เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 239.1
เล่ม 6 บทที่ 239.1
ตอนที่ 239
ณ ห้องทำงานหัวหน้ากลุ่มการค้าเพลเลสที่เพิ่งจะเริ่มกลับมาเปิดกิจการได้อย่างเป็นปกติอีกครั้ง
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดผู้เป็นบิดาของเครย์ลีบันมาเยือนถึงที่
เพราะเป็นนัดหมายที่มีการแจ้งล่วงหน้ามาตั้งแต่หลายวันก่อน เครย์ลีบันจึงทำตัวให้ว่าง และกำลังรอคอยอีกฝ่ายอยู่พอดี
แต่สาเหตุที่ทำให้เครย์ลีบันลอบตื่นตระหนกอยู่ในใจนั้นไม่ได้เป็นเพราะโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดแต่อย่างใด
“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณเครย์ลีบัน”
เป็นเพราะวิลเลียน ดิลลาร์ด บุตรชายคนโตของโรมาเชียร์ที่เดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับโรมาเชียร์ต่างหากล่ะ
วิลเลียนมีอายุน้อยกว่าเครย์ลีบันสองปี รูปร่างหน้าตาภายนอกคล้ายกับโรมาเชียร์มากเสียจนมองแค่ปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นพ่อลูกกัน
แตกต่างจากเครย์ลีบันที่ให้ความรู้สึกดุดันและมีผมสีทองแบบบิดา วิลเลียนนั้นมีผมสีน้ำตาลอ่อน เป็นชายหนุ่มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน
นิสัยนอบน้อมเคารพผู้อื่นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีส่วนใดไม่สมบูรณ์แบบ
ใบหน้าเหมือนกับลอรีลผู้เป็นน้องสาวคนสุดท้อง
“ครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านวิลเลียน ดิลลาร์ด”
เครย์ลีบันเก็บซ่อนสีหน้าตื่นตระหนกเอาไว้ในใจ เขาทักทายตอบกลับไปตามมารยาทการค้า
ในเมื่อวิลเลียน ดิลลาร์ด ซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต่อในอีกไม่ช้าเองก็มาด้วยแบบนี้ เขาคิดว่าอย่างไรทางนั้นก็คงไม่ได้เป็นการแวะมาเยี่ยมเยียนกันด้วยเหตุผลส่วนตัวแน่
“ทางกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียมีธุระอะไรที่นี่หรือครับ”
จึงไม่มีการสนทนาเรื่อยเปื่อยอ้อมค้อมต่อคู่สนทนาที่มาพบด้วยเรื่องธุรกิจ
พอเครย์ลีบันถามออกไปแบบนั้น วิลเลียนก็เหลือบมองโรมาเชียร์ผู้เป็นบิดา
‘ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับอำนาจในการตัดสินใจสินะ’
เครย์ลีบันทราบดีอยู่แล้วว่า วิลเลียน บุตรชายคนโตของตระกูลดิลลาร์ดซึ่งรับหน้าที่ดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียคนนี้ได้เข้ามาทำงานในกลุ่มการค้าอย่างเต็มตัว เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าในอนาคต
และก็ทราบดีด้วยว่า ขั้นตอนการฝึกงานที่ว่านั่นมันเป็นไปได้ไม่ราบรื่นเสียเท่าไหร่
เพราะในหลายๆ ด้านพวกเขากำลังแข่งขันอยู่กับทางร้านค้าเพลเลสนั่นเอง
แต่ไม่ค่อยมีใครคิดหรอกว่านั่นจะเป็นปัญหา
นี่เป็นการรับช่วงสืบทอดกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียที่เป็นกลุ่มการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเชียวนะ
ใครๆ ต่างก็คาดการณ์กันเอาไว้อยู่แล้วว่า การบริหารกลุ่มการค้าที่ผ่านอุปสรรคต่างๆ นานามามากมายกว่าจะยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ได้ ย่อมเป็นเรื่องลำบากพอตัว จึงไม่แปลกที่จะเริ่มสั่นคลอนไม่มั่นคงเมื่อมีการเปลี่ยนมือ
‘คงต้องปฏิเสธให้ดี’
เครย์ลีบันครุ่นคิดเช่นนั้นในขณะที่ยกมือขึ้นประสานไว้บนเข่า
ในอนาคตยังไม่อาจคาดเดาได้
แต่ในตอนนี้ร้านค้าเพลเลสไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียที่เริ่มสั่นคลอน เพื่อช่วยแบกรับภาระพวกนั้นเสียหน่อย
“วันนี้”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน
เครย์ลีบันหรี่ตาลงเล็กน้อยมองภาพตรงหน้า เพราะโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมีสีหน้ากระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก
กระทั่งมือของเครย์ลีบันที่สอดประสานกันอยู่ยังเผลอออกแรงเกร็งตามไปด้วย จนข้อนิ้วเกร็งแน่นเป็นสีขาวซีดเลยทีเดียว
แท้จริงแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่
“ข้ามาพบเพราะมีเรื่องอยากขอร้องหัวหน้ากลุ่มการค้าเพลเลส”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมองเครย์ลีบันสลับกับวิลเลียนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ
