เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 219 ท่านชิวหลงช่วยข้าด้วย
ตอนที่ 219 ท่านชิวหลงช่วยข้าด้วย
เวลานี้แม้ถูซื่อจะมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ทว่าภายในใจกลับสั่นสะท้านไปหมด
เพราะการเป็นระดับจ้าวปีศาจนั้น มิต้องพูดถึงว่าพลังจะแข็งแกร่งเพียงใด
เพียงแค่กายเนื้อของพวกนางก็เพียงพอที่จะเทียบเคียงกับสมบัติวิญญาณได้แล้ว หรืออาจจะมีพลังยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่ผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นกลับนำกายเนื้อของเฮยฉางหลิงไปตุ๋นกินงั้นหรือ
ผู้ที่สามารถตุ๋นเนื้อของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจได้ เช่นนั้นแล้วในโลกนี้จะมีใครที่สามารถเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ได้อีกเล่า ?
ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้จะต้องเป็นยอดบุรุษที่มาจากสรวงสวรรค์อย่างมิต้องสงสัย
ในตอนนั้นเองไอสังหารที่พลังทำลายล้างสูงก็ได้แผ่กระจายออกมา ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้คนขนลุกชันและรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดมิได้
“เด็กน้อย ข้ามิสนใจว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่เพราะคำพูดนี้ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้รสชาติของการถูกนำไปทำเป็นอาหารให้ได้”
ดวงตาอันเย็นชาและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของเฮยฉางซาน จ้องเขม็งไปยังราชันทมิฬ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แมวดำเฒ่า ข้าพูดขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังมิเชื่อข้าอีกเล่า ? ”
ราชันทมิฬส่ายหน้าไปมา แล้วเอ่ยอย่างผิดหวังว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะขอพูดกับเจ้าตรง ๆ ”
“นำตัวปีศาจของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณออกมา จากนั้นพวกเจ้าแมวดำเฒ่าทั้งสามตัวก็จงคุกเข่าลงขอขมาซะ แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิตเผ่าแมวดำของพวกเจ้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเตือนก็แล้วกัน…”
“ตู้ม ! ”
ราชันทมิฬเอ่ยยังมิทันจบประโยค เฮยฉางซานก็ทนมิไหวอีกต่อไป
ทันใดนั้นพลังเวทย์รอบกายของเขาก็ปะทุขึ้น เพียงสะบัดมือข้างหนึ่งไอพลังอันเจิดจ้าสายหนึ่งที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังทำลายล้างก็พุ่งเข้าใส่ทันที
ทุกที่ที่ลำแสงพาดผ่าน อากาศบริเวณนั้นจะเกิดรอยแยก จนเกิดเป็นประกายไฟระยิบระยับ ก่อนพุ่งเข้าโจมตีราชันทมิฬแทบจะในพริบตา
ทว่าในวินาทีต่อมาภาพอันพิสดารที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น มีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและเคร่งเครียดก็เกิดขึ้น
ใบหลิวสีเขียวมรกตที่ปกคลุมไปด้วยแสงระยิบระยับใบหนึ่ง กำลังลอยอยู่ตรงหน้าของราชันทมิฬ
‘และในขณะที่ลำแสงแห่งการทำลายล้างกำลังใกล้ถึงตัวราชันทมิฬนั้น จู่ ๆ ก็หายวับไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ! ’
‘เกิดอะไรขึ้น ! ’
‘ใบหลิวใบนั่นมันอะไรกัน เหตุใดจึงอัศจรรย์ถึงเพียงนี้!’
