใด เทีย”
“พาร์ตเนอร์แบบหนึ่งละมั้งคะ”
“พาร์ตเนอร์”
“ค่ะ สองตระกูลร่วมมือกันมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งอาณาจักรแลมบลูในยุคแรกเริ่ม ตอนนี้อาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเกลียดหรือชอบ ก็ยังคงถูกผูกมัดกันไว้ด้วยความสัมพันธ์หลากหลายอย่างไม่ใช่เหรอคะ”
แค่ดูว่าองค์จักรพรรดิในแต่ละยุคสมัยปฏิบัติต่อลอมบาร์เดียเช่นไรก็ได้คำตอบแล้ว
ทั้งๆ ที่เกลียดชังลอมบาร์เดีย ทั้งๆ ที่ไม่อาจทนมองการมีตัวตนของลอมบาร์เดียได้
แต่ก็ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดที่จะมุ่งทำลายตระกูลลอมบาร์เดียให้หายไป
มีแค่พยายามกดข่มอำนาจของเจ้าตระกูลเท่านั้นเอง
“เจ้ามองได้ถูกต้องยิ่ง”
ท่านปู่ยกยิ้มด้วยความพอใจกับคำตอบของเธอ
“และเหตุผลที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเดินทางเข้าสู่พระราชวังยามจักรพรรดิสวรรคต ก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น คือเพื่อตรวจเช็กด้วยสองตาของตัวเองให้มั่นใจว่าจักรพรรดิสวรรคตแล้ว”
เรื่องนี้ผิดคาดไปเล็กน้อย
เธอสะดุ้ง หยัดกายขึ้นนั่งตัวตรง
“ตรวจเช็กให้แน่ใจหรือคะ”
“ราชวงศ์ดิวเรลลี่น่ะ นอกจากทรัพย์สินในท้องพระคลังของราชวงศ์แล้ว ก็ยังมีเงินทองมากมายที่ฝากไว้ให้ลอมบาร์เดียดูแล”
“พวกเงินทุนลับสินะคะ”
“ใช่แล้วละ ทรัพย์สินพวกนั้นมีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่ทราบว่ามันมีอยู่จริง และเป็นเพียงผู้เดียวที่ใช้มันได้ และหากจักรพรรดิสวรรคต สิทธิ์ในการถือครองเงินจำนวนนั้นก็จะถูกส่งมอบให้แก่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียผู้เดียว”
“อา เพราะอย่างนั้น…”
มันเป็นความเชื่อใจอันใหญ่หลวง
ส่งมอบเงินจำนวนมากมายมหาศาลที่สะสมมาเป็นเวลานานให้แก่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเลยหรือเนี่ย
“และเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็จะแจ้งการมีอยู่ของทรัพย์สินเหล่านั้น หากจักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างถูกกฎหมาย และส่งมอบมันคืนกลับไป”
“ถูกกฎหมาย”
น้ำหนักของคำคำนั้นถือว่ามากพอสมควร
พอเห็นเธอพึมพำคำนั้นเงียบๆ ท่านปู่ก็อธิบายต่อ
“หมายถึงองค์รัชทายาทที่ได้รับความเห็นชอบจากตัวแทนแต่ละเขตแดน โดยเฉพาะลอมบาร์เดีย แน่นอนว่ามีบ้างที่อยู่นอกเหนือกรณีนั้น”
ท่านปู่กล่าวเช่นนั้น ก่อนจะถอนหายใจเสียงแผ่วด้วยความไม่สบายใจนัก
“เรื่องคงจะวุ่นวายน่าดู”
เสียงท่านปู่ดังก้องไปทั่วรถม้า
“หมายความว่า ไม่มี ‘คนที่ถูกกฎหมาย’ อย่างนั้นเหรอคะ”
“ย่อมใช่ โยบาเนสเป็นพวกไม่อยากเอ่ยถึงผู้สืบทอดอยู่แล้ว แล้วใครเล่าจะคาดเดาความคิดในใจของเจ้านั่นได้”
“ถ้าอย่างนั้น หากฝ่าบาทสวรรคตขึ้นมาจริงๆ ล่ะคะ”
เธอถามในขณะที่พยายามข่มความรู้สึกอยากตะโกนสาปส่งออกไปอย่างสุดความสามารถ
“ถ้าอย่างนั้นสิทธิ์ในการเลือกตำแหน่งผู้สืบทอด…”
“ก็จะตกอยู่ที่จักรพรรดินี”
ให้ตายเถอะ
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์พยายามทำทุกวิถีทาง จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนตัวแทนเขตตะวันตกจากอังเกนัสเป็นตระกูลบราวน์ได้แล้วแท้ๆ
คราวนี้จักรพรรดินีกลับเป็นผู้มีอำนาจ สามารถแต่งตั้งผู้สืบทอดได้โดยตรงเนี่ยนะ!
