เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 117 เจตนาของท่านเย่
ตอนที่ 117 เจตนาของท่านเย่
‘อยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าเมืองเสี่ยวฉืองั้นหรือ ? ’
เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเสี่ยวฉือ ทั้งยังเป็นผู้ที่มีความแตกฉานในด้านอักษรพู่กัน
สวีฉิงเทียนจึงขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที ใบหน้าปรากฏร่องรอยความเคร่งขรึม
ท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็เร้นกายอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือเช่นกัน
จากคำบอกเล่าของถานไถชิง เสวี่ย ท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนผู้นี้ดูเหมือนอายุยังน้อย แต่กลับหลงใหลในอักษรพู่กันและภาพวาด มิหนำซ้ำยังเข้าใจวิถีเต๋าแขนงต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง
ยิ่งกว่านั้นท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนท่านนี้ มิชอบให้ผู้อื่นเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสด้วย
เช่นนี้แสดงว่าผู้ที่เยี่ยนเทียนซานเอ่ยถึง มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคน ๆ เดียวกับท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
มิเช่นนั้นที่เมืองเสี่ยวฉือก็คงจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือเยอะเกินไปแล้ว
สวีฉิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเหลือบมองเยี่ยนเทียนซานที่นั่งอยู่ตรงข้าม จากนั้นก็มองไปยังเยี่ยนปิงซินที่อยู่ด้านหลังเยี่ยนเทียนซาน
“เด็กน้อย ปรมาจารย์ที่เจ้าพบที่เมืองเสี่ยวฉือหน้าตา ท่าทางเป็นเช่นไรงั้นหรือ ? ”
สวีฉิงเทียนเอ่ยถามเยี่ยนปิงซิน
เยี่ยนปิงซินที่รู้ถึงฐานะอันสูงส่งของสวีฉิงเทียนจากท่านบรรพบุรุษ ก็มีสีหน้าสับสนและกังวลใจขึ้นมาทันที
ในสายตาของนาง เจ้าสำนักจื่อชิงท่านนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ
แต่เมื่อเทียบกับคนที่ทำให้นางถึงกับคะนึงหาเช่นท่านเย่แล้ว ยังดูธรรมดาอย่างมาก
อีกทั้งหลังจากท่านบรรพบุรุษได้เห็นภาพอักษรพู่กันที่นางนำกลับไป ก็มั่นใจว่าท่านเย่จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความแตกฉานในวิถีกระบี่ขั้นสูงอย่างแน่นอน
เกรงว่ายุคนี้คงมิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้อีก
การที่เจ้าสำนักจื่อชิงท่านนี้ถามถึงรายละเอียดของท่านเย่เช่นนี้ ดูเป็นการมิให้เกียรติเกินไปหรือไม่?
