เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 167 เจ้ากำลังสบประมาทท่านเย่เยี่ยงนั้นหรือ ?
ตอนที่ 167 เจ้ากำลังสบประมาทท่านเย่เยี่ยงนั้นหรือ ?
จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งก้านธูป
เยี่ยนปิงซินและผู้ดูแลภัตตาคารที่ยังคงมีสีหน้าซีดเผือดก็ได้กลับขึ้นมา
ทว่าบัดนี้เย่ฉางชิงก็ยังคงตั้งใจวาดภาพอยู่เช่นเดิม
เพียงแต่เยี่ยนจิ่งหงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เวลานี้กลับมีดวงตาเบิกโพลง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เวลานี้แม้เย่ฉางชิงจะยังมิได้ยกพู่กันขึ้น แต่ทักษะในการวาดภาพที่แสดงออกมา รวมทั้งการจัดวางองค์ประกอบของภาพทั้งหมด กลับให้ความรู้สึกสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ลายเส้นลื่นไหลราวกับก้อนเมฆที่ล่องลอยและสายน้ำที่รินไหล เห็นได้ชัดว่าทักษะในการวาดของเขาเยี่ยมยอดมากเพียงใด
การจัดวางองค์ประกอบภาพ ทิวทัศน์ทั้งระยะใกล้และระยะไกลเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ที่ติ เรียกว่าได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างมาก
อีกทั้งเย่ฉางชิงยังใส่จุดเด่นของภาพเอาไว้บนตัวปลาคาร์ฟที่ว่ายวนในแม่น้ำสายเล็ก ๆ
ภายใต้ลำแสงหนึ่งที่สะท้อนลงมา ทำให้ปลาคราฟตัวนี้มีสีสันงดงามราวกับมีชีวิตจริง ๆ
ปลาคราฟตัวนี้กระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำ มีพลังราวกับปลากระโดดข้ามประตูมังกร
ขณะเดียวกันก็มีเงาร่างหนึ่งเหาะอยู่บนฟ้า ราวกับพุ่งลงมาเพราะปลาคราฟตัวนี้…
จนเวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งก้านธูป
ในที่สุดเย่ฉางชิงก็ยกพู่กันขึ้น
ภาพนิมิตยิ่งใหญ่ด้านหลังของเขา ก็ค่อย ๆ จางหายไป
หากผู้ดูแลภัตตาคารท่านนี้ รวมทั้งนายท่านที่อยู่เบื้องหลังของเขาตาพอมีแววอยู่บ้าง ภาพของข้าภาพนี้ เยี่ยงไรเสียก็ต้องมีค่ามากกว่า 180,000 ตำลึงทองอย่างแน่นอน !
เย่ฉางชิงกวาดตามองม้วนภาพตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยกับตัวเองภายในใจอย่างอดมิได้
แต่ขณะที่เขาหันไปมองพวกถานไถชิง เสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างกาย
ก็พบว่าพวกเขาต่างก็มีท่าทีที่นิ่งเงียบไป สายตาต่างจับจ้องไปที่ม้วนภาพบนโต๊ะ ราวกับเข้าสู่การรู้แจ้งอันอัศจรรย์บางอย่างเข้า
เย่ฉางชิงยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยความเคยชิน
แน่นอนว่าตอนที่อยู่เมืองเสี่ยวฉือ นอกจากชาวเมืองเสี่ยวฉือแล้ว คนอื่นเมื่อเห็นภาพวาดของต่างก็มีอาการเช่นนี้เกือบทั้งสิ้น
ตอนนั้นเองเย่ฉางชิงก็ได้ฉุกคิดถึงปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้
ต่อให้ภาพนี้จะดีเพียงใดก็ต้องเข้าตาของนายท่านที่นี่ด้วย แม้พวกเขาจะบอกว่างดงามเพียงใดก็มิมีประโยชน์
เย่ฉางชิงคิดได้เช่นนั้นจึงหมุนตัวไปมองผู้ดูแลภัตตาคาร ที่มีท่าทางประหลาดและยืนอยู่ไม่ไกลนัก พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ดูแลภัตตาคาร ท่านอย่ามัวยืนอยู่ตรงนั้นเลย เข้ามาดูสิว่าภาพนี้ของข้าเทียบกับภาพวาดของอาจารย์ปี้เหลียนท่านนั้นแล้วเป็นเช่นไรบ้าง”
ผู้ดูแลภัตตาคารผู้มีนามว่าจูฟู๋ถึงกับชะงักงันไปทันที ก่อนรีบประสานมือคารวะ
“ขอบคุณน้ำใจขอรับ อีกครู่ผู้น้อยค่อยดูดีกว่าขอรับ”
ก่อนหน้านี้เขายังมิทราบถึงฐานะของคนกลุ่มนี้ ทว่าตอนนี้ได้รู้แล้วว่าคุณหนูท่านนั้นที่มาเตือนเขาเป็นถึงองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยน เช่นนั้นคนที่มากับนางย่อมต้องมีฐานะสูงส่งเช่นกัน
ส่วนเขา เยี่ยงไรเสียก็เป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น
และแม้แต่เจ้านายของเขาก็ยังต้องคุกเข่าต่อราชวงศ์
การได้ชื่นชมภาพวาดของท่านผู้นี้ไปพร้อมกับกลุ่มคนสูงศักดิ์ ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองนั้นมิคู่ควรจริง ๆ