‘แม้ลำแสงที่เฮยฉางซานปล่อยออกมานั้น ยังมิใช่พลังทั้งหมดของเขา แต่ว่าหากเป็นผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับจ้าวปีศาจ ย่อมมิมีผู้ใดที่จะสามารถต้านทานได้นี่นา ! ’
ระหว่างที่ผู้แข็งแกร่งของทั้งสองเผ่ากำลังงุนงงสงสัยกันอยู่นั้น
“เปรี้ยง ! ”
ใบหลิวที่ลอยอยู่ตรงหน้าของราชันทมิฬก็เปล่งแสงขึ้นมาทันที เพียงพริบตาก็กลายเป็นหมอกที่งดงามและพร่างพราว
แต่ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ภายในหมอกนี้กลับมีร่างเงาที่เลือนรางร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ขณะเดียวกันหลังจากที่เงาร่างอันเลือนรางร่างนี้ปรากฏขึ้น ไอลังอันน่ากลัวกลุ่มนั้นก็แผ่ออกมาในพริบตา
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปแทบจะทันที
แม้แต่จ้าวปีศาจทั้งสามตนของเผ่าพยัคฆ์ดำเอง ก็ยังอดที่จะเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมามิได้
ผู้ใดกันถึงสามารถแผ่ไอพลังที่น่ากลัวเพียงนี้ออกมาได้ ?
‘นี่… นี่มันไอพลังของผู้อาวุโสท่านนั้นนี่นา ! ’
ถูซื่อมีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับเอ่ยขึ้นภายในใจ
เวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
จู่ ๆ เสียงลึกลับเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ราชันทมิฬ ตามหาหินหุนหยวนให้นายท่านไปถึงไหนแล้ว ? ”
ราชันทมิฬได้ยินเช่นนั้นก็ย่นคอด้วยความหวั่นเกรงทันที
“พี่ต้นไม้ เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ”
ราชันทมิฬปรายตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำ ก่อนจะหันมาเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “เดิมข้าคิดจะให้เผ่าจิ้งจอกวิญญาณช่วยสืบข่าวหินหุนหยวนจากที่ต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าแมวดำเหล่านี้ขัดขวางพวกเราต่าง ๆ นานาขอรับ”
“พี่ต้นไม้ เมื่อครู่ท่านก็คงเห็นแล้วว่าเจ้าแมวดำพวกนี้ยังคิดที่จะสังหารข้าด้วย”
เอ่ยถึงตรงนี้
“พี่ต้นไม้ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะขอรับ ! ”
ราชันทมิฬบีบน้ำตาออกมาจนเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า ก่อนจะแกล้งเช็ดน้ำตาแล้วคร่ำครวญออกมา “เมื่อครู่หากมิใช่เพราะท่าน เกรงว่าชีวิตของข้าคงจะสิ้นลงตรงนี้เป็นแน่”
“อีกทั้งชีวิตของข้าเป็นเพียงชีวิตที่ต้อยต่ำเท่านั้น แต่หากทำให้งานของนายท่านต้องล่าช้าล่ะก็ ต่อให้ต้องตายข้าก็มิอาจตายตาหลับได้ ! ”
ทันใดนั้น
เผ่าพยัคฆ์ดำ “……”
เผ่าจิ้งจอกวิญญาณ “……”
เจ้าราชันทมิฬผู้นี้ช่างไร้ยางอายเหมือนเดิมมิมีผิด
ต่อให้เจ้าเป็นถึงจักรพรรดิปีศาจแล้ว แต่กลับทำตัวมิต่างจากหญิงแพศยาเลยสักนิด
ไร้ยางอาย !
ช่างไร้ยางอายจริง ๆ !
