เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 239.2
เล่ม 6 บทที่ 239.2
กระทั่งเครย์ลีบันผู้แสนเย็นชา ในวินาทีนี้ก็ยังยากจะเก็บซ่อนความรู้สึกซับซ้อนเอาไว้ในใจได้
เครย์ลีบันเป็นผลผลิตที่เกิดจากความผิดพลาด ตอนที่ได้รู้ความจริงเรื่องนั้นในวัยเด็ก เขาเองก็เสียศูนย์ไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยอมรับมันได้มานานมากแล้ว
ถึงแม้โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจะไม่เคยยอมรับเครย์ลีบันอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ยังคอยรับผิดชอบให้การสนับสนุนทางด้านการเงินอยู่เสมอ
เพราะฉะนั้นยิ่งอายุอานามเองก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้ว เขาจึงไม่มีความคับแค้นใจอะไรอีก
ไม่สิ ก็แค่คิดเช่นนั้น
“ได้โปรดดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียด้วยเถอะ”
แต่ดูเหมือนว่าลึกลงไปในใจของเขาที่กลายเป็นชายวัยกลางคนแล้วในปัจจุบัน จะยังมีความรู้สึกบางอย่างเหลือค้างอยู่
ความขมขื่นอันแสนเศร้าที่เอ่อล้นขึ้นมา เมื่อได้เห็นภาพสองพ่อลูกตระกูลดิลลาร์ดยอมก้มศีรษะให้คนอย่างเขา
“ข้าไม่มีความคิดที่จะย้ายตัวเองเข้าตระกูลดิลลาร์ดเอาป่านนี้หรอกนะครับ”
เครย์ลีบันเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งขรึม ได้ยินแบบนั้นแล้วโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจึงเอ่ยตอบทันที
“ไม่ได้เรียกร้องขอให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลดิลลาร์ดหรอก ข้าเพียงแค่อยากขอร้องให้เครย์ลีบัน เพลเลสผู้มากความสามารถ ช่วยรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียคนถัดไปก็เท่านั้น”
“แต่หากเป็นเช่นนั้น ทางตระกูลดิลลาร์ดจะสูญเสียอำนาจในเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียไปนะครับ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดยอมรับอย่างง่ายดายราวกับเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว
“แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าตระกูลดิลลาร์ดอยู่”
“…กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”
“ใช่แล้ว กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียจำเป็นจะต้องมีผู้เหมาะสมขึ้นมาเป็นผู้นำ หากในบรรดาตระกูลดิลลาร์ดไร้ผู้ที่เหมาะสมจะนั่งตำแหน่งนั้นเป็นคนถัดไป ก็มีแต่จะต้องมอบตำแหน่งให้แก่คนที่มีความสามารถเท่านั้น นั่นเป็นหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย”
ความภักดีอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าเครย์ลีบันเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
หากเขาอยู่ในฐานะของโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด เขาเองก็คงจะตัดสินใจแบบเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นข้ามีเงื่อนไขครับ”
“…ว่ามาสิ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดถอนหายใจเสียงแผ่ว พร้อมแล้วที่จะรับฟัง
“หากข้าขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย จะต้องไม่มีการถอนแรงงานคนตระกูลดิลลาร์ดออกไปจากกลุ่มการค้าครับ”
“…ว่ายังไงนะ”
“ทั้งคนของตระกูลดิลลาร์ด ทั้งแรงงานทั้งหลายที่ทำงานรับใช้กลุ่มการค้ามาโดยตลอด จะต้องไม่มีการเลิกทำงานเพราะอึดอัดใจที่จะทำงานกับข้า”
“ระ…เรื่องนั้น…”
ทางตระกูลดิลลาร์ดต่างหากล่ะที่ควรเป็นฝ่ายขอร้องมิใช่หรือไงกัน
“แต่ถ้าอย่างนั้น คุณเครย์ลีบันอาจจะรู้สึกอึดอัดก็ได้นะครับ”
วิลเลียนถามด้วยความตกตะลึง
เครย์ลีบันกล่าวเสียงเย็นชาตอกหน้าวิลเลียน
“หากจู่ๆ คนจากตระกูลดิลลาร์ดถอนตัวออกไปหมด จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่ากลุ่มการค้าจะปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ครับ จะปล่อยให้กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเพียงเพื่อแค่ให้ข้าทำงานได้สบายขึ้นไม่ได้”
เขาเองก็มีความจงรักภักดีในลอมบาร์เดียไม่แพ้ใครเหมือนกัน ยิ่งเป็นลอมบาร์เดียที่ในอนาคตจะมีท่านฟีเรนเทียเป็นผู้นำด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ขอบคุณครับ คุณเครย์ลีบัน!”
วิลเลียนมีสีหน้าสดใสขึ้นมากราวกับได้ปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่า เขาโค้งศีรษะลงอีกครั้ง ตะโกนขอบคุณเสียงดัง
“อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจกันเลยครับ ข้าเองก็ยังไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้ก่อนจะได้รับคำอนุญาตด้วย”
“อา ถ้าอย่างนั้น…”
เครย์ลีบันตอบเสียงหนักแน่นไปทางวิลเลียนที่ทำหน้าสับสนไม่เข้าใจอีกครั้ง
“ข้ายังต้องได้รับคำอนุญาตจากท่านฟีเรนเทียก่อนมิใช่หรือครับ อย่างไรเจ้านายที่ข้ารับใช้ก็เป็นท่านผู้นั้น”
* * *
“มันเป็นใครคะ”
เธอถามเสียงเย็นเยียบ
“…ครับ?”