“จะหมดสติไปแล้วทำไมจะต้องมาหมดสติเอาช่วงเวลาแบบนี้ด้วย โยบาเนส เจ้าโง่นั่น”
ท่านปู่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ
“แต่ท่านปู่”
“อะไรหรือเทีย”
“ทำไมไม่ตกใจเลยล่ะคะ”
ท่านปู่เอียงคอด้วยความงุนงง
ท่าทางคงจะไม่เข้าใจคำถามของเธอเท่าไหร่
“ตอนได้ยินข่าวว่าฝ่าบาททรงประชวรหนักน่ะค่ะ ดูท่านปู่ไม่ตกใจเลย”
ท่านปู่เพียงแค่แจ้งข่าวตามสารฉบับนั้นให้คนในครอบครัวได้ฟังอย่างเฉยชา แล้วลุกขึ้นจากที่นั่งเท่านั้น
“ปกติฝ่าบาททรงมีพระพลานามัยแข็งแรงดีไม่ใช่เหรอคะ แต่การที่จู่ๆ กลับล้มป่วยฉับพลันนี่มันเป็นเรื่องกะทันหันมากเลยนี่คะ”
“อืมมมม”
ท่านปู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากเงียบไปเพียงครู่ ท่านปู่ก็เอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงเรียบ
“เทีย”
“คะ ท่านปู่”
“อายุปูนนี้แล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ปู่คนนี้ตระหนักได้เป็นอย่างดี”
“อะไรเหรอคะ”
“คนเราทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น”
เป็นคำกล่าวที่เธอเองก็เห็นด้วย
ทำเรื่องดีย่อมได้รับรางวัล ทำเรื่องชั่วร้ายย่อมต้องได้รับโทษ
เป็นคำกล่าวที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องเคยได้ยินมาแล้วทั้งนั้น
“และโยบาเนสก็เป็นคนวางยาสังหารบิดาตัวเองยังไงล่ะ”
“วางยาพิษ…เหรอคะ”
วันนี้เธอได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนมากมายทีเดียว ตกใจเหมือนกันนะเนี่ย
การสวรรคตของจักรพรรดิองค์ก่อนเป็นเรื่องลึกลับ
คนทั่วไปจะไม่อาจทราบได้เลยว่าสุขภาพของจักรพรรดิเป็นเช่นไร ก็แค่อยู่มาวันหนึ่งได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์เสียแล้ว
“โยบาเนสซึ่งลงมือวางยาสังหารบิดาตัวเอง อย่างไรสักวันก็ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่”
“แต่ที่บอกว่า ‘คนเราทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น’ แสดงว่าท่านปู่คิดว่ามีคนวางยาฝ่าบาทหรือคะ”
“…ข้าเคยเตือนเจ้านั่นไปแล้วว่าให้ระวังเรื่องของกินดื่มให้ดี”
ท่านปู่เดาะลิ้นเบาๆ พึมพำเสียงค่อยแทนคำตอบ แล้วหันมามองเธอ
“เจ้าชายลำดับที่สองกับจักรพรรดินี เจ้าคิดว่าเป็นใครในสองคนนี้ล่ะ เทีย”
นัยน์ตาสีน้ำตาลของท่านปู่ทอประกายเย็นเยียบยามต้องแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก
หัวสมองของเธอที่กำลังสับสนเองก็กำลังพยายามเรียบเรียงความคิด
“สิ่งที่พวกเราลอมบาร์เดียต้องสนใจ มีเพียงแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวหรือคะ”
ท่านปู่ยิ้มกว้าง
เธอมองท่านปู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่าง
ท่านปู่เองก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ไม่ได้เฝ้ารอคำตอบหรือเร่งรัดอะไรจากเธอ
เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถม้าระหว่างเดินทางกลับลอมบาร์เดีย หลังจากส่งเบเลซักให้เซรัลเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา
“เอสทีร่าบอกให้ข้ามอบนี่ให้เจ้า”
เธอส่งกล่องใบเล็กให้เฟเรส
“มันเป็นยาพิษแมงมุมทีที กับยาแก้พิษที่เจ้าขอไว้”
“ขอบใจ”
เฟเรสปิดฝากล่องลง
“ข้าจะใช้มันอย่างมีประโยชน์”
เธอไม่ได้ถามเฟเรสออกไปว่าเขาวางแผนที่จะเอามันไปใช้ยังไง
เฟเรสเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟัง
เธอตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นเดียวกับท่านปู่
เฟเรสกับจักรพรรดินี
คนที่วางยาพิษโยบาเนส ในสองคนนี้จะเป็นใครกันแน่
“ถึงวังจักรพรรดิแล้วครับ”
เสียงสารถีรถม้าแจ้งข่าวการเดินทางปลุกเธอกับท่านปู่ให้ตื่นจากภวังค์
และหลังจากเปิดประตูรถม้าออกไป พวกเราก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“ดูเหมือนที่วังจะเกิดเรื่องนะคะ ท่านปู่”
รอบวังจักรพรรดิดูโกลาหลมาก
มีทั้งพลทหารที่รวมกลุ่มกันเคลื่อนไหวไปทั่ว อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์เองก็วิ่งเข้าไปในพระราชวังด้วยความเร่งรีบ
“…ไปที่ห้องนอนของโยบาเนสกันเถอะ”
ท่านปู่พูดกับเธอในขณะที่รีบสาวเท้าก้าวเดิน
ทันทีที่เดินเข้าไปถึงโถงทางเดินซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ พวกเราก็เห็นได้ในทันทีว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่
“หลีกทางเสีย เจ้าชายลำดับที่สอง!”
เสียงตวาดลั่นด้วยความเกรี้ยวกราดของจักรพรรดินีดังก้องไปทั่วโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยเหล่าอัศวิน
“น่าดูเสียจริง”
ท่านปู่เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“อัศวินชี้ดาบใส่กันหน้าห้องบรรทมจักรพรรดิ ปะทะกันอย่างดุเดือดแบบนี้เลย”
จักรพรรดินีกับเฟเรสกำลังยืนประจันหน้ากัน
* * *