“ช่วยดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียด้วยเถอะ”
“…”
ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้อง
เครย์ลีบันมองโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดอยู่เงียบๆ แล้วจึงค่อยถามกลับไป
“ดูแลงั้นหรือ หมายความว่ายังไงกันแน่ครับ”
“อย่างที่บอกไปนั่นแหละข้าอยากให้เครย์ลีบัน เพลเลส หัวหน้ากลุ่มการค้าเพลเลสช่วยรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต่อจากข้า”
ไม่ได้ฟังผิดไปเอง
เครย์ลีบันมองวิลเลียน ดิลลาร์ดเงียบๆ
วิลเลียนเองก็รู้สึกได้ถึงสายตานั่นดี จึงเอ่ยพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งสงบ
“ข้าเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาก่อนเองครับ”
“…เหตุใดถึงได้มีความคิดเช่นนั้นล่ะครับ”
เครย์ลีบันเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
มันเป็นข้อเสนอที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
ให้เครย์ลีบันรับตำแหน่งต่อจากโรมาเชียร์เนี่ยนะ
“กำลังทำงานเพื่อรอสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าอย่างราบรื่นดีไม่ใช่หรือครับ”
“ราบรื่นดีงั้นหรือ หากเห็นเช่นนั้นข้าก็โล่งอกครับ”
วิลเลียนยกยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนระโหย
“หลายปีที่ผ่านมา ข้าได้พยายามอย่างหนักเพื่อรับตำแหน่งต่อจากบิดาครับ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ขั้นตอนเพื่อให้ข้าได้มั่นใจว่าแท้จริงแล้วทุกอย่างมันอยู่นอกเหนือความสามารถของข้าเท่านั้นเอง”
“ข้าก็พอจะทราบอยู่หรอกว่า การทำงานเพื่อรอสืบทอดตำแหน่งมันเป็นเรื่องลำบากมาก แต่ถึงยังไง…”
“ข้าทราบความสามารถของตัวข้าดีครับ ข้าไม่มีความสามารถมากพอที่จะเป็นผู้นำกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียได้หรอกครับ”
วิลเลียน ดิลลาร์ดส่ายหน้าไปมา
“ยิ่งเวลาผ่านไป ก็มีแต่จะคอยลอกเลียนแบบบิดาอยู่เรื่อย ทำได้เพียงแค่นั้นเองครับ พยายามมากเพียงใดสุดท้ายก็ทำได้แค่ประคองกลุ่มการค้าไว้เท่านั้น แต่กลุ่มการค้าที่ไร้ซึ่งการพัฒนาน่ะ ไม่นานก็มีแต่จะตายจากไป เรื่องนี้คุณเครย์ลีบันเองก็คงทราบดีอยู่แล้ว”
วิลเลียน ดิลลาร์ดที่กล่าวออกมาเช่นนั้นมีสีหน้าอ่อนล้าเกินกว่าจะเป็นคนที่เพิ่งมีอายุได้แค่สี่สิบปีเป็นอย่างยิ่ง
แต่เครย์ลีบันกลับส่ายหน้าเบาๆ
“แต่นั่นก็ยังไม่ใช่คำอธิบายอยู่ดีครับ หัวหน้ากลุ่มการค้ามีบุตรชายถึงสามคนมิใช่หรือครับ”
ไม่ใช่สี่ แต่เป็นสาม
เครย์ลีบันไม่ได้นับรวมตัวเองเข้าไปด้วย มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
ในเมื่อเขาเป็นเพียงแค่บุตรนอกสมรสที่ไม่เคยได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการนี่นะ
“ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้ออกไปแล้ว ทางนั้นจะเข้าใจเช่นไร แต่ว่า…”
วิลเลียนลากเสียงประโยคยืดยาว ก่อนจะพูดต่อ
“ในบรรดาพวกเราสี่พี่น้องรวมถึงลอรีล ไม่มีใครได้รับความสามารถของบิดาเหมือนอย่างคุณเครย์ลีบันเลยสักคนครับ”
ความเงียบอันแสนหนักอึ้งไหลเวียนไปทั่วห้องอีกครา
เครย์ลีบันยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับด้วยท่วงท่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขามองสองพ่อลูกตระกูลดิลลาร์ดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ แล้วเปิดปากพูดอย่างยากลำบาก
“คงต้องขอปฏิเสธ…”
“ได้โปรดช่วยกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียด้วยเถอะครับ คุณเครย์ลีบัน”
วิลเลียนก้มศีรษะขอร้อง
“ข้าทราบดีครับว่า การที่พวกเราตระกูลดิลลาร์ดมาขอร้องคุณเครย์ลีบันแบบนี้ มันเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายขนาดไหน”
ถึงแม้จะกำลังก้มศีรษะให้พี่ชายต่างมารดาซึ่งเป็นจุดด่างพร้อยของตระกูล แต่วิลเลียน ดิลลาร์ดก็ไม่มีสีหน้าอับอายเลยสักนิด
เดิมทีวิลเลียน ดิลลาร์ดก็เป็นคนดีเช่นนั้นอยู่แล้ว
“ได้โปรดคิดทบทวนดูอีกสักครั้งเถอะ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดเองก็ขอร้องอีกครั้ง