เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 240.1
เล่ม 6 บทที่ 240.1
ตอนที่ 240
การประชุมบริหารราชการแผ่นดินของอาณาจักรนั้นมีทั้งหมดสี่ประเภทด้วยกัน
ประเภทที่หนึ่งคือ การประชุมข้าราชการที่รวมเหล่าเจ้าหน้าที่ราชการในแต่ละหน่วยงาน
ประเภทที่สองคือ การประชุมขุนนางซึ่งเป็นการประชุมสำหรับขุนนางชั้นสูง
ส่วนประเภทที่สามเป็นการประชุมใหญ่ ซึ่งมีไว้สำหรับถกเถียงหารือระเบียบวาระใหญ่ระดับอาณาจักรร่วมกันกับองค์จักรพรรดิ
ทว่านอกจากการประชุมสามประเภทที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีอีกการประชุมที่จัดขึ้นบ่อยที่สุด ทั้งยังเป็นการปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหว และนั่นก็ถูกเรียกว่าเป็นการประชุมด้านกิจการแผ่นดิน
แต่ละหน่วยงานจะเก็บรวบรวมผลจากการประชุมข้าราชการ แล้วถวายขึ้นรายงานแก่องค์จักรพรรดิ ส่วนตัวแทนขุนนางเจ็ดคนก็จะเข้าร่วมการประชุมเพื่อเสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
และวันนี้ก็เป็นการประชุมกิจการแผ่นดินครั้งแรกของเฟเรสในฐานะรักษาการองค์จักรพรรดิ
ประธานคิลเลียนผู้เข้าร่วมในฐานะตัวแทนขุนนางนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ และกำลังรอเจ้าชายลำดับที่สองเฟเรส หรือองค์รัชทายาทในอนาคตพาเหล่าเจ้าหน้าที่ราชการเข้ามาสบทบ
“ดูเหมือนรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียจะมาสายเล็กน้อย”
ประธานคิลเลียนเอ่ยพลางเหลือบมองเก้าอี้ที่ยังคงว่างเปล่า
หลังจากนั้นก็หันไปคุยกับเจ้าตระกูลเมมเบรทที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ
“ประชุมวันนี้คงจะจบเร็วใช่มั้ย”
“ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกันเลยครับ จบประชุมแล้วพวกเราไปรับประทานอาหารด้วยกันดีมั้ยครับ ฮ่าฮ่า”
“เอาสิ! ไปด้วยกันทั้งหมดเลยเป็นไง”
“เป็นความคิดที่เยี่ยมเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เหล่าขุนนางชั้นสูงทั้งหลายต่างก็หัวเราะกันอย่างอารมณ์ดีพลางสนทนาไปเรื่อยเปื่อย
นี่เป็นภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้จากการประชุมคราวก่อนที่จักรพรรดิโยบาเนสเป็นผู้นำการประชุม
แน่นอนว่าย่อมมีสาเหตุให้พวกเขาทุกคนผ่อนคลายกันได้อย่างสบายใจเช่นนี้อยู่
“เจ้าชายลำดับที่สองทรงงานได้อย่างคล่องแคล่วขนาดนั้นเลยหรือ”
“ได้ยินว่าเป็นเช่นนั้นนะครับ บุตรชายคนโตของท่านทำงานในกรมการคลังมิใช่หรือครับ”
“อา ได้ยินว่าล่าสุดนี่ได้เลื่อนขั้นด้วย! ยินดีด้วยนะครับ!”
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณครับ แต่เรื่องสำคัญไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ ไม่รู้สินะ หลังจากเจ้าชายเข้ามาทรงงานแทนฝ่าบาท สีหน้าของพวกข้าราชการต่างก็ชื่นมื่นกันจนหน้าบานเลยละ”
“ขนาดนั้นเชียว”
ประธานคิลเลียนเบิกตากว้าง ในขณะที่เอ่ยแทรกเข้าไปร่วมวงสนทนากับคนอื่นๆ
“ได้ยินว่างานลดน้อยลงไปกว่าครึ่งเลยละครับ”
“เห…นี่ลดลงไปกว่าครึ่งเลยจริงๆ หรือ!”
คนที่พูดออกมาเช่นนั้นตอบกลับด้วยความอึดอัดใจ
“หมายความว่างานเป็นไปได้อย่างราบรื่นเสียจนพูดลือกันแบบนั้นต่างหากเล่าครับ!”