ตอนนั้นเองเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้าทำเช่นนี้ เกรงว่าเกินไปแล้วกระมัง ? ”
“นายท่านแม้จะมีฝีมือสูงส่ง มิอยากใส่ใจพวกมดปลวกเช่นพวกเจ้า แต่ข้านั้นหาได้มีเมตตาเช่นนายท่านไม่”
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเผ่าพยัคฆ์ดำของเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าจงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีช่วยราชันทมิฬตามหาหินหุนหยวนให้กับนายท่าน มิเช่นนั้นหลังจากวันนี้ไป เทือกเขาแดนใต้จะไร้ซึ่งเผ่าพยัคฆ์ดำอีก”
เสียงลึกลับเอ่ยออกมาอย่างสบาย ๆ แต่กลับแผ่อำนาจที่มิอาจต้านทานได้ออกมา
เฮยฉางซานได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างมิแยแส
“หินหุนหยวนนั้นเป็นของวิเศษที่มีพลังฟ้าดิน แม้จะมิอาจใช้บำเพ็ญเพียรได้ แต่หากผสานในค่ายกลจะทำให้ค่ายกลมีพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น”
เฮยฉางซานเหยียดหยามออกมา “อีกอย่างเผ่าพยัคฆ์ดำของข้านับเป็นเผ่าปีศาจอันดับหนึ่งแห่งเทือกเขาแดนใต้ อาศัยเพียงคำพูดของเจ้าจะทำให้เผ่าพยัคฆ์ดำยอมสวามิภักดิ์ได้เยี่ยงนั้นหรือ ช่างน่าขันยิ่งนัก ! ”
“ฟิ้ว ! ”
สิ้นเสียงของเฮยฉางซาน
ไอพลังอันรุนแรงไอหนึ่งก็พุ่งออกมาทันที
กิ่งหลิวสีทองกิ่งหนึ่งได้พุ่งออกมาจากหมอกแสงระยิบระยับ เข้าใส่เฮยฉางซาน
ตอนแรกกิ่งหลิวสีทองกิ่งนี้ก็มิได้แสดงพลังใด ๆ ออกมา แต่ในขณะที่กิ่งหลิวอยู่ห่างจากเฮยฉางซานเพียงมิกี่จั้งนั้น
“ตู้ม ! ”
บริเวณที่กิ่งหลิวสีทองกิ่งนี้ยื่นออกไป กลับมีสัญลักษณ์ที่เปล่งแสงออกมาเต็มไปหมด
เพียงพริบตาอากาศก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้น คลื่นพลังรุนแรงระลอกหนึ่งพุ่งออกมา ทำให้ห้วงอากาศในรัศมีร้อยจั้งพังทลายลงมาในทันที
ในตอนนั้นเองไอพลังชีวิตมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็แผ่ออกมาภายในพริบตา
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า มิเพียงแต่เฮยฉางซานเท่านั้น ทว่าทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ชาวาบไปทั้งตัว
‘ไอพลังแห่งเต๋า ! ’
‘มิผิดแน่ นี่คือไอพลังแห่งเต๋า ! ’
‘แต่ว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดพลังโจมตีจึงแฝงไอพลังแห่งเต๋าเช่นนี้เอาไว้ได้ ! ’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
ทันทีที่ได้สติ เฮยฉางซานพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะแปลงร่างเป็นเงาเหาะถอยหลังไปนับร้อยจั้งในพริบตา
ทว่าในขณะที่ร่างของเขาหยุดเคลื่อนไหวลงนั้น ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยท่าทางสิ้นหวัง
“ผู้อาวุโสได้โปรดเมตตาด้วย ผู้น้อยผิดไปแล้ว ! ”
เฮยฉางซานถึงกับคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับส่งเสียงอ้อนวอนออกมา
ตอนนั้นเองเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ! ”
สิ้นเสียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเฮยฉางซานก็มีฝนดาวตกอันเจิดจ้าร่วงลงมา เกิดเป็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ทว่าสำหรับเฮยฉางซานแล้ว
ฝนดาวตกเหล่านี้กลับแฝงไอสังหารที่มิรู้จบเอาไว้
“เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอกระมัง”
ในขณะที่เฮยฉางซานกำลังจะสิ้นหวังนั้น เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
จากนั้นด้านหลังของเฮยฉางซานก็เกิดการสั่นสะเทือนจนเป็นระลอกคลื่น
มินานผู้เฒ่าที่น่าเกรงขามท่านหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น
และในวินาทีนั้นเอง จ้าวปีศาจอีกสามตนในที่นั้นก็ได้รีบโค้งลงคำนับทันที พร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยคารวะท่านชิวหลง”
ขณะเดียวกันเฮยฉางซานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็ครวญครางออกมาว่า
“ท่านชิวหลง ช่วยข้าด้วย ! ”