ขณะที่เยี่ยนปิงซินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เยี่ยนเทียนซานจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ปิงซิน พี่สวีเป็นสหายของข้า คำถามทั่ว ๆ ไปเหล่านี้ เจ้าคงจะบอกได้กระมัง”
สวีฉิงเทียนพยักหน้ารับหงึกหงัก “ใช่แล้ว ข้ากับพี่เยี่ยนเป็นสหายกันมานาน มินับว่าเป็นคนนอกอะไร”
เยี่ยนปิงซินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “รูปงามราวกับหยก สง่างามทว่าเรียบง่าย โลกนี้คงมีเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”
เยี่ยนเทียนซานได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบหนวดพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สวี แม้ปิงซินจะพูดคลุมเครือไปบ้าง แต่หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดปรมาจารย์ท่านนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอย่างแน่นอน”
ประโยคสุดท้ายเยี่ยนเทียนซานได้ยื่นหน้าเข้าใกล้สวีฉิงเทียน พลางกระซิบเสียงเบา
สวีฉิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
‘ใช่แล้ว ! ’
‘หากเป็นท่านบรรพจารย์เย่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจริง คงมิได้เป็นเพียงยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่’
‘แต่เรียกได้ว่าเกินกว่าที่พวกข้าจะจินตนาการได้จะดีกว่า’
สวีฉิงเทียนคิดถึงตรงนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา
แม้สองคราก่อนมิสามารถไปคาราวะท่านท่านบรรพจารย์เย่ได้ นับว่าเป็นโชคชะตาของเขา
แต่บัดนี้การได้พบท่านบรรพบุรุษของแคว้นต้าเยี่ยน และยังมีเด็กน้อยที่มีรากวิญญาณชั้นยอดสองรากเช่นนี้
‘หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนโชคชะตาของข้างั้นหรือ ? ’
‘เป็นโอกาสของข้า ? ’
หลังจากใคร่ครวญถ้อยคำอยู่ครู่หนึ่ง
ใบหน้าของสวีฉิงเทียนพลันปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้น
“พี่เยี่ยน ข้าขอร่วมเดินทางไปคาราวะปรมาจารย์ท่านนี้กับพวกท่านด้วยได้หรือไม่ ? ”
เขามองไปทางเยี่ยนปิงซินเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยด้วยท่าทางจริงใจกับเยี่ยนเทียนซาน “หากปรมาจารย์ท่านนี้เป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่จริง จากนี้ไปให้ถือว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงติดหนี้บุญคุณแคว้นต้าเยี่ยนของพวกท่านคราหนึ่งได้เลย”
“ท่านเห็นเป็นเยี่ยงไร ? ”
‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงติดหนี้บุญคุณงั้นหรือ ? ’
ได้ยินดังนั้นอย่าว่าแต่เยี่ยนปิงซินจะรู้สึกงงงวย แม้แต่เยี่ยนเทียนซานเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างอดมิได้เช่นกัน
‘หนี้บุญคุณดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ ? ’
‘สิ่งนี้มิต่างจากการได้รับโชคและวาสนาเลยนะ ! ’
แต่แม้เยี่ยนเทียนซานจะคิดเช่นนั้น ก็ยังโบกมือปฏิเสธ
“พี่สวี ท่านอย่าได้เกรงใจข้าเช่นนั้นเลย”
เยี่ยนเทียนซานเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“หมายความว่าพี่เยี่ยนท่านตกลงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
สวีฉิงเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
เยี่ยนเทียนซานจึงพยักหน้าตอบตกลงให้แก่สวีฉิงเทียน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ออกเดินทางกันเลยดีหรือไม่ ? ”
“อืม”
……………………………
อีกด้านหนึ่ง
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม
ในที่สุดนักพรตฉางเสวียนก็เดินทอดน่องมาจนถึงเขตเมืองเสี่ยวฉือ
เมืองที่ดูวิเวกวังเวงตรงหน้า กลับมีพลังปราณบริสุทธิ์แผ่ไปทั่ว ทั้งยังมียอดฝีมือเช่นท่านบรรพจารย์เย่พำนักอยู่
แต่จู่ ๆ นักพรตฉางเสวียนก็แสดงสีหน้าสับสนปนเปออกมา ทั้งยินดี ตื่นเต้น รวมทั้งหวั่นเกรงในเวลาเดียวกัน
เพราะก่อนหน้านี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น แท้จริงแล้วท่านบรรพจารย์เย่ทำสิ่งใดกันแน่นั้น ตัวเขาเองก็มิได้ล่วงรู้แต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการใช้พลังจิต ต่อให้เก่งกาจเพียงใดเขาก็มิกล้าทำเรื่องเช่นนั้นอยู่ดี
นักพรตฉางเสวียนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเดินต่อและเข้าไปในเมืองเสี่ยวฉือ
‘พลังปราณที่แผ่กระจายอยู่ในอากาศเหมือนจะบริสุทธิ์ขึ้นหลายส่วน หรือว่าตบะบารมีของท่านบรรพจารย์เย่จะก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วงั้นหรือ ? ’
‘น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก เมื่อถึงระดับเช่นท่านบรรพจารย์เย่ หากต้องการบรรลุตบะบารมีที่สูงขึ้นอีก เกรงว่าคงยากอย่างสุดจะเปรียบเป็นแน่ ! ’
เมื่อมาถึงถนนอันเป็นที่ตั้งร้านขายของชำฉางชิง
นักพรตฉางเสวียนก็พึมพำขึ้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไอพลัง
แต่เพียงครู่เดียวด้านหลังของเขากลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เหอฉางเสวียน ! ”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินดังนั้นก็นิ่งงันไปทันที ก่อนจะหันไปมองอย่างตกตะลึง
ด้านหลังของเขาตอนนี้มีทั้ง สวีฉิงเทียน เยี่ยนเทียนซาน และเยี่ยนปิงซินยืนอยู่
โดยเฉพาะสวีฉิงเทียนที่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเข้มขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พี่สวี เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”
นักพรตฉางเสวียนฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมา พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างฝาดเฝื่อน
“พี่สวี ท่านนี้คือ ? ” เยี่ยนเทียนซานถามขึ้นด้วยความสงสัย
สวีฉิงเทียนฉีกยิ้มด้วยความโมโห ก่อนจะชี้ไปที่นักพรตฉางเสวียน พลางหัวเราะเสียงเย็น “เขาน่ะหรือ เขาคือเจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เหอฉางเสวียน ! ”
‘เจ้าสำนักไท่เสวียน ? ’
เยี่ยนเทียนซานถึงกับตะลึงงัน มีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาในทันที
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนและแคว้นต้าเยี่ยนมีข้อตกลงร่วมกันว่า คนของราชวงค์ต้าเยี่ยนห้ามเข้าเขตแดนของไท่เสวียนโดยพลการ
เมืองเสี่ยวฉือแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในแดนจิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
เช่นนั้นแล้วมิเท่ากับว่าเขาผิดข้อตกลงก่อนหรือยังไง ?
อีกทั้งยังถูกเจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจับได้พอดี
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เยี่ยนเทียนซานก็ยังคงประสานมือพร้อมกับโค้งคำนับ พลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้า เยี่ยนเทียนซาน ขอคารวะเจ้าสำนักไท่เสวียน”
“เยี่ยนเทียนซาน ? ”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยความมิพอใจว่า “ท่านคงจะเป็นท่านบรรพบุรุษท่านนั้นแห่งแคว้นต้าเยี่ยน แต่ท่านลืมข้อตกลงระหว่างเราไปแล้วงั้นหรือ ? ”
“หากข้าจำมิผิด มินานมานี้เด็กน้อยข้างกายท่านผู้นี้ก็เคยมาที่นี่คราหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ ? ”
ตอนนั้นเองสวีฉิงเทียนที่คุยกับเยี่ยนปิงซินอย่างถูกคอมาระหว่างทาง ก็เอ่ยเสียงเข้มขึ้นว่า “ตาเฒ่า ผู้อาวุโสเย่อนุญาตให้เด็กน้อยผู้นี้มาคารวะได้ทุกเมื่อ หรือว่าเจ้าจะฝืนเจตนาของท่านเย่งั้นหรือ ? ”
‘เจตนาของท่านเย่ ? ’
“สูด ! ”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พลางสูดลมหายในเข้าลึก ๆ
“เด็กน้อย ท่านเย่รับปากเจ้าเช่นนั้นจริงหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนเอ่ยถามเยี่ยนปิงซินเสียงต่ำ
เยี่ยนปิงซินพยักหน้ายอมรับ
มินานนักพรตฉางเสวียนก็ฝืนยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยกับเยี่ยนเทียนซานอย่างยิ้มแย้มว่า “ในเมื่อเป็นเจตนาของท่านเย่ ท่านย่อมสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา มิต้องพูดถึงเรื่องข้อตกลงใด ๆ อีก”
เยี่ยนเทียนซาน “……”