เมื่อเห็นท่าทางแน่วแน่ของจูฟู๋ เย่ฉางชิงจึงพยักหน้าอย่างลังเลแล้วเอ่ยถามว่า “ผู้ดูแลภัตตาคาร สุราและอาหารจัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว ? ”
จูฟู๋ได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติขึ้นมา ก่อนหัวเราะกลบเกลื่อน “เรียนคุณชาย จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วขอรับ สามารถตั้งโต๊ะได้ตลอดเวลาขอรับ”
เย่ฉางชิงจึงเอ่ยต่อว่า “เช่นนั้นก็ตั้งโต๊ะเถอะ”
จูฟู๋พยักหน้ารับ พร้อมหมุนตัวเดินไปทางบันไดทันที
ตอนนั้นเองเยี่ยนเทียนซานได้สติขึ้นมาก่อน
ใบหน้าของเขาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า ท่าทางเต็มไปด้วยความยินดี
การได้เห็นภาพราวกับปลากระโดดข้ามประตูมังกรเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงโอกาสที่เขาจะบรรลุขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เพราะเขานั้นเพิ่งบรรลุแดนเทวาได้มินาน
หากอาศัยความรู้แจ้งจากภาพ ๆ นี้ เขามั่นใจว่าตนนั้นจะต้องเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่บรรลุจากแดนเทวาขั้นต้นไปยังขั้นกลางได้เร็วที่สุด
ดูก็รู้แล้วว่าเวลานี้ภายในใจของเขานั้นตื่นเต้นและยินดีเพียงใด
“ท่านเยี่ยน ภาพนี้ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง ? ”
เย่ฉางชิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนเทียนซานชะงักไปทันที จากนั้นก็โค้งคาราวะให้แก่เย่ฉางชิงอย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยอย่างยินดีว่า “การจัดวางงดงามไร้ที่ติ แนวความคิดของภาพวาดลึกซึ้ง เป็นผลงานชิ้นเอกที่หาได้ยากยิ่ง”
เย่ฉางชิงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อสุราและอาหารพร้อมแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไปนั่งกันเถอะ”
จากนั้นเย่ฉางชิงและเยี่ยนเทียนซานก็ได้เดินนำไปนั่งยังโต๊ะสุราตัวหนึ่งที่อยู่ฝั่งริมถนน
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“สูด ! ”
ถานไถชิง เสวี่ยที่เพิ่งจะดึงจิตวิญญาณออกมาจากภาพวาดได้ ก็อดมิได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
ภายในเวลามิถึง 2 ก้านธูป นางกลับสามารถก้าวกระโดดจากระดับก่อกำเนิดขั้นต้นไปสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นสูงได้
ดูก็รู้ว่านางได้รับโชคและวาสนาจากภาพนี้ถึงเพียงใด
เนื่องด้วยช่วงที่ผ่านมานางชำระล้างจิตใจมาโดยตลอด
แม้ใบหน้าขาวผ่องของถานไถชิง เสวี่ยจะมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา แต่ภายในใจกลับอดมิได้ที่จะเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
นางจึงเหลือบไปมองเย่ฉางชิงที่อยู่มิไกลนัก พร้อมกับพูดในใจว่า ‘คาดมิถึง มิได้พบกันเพียงมินาน ตบะบารมีของท่านเย่จะก้าวหน้าขึ้นถึงเพียงนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ’
ขณะเดียวกันเยี่ยนปิงซินและเยี่ยนจิ่งหงต่างก็ดึงจิตวิญญาณออกมาจากภาพวาดได้แล้วเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเยี่ยนปิงซินเปล่งประกาย สีหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดีเพียงใด
เนื่องจากตอนนี้นางสามารถประสานก่อกำเนิดได้ และกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดแล้ว
ส่วนเยี่ยนจิ่งหงที่อยู่ข้าง ๆ กลับนิ่งค้าง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด
เห็นได้ชัดว่าภาพวาดของเย่ฉางชิงภาพนี้แตกต่างกับภาพของอาจารย์ปี้เหลียนมากเพียงใด
ที่สำคัญที่สุดก็คือเขานั้นคาดมิถึงว่าภาพ ๆ หนึ่ง จะแฝงจิตแท้แห่งเต๋าที่บริสุทธิ์เช่นนี้ได้
ต้องมีตบะบารมีเพียงใดกัน จึงสามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ได้ ?