หลังจากนั้นก็ลดเสียงลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ
“บุตรชายคนโตของข้าเพิ่งเข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ราชการเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะมองงานทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยละครับ”
“มองออกทะลุปรุโปร่ง”
“เดิมทีการประชุมข้าราชการส่วนใหญ่ก็จะมีแต่งานน่าเบื่อที่ต้องอธิบายระเบียบวาระประชุม ทั้งยังต้องคอยเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทมิใช่หรือครับ แต่นี่เจ้าชายกลับเข้าใจระเบียบวาระทุกเรื่องก่อนที่พวกข้าราชการจะแจ้งให้ทราบเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ ยังช่วยชี้ข้อเสนอแนะ รวมถึงวิธีการแก้ไขที่พวกข้าราชการยังคิดไม่ออกให้ด้วย”
“โอ้ ช่างน่าทึ่งมากจริงๆ”
“ส่วนพวกงานเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังช่วยชี้แนะวิธีแก้ปัญหาให้ก่อนจะต้องยกขึ้นเป็นวาระในการประชุมอีกด้วย พองานไปได้สวย ทุกคนต่างก็โล่งใจกันทั้งนั้นแหละครับ”
ประธานคิลเลียนซึ่งนั่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ เอนกายไปหาขุนนางที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยพูด
“เมื่อวานพวกเราเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันมิใช่หรือ”
“จะว่าไปก็…”
เมื่อวานมีการประชุมขุนนางเกิดขึ้น
เพราะไม่ได้จัดประชุมกันมาเสียนาน พวกเขาจึงเข้าร่วมการประชุมโดยเตรียมใจเอาไว้แล้วว่า การประชุมจะต้องกินเวลายืดเยื้อกว่าที่เคยแน่
ทว่าระยะเวลาการประชุมกลับสั้นจนเหลือไม่ถึงครึ่งของการประชุมปกติด้วยซ้ำ
“ทั้งหมดมิใช่เป็นเพราะรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียช่วยจัดการได้เป็นอย่างดีหรอกหรือ”
ประธานคิลเลียนพูดออกไปตรงๆ ตามความคิดของตัวเอง ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันครับ แค่รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเข้ามาช่วยชี้แนะคำสองคำในเวลาที่เหมาะสม ปัญหาก็เหมือนจะคลี่คลายลงได้ง่ายๆ เลยละครับ”
“ใช่แล้วละครับ แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะตอนนี้ไม่มีอังเกนัสที่คอยกวนน้ำให้ขุ่นแล้วด้วย”
“อะแฮ่ม”
พอมีคำว่าอังเกนัสหลุดออกมา เหล่าขุนนางต่างก็กระแอมไอ เผยสีหน้าแปลกพิลึก
อังเกนัสซึ่งเคยเป็นหนึ่งในตระกูลที่บริหารอาณาจักรมาจนถึงเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อต้องห้ามที่ห้ามพูดถึงไปเสียแล้ว
“ยังไงก็เถอะ การประชุมวันนี้เองก็คงจะจบลงอย่างราบรื่นแหละครับ ท่านประธาน”
“นั่นสินะ เจ้าชายก็อยู่ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเองก็เข้าร่วมด้วย โอ๊ะ มานั่นแล้ว”
ประธานคิลเลียนสังเกตเห็นฟีเรนเทียกำลังเดินเข้ามาในห้องประชุมพอดี จึงลุกขึ้นกล่าวต้อนรับ
“ทุกท่านมาถึงกันก่อนแล้วหรือคะเนี่ย”
“นั่งตรงนี้สิครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
“จากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียมาถึงที่นี่ระยะทางค่อนข้างไกลอยู่มาก ลำบากหน่อยนะครับ รักษาการเจ้าตระกูล”
ท่าทางของขุนนางทั้งหลายที่มีต่อฟีเรนเทียนั้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เธอขึ้นเป็นรักษาการเจ้าตระกูลอย่างสุดขั้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุ หรือแม้แต่เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิง พวกเขาไม่สนใจเรื่องพวกนั้นกันอีกแล้ว
เพราะอาณาจักรแห่งนี้ไม่อาจดำรงอยู่ต่อไปได้หากไร้ซึ่งลอมบาร์เดีย และฟีเรนเทียเองก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียได้อย่างสมบูรณ์แบบ