“ข้าถามว่าไอ้เวรที่ไหนมาล่อลวงเครย์ลีบันคะ”
โอ๊ย โมโหชะมัด
เธอเผลอหลุดพูดจาหยาบคายออกไปโดยไม่รู้ตัว
กล้ามายุ่งกับเครย์ลีบันของเธองั้นเหรอ!
“ไม่ว่าทางนั้นจะยื่นข้อเสนออะไรมา ข้าจะให้ดีกว่าพวกเขาแน่ค่ะ อย่าไปเลยนะคะ”
ถึงแม้จะพูดจาฟังดูน่ารังเกียจไปบ้างแต่เธอจริงจังมาก ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เครย์ลีบันโดนแย่งตัวไปไม่ได้!
“เดี๋ยว หรือคิดจะแยกตัวคะ”
ถ้าอย่างนั้นจะไปขวางอะไรได้ล่ะ จะเป็นเจ้านายผู้แสนชั่วร้ายที่ขวางอนาคตคนอื่นได้ยังไง
“ถ้าอย่างนั้นก็คงได้แต่บอกว่า ขอให้งานที่อยากทำสำเร็จลุล่วง…”
“อุ๊บ…”
ทั้งๆ ที่เธอกำลังครุ่นคิดใช้หัวสมองอย่างหนักพร้อมสู้รบแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาของเครย์ลีบันกลับดูประหลาดชอบกล เขามองใบหน้าจริงจังสุดๆ ของเธอ ก่อนจะเริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เครย์ลีบัน”
“ขะ…ขออภัยครับ…อุ๊บ พอดีท่านเทียทำหน้าตาน่ารักมากเลย…”
เครย์ลีบันซับหยาดน้ำตาที่บริเวณหางตา ก่อนจะพูดต่อ
“หัวหน้ากลุ่มการค้าโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมาเสนอให้ข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต่อจากเขาน่ะครับ”
“หัวหน้ากลุ่มการค้า…อ๊า!”
ใช่แล้ว
ในชีวิตก่อนเครย์ลีบันเองก็รับตำแหน่งต่อจากโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด แล้วขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย
หลังจากท่านปู่เสียชีวิตลง เขาถึงได้ถอนตัวออกจากตระกูลลอมบาร์เดีย แล้วก่อตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมาแทน
เครย์ลีบันคงจะรู้สึกซับซ้อนใจมากแน่
ก็สมควรอยู่หรอก
เขาใช้ชีวิตเรื่อยมาโดยไม่แม้แต่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อตระกูลดิลลาร์ด แต่จู่ๆ กลับกลายเป็นต้องมารับสืบทอดกลุ่มการค้าที่ทางดิลลาร์ดเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอดนี่นะ
“ถ้าอย่างนั้นมอบร้านค้าเพลเลสให้ไวโอเล็ตดูแลก็น่าจะได้อยู่นะคะ”
“ข้าก็คิดแบบนั้นครับ ไวโอเล็ตจะต้องทำได้ดีแน่ครับ”
“จากร้านค้าเพลเลสสู่กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย…แบบนี้เครย์ลีบันก็จะยังเป็นคนของข้าต่อใช่มั้ยคะ”
เครย์ลีบันเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เพียงไม่นานก็แย้มรอยยิ้ม พยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอ
“ครับ ใช่แล้วละครับ เป็นคนของท่านฟีเรนเทีย”
ใบหน้าของเครย์ลีบันขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยยามกล่าวประโยคนั้น
“ตอนนี้คงไม่โกรธแล้วใช่มั้ยครับ”
“อื้อ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ข้าก็นึกว่ามีใครมาแย่งเครย์ลีบันไปเสียอีก”
นึกว่าอายุสั้นลงไปเป็นสิบปีแล้วเนี่ย
“โล่งอกไปทีครับ”
เครย์ลีบันยิ้มกว้าง
เธอเหม่อมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นอยู่ครู่หนึ่ง
เครย์ลีบันในชีวิตก่อนไม่ใช่คนที่จะยิ้มได้แบบนั้น
เขาเป็นคนเคร่งขรึม มีสีหน้าหมองคล้ำอยู่เสมอ ใบหน้ายามยิ้มแย้มเป็นบางคราเองก็ใกล้เคียงกับรอยยิ้มเยาะเย้ยกันเสียมากกว่า
“…โล่งอกจริงๆ ครับที่ได้พบกับท่านฟีเรนเทีย”
ยิ่งไม่ใช่คนที่รู้จักพูดจาแบบนี้แน่
“ข้าเองก็เหมือนกันค่ะ”
ถึงแม้จะนั่งเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนี้
แต่เธอกับเครย์ลีบันในตอนนี้ กลายเป็นคนที่แตกต่างจากเมื่อชีวิตก่อนมากขนาดไหนกันนะ
ให้ความรู้สึกที่แปลกพิลึกจัง
เธอส่งยิ้มให้เครย์ลีบัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เครย์ลีบัน เพลเลส หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”