น่าเหลือเชื่อ !
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !
เยี่ยนปิงซินเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือออกไปตบที่บ่าของเยี่ยนจิ่งหงเบา ๆ แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านเชื่อคำพูดของข้าก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือไม่ ? ”
เยี่ยนจิ่งหงได้สติอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “น้องหญิง ท่านเย่… เขา…”
เยี่ยนปิงซินส่ายหน้าทันที “พี่ใหญ่ เรื่องบางเรื่องเก็บเอาไว้ในใจได้ แต่หากเอ่ยออกมาจะกลายเป็นโทษใหญ่หลวงได้นะเจ้าคะ”
เยี่ยนจิ่งหงนิ่งงันไปอีกครั้ง ก่อนจะรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เยี่ยนปิงซินหัวเราะออกมาอย่างห้ามมิได้ ก่อนจะหันไปมองจูฟู๋ที่อยู่ทางลงบันไดพลางกวักมือเรียก “ผู้ดูแลภัตตาคาร เข้ามาชมภาพนี้ของท่านเย่ดูสิ แล้วเทียบกับภาพของนักวาดภาพชื่อดังบนผนังของเจ้าดูว่าเป็นเช่นไรบ้าง ? ”
จูฟู๋ได้ยินเช่นนั้นก็มิกล้าชักช้า รีบเดินเข้ามาหาทันที
เมื่อเยี่ยนปิงซินส่งสัญญาณมา เขาจึงเหลือบมองภาพวาดบนโต๊ะอย่างอดมิได้
วินาทีต่อมาดวงตาของเขาถึงกับเบิกโพลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อเทียบกันแล้วกลับเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน !
นี่มันฟ้ากับเหวชัด ๆ !
มินานสมองของจูฟู๋ก็มีคำ ๆ นี้ปรากฏขึ้นมา
แม้ว่าภาพวาดทั้งสองจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่การจัดวางและแนวความคิดทางศิลปะของภาพวาดทั้งสองนั้น กลับอยู่คนละระดับอย่างสิ้นเชิง
เทียบกันแล้วภาพวาดของอาจารย์ปี้เหลียนเหมือนกับมือใหม่ ในขณะที่ภาพวาดของเย่ฉางชิง กลับเป็นสุดยอดผลงานอย่างแท้จริง
เยี่ยนปิงซินที่เห็นท่าทางตกตะลึงจนอ้าปากค้างของจูฟู๋ มุมปากก็หยักโค้งขึ้นพลางเอ่ยเสียงเย็นว่า “ยังจะมัวยืนอึ้งอยู่ทำไมรีบโยนภาพบนผนังทิ้งซะสิ แล้วนำภาพของท่านเย่ไปแขวนแทน ! ”
จูฟู๋ได้สติขึ้นมา ก่อนที่สีหน้าจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูขอรับ ภาพ ๆ นี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดผลงานก็ว่าได้ แม้แต่นายท่านของข้าก็มิแน่ว่าจะสามารถซื้อเอาไว้ได้นะขอรับ”
“ซื้อ ? ”
เยี่ยนปิงซินปรายตามองอย่างดุ ๆ ก่อนเอ่ยตำหนิว่า “เจ้ากำลังสบประมาทท่านเย่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ถานไถชิง เสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย
ยอดบุรุษเช่นท่านเย่ ทุกสิ่งทุกอย่างคือโชคชะตา
ในเมื่อเขาวาดภาพที่นี่ ย่อมต้องการที่จะประทานโชควาสนาให้แก่หอจุ้ยเซียนแห่งนี้
การซื้อขายก็มิต่างอะไรกับการสบประมาท