เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 223 เรื่องนี้ข้าจะตัดสินใจเอง
ตอนที่ 223 เรื่องนี้ข้าจะตัดสินใจเอง
จวบจนหลายวันผ่านไป แต่เผ่าพยัคฆ์ดำก็ยังคงมิมีข่าวคราวใด ๆ ส่งมาทั้งสิ้น
ทว่าราชันทมิฬก็หาได้กังวลไม่
ตามข่าวที่ส่งมาจากเมืองจิ้งจอก บอกว่าหลายวันมานี้เพื่อตามหาหินหุนหยวนให้ครบ ผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำเกือบทั้งเผ่า ต่างก็ออกไปตามหาและหยิบยืมหินหุนหยวนจากเผ่าอื่น
บางคราแม้แต่ท่านบรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ดำก็ยังต้องออกหน้าด้วยตัวเองอีกด้วย
มิเพียงเท่านั้นเผ่าพยัคฆ์ดำยังส่งข่าวออกไปด้วยว่า ปีศาจทุกเผ่าในเทือกเขาแดนใต้ห้ามมีเรื่องกับราชันทมิฬอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นเท่ากับเป็นศัตรูกับเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกเขาด้วย
ส่วนทางด้านราชันทมิฬ เนื่องด้วยตบะบารมีระดับจักรพรรดิปีศาจ อีกทั้งยังมีเผ่าพยัคฆ์ดำคอยปกป้อง
เช่นนั้นเวลานี้จึงเป็นช่วงแก้แค้นความคับข้องใจของราชันทมิฬอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าราชันทมิฬก็แค่ลอบเข้าไปยังสุสานของเผ่าต่าง ๆ เพียงเท่านั้น
จะกระทั่งผ่านไปสิบสามวัน
ขณะที่ราชันทมิฬกำลังเดินเอามือไพล่หลัง เยื้องย่างไปตามป่าท้ออย่างสบายใจอยู่นั้น
บุรุษหนุ่มเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้หนึ่งก็วิ่งมาอย่างรีบร้อน
“ท่านราชันทมิฬ หัวหน้าเผ่าพยัคฆ์ดำพาคนมาขอรับ”
บุรุษหนุ่มท่าทางหล่อเหลาผู้นี้ เอ่ยกับราชันทมิฬอย่างนอบน้อม
“มาแล้วงั้นหรือ ? ”
ราชันทมิฬชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน ก่อนจะเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม
มินานบุรุษหนุ่มก็เดินนำราชันทมิฬมายังถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของเขาดอกท้อ
เมื่อเห็นราชันทมิฬปรากฏตัวที่หน้าประตู เฮยเซี่ยวที่กำลังทักทายกับถูซานเฮยาอยู่นั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที
“ราชันทมิฬ มิผิดหวังจริง ๆ ด้วยความพยายามของคนในเผ่าพยัคฆ์ดำของข้าทั้งหมด ในที่สุดก็สามารถรวบรวมหินหุนหยวนมาจนครบ 800 ก้อน บวกกับก่อนหน้านี้อีก 200 ก้อน จึงรวมเป็น 1,000 ก้อนพอดี”
เฮยเซี่ยวที่มีสีหน้าซีดเผือด เอ่ยด้วยท่าทางปวดใจ
ทว่าราชันทมิฬกลับมิได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมามากนัก ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าของเฮยเซี่ยว พลางยื่นมือข้างหนึ่งออกมาอย่างมิรีบร้อนใด ๆ
เฮยเซี่ยวตกตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากได้สติก็รีบหยิบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ก่อนวางลงบนมือของราชันทมิฬด้วยมือทั้งสองข้าง
“ราชันทมิฬ หินหุนหยวน 800 ก้อนอยู่ในแหวนเก็บสมบัติวงนี้แล้ว”
เฮยเซี่ยวเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบ “หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว อย่าลืมเอ่ยเรื่องดี ๆ ของพวกเราให้ผู้อาวุโสต้นไม้ท่านนั้นทราบด้วยนะ เยี่ยงไรเสียความแค้นเคืองควรพึงละ มิพึงผูก”
“อีกอย่างก่อนหน้านี้ปีศาจน้อยในเผ่าพวกนั้นมิรู้จักมารยาท หวังว่าเจ้าจะให้อภัย เจ้าเป็นผู้ใหญ่อย่าได้ถือสาเอาความเด็กพวกนั้นเลยนะ”
ราชันทมิฬเก็บแหวนเก็บสมบัติเรียบร้อย จากนั้นก็เอ่ยเรียบ ๆ ว่า “เรื่องที่เจ้าพูดมาข้ารู้แล้ว หากมิมีเรื่องอื่นแล้วเชิญทุกท่านกลับไปได้”
เฮยเซี่ยวชะงักงัน ก่อนจะพยักหน้ารับแรง ๆ
ระหว่างที่เขาหมุนตัวจากไปนั้น ก็ได้สบตากับถูซานเฮยาเล็กน้อย จากนั้นก็นำผู้แข็งแกร่งของเผ่าจากไปในทันที
หลังจากพวกเฮยเซี่ยวจากไปแล้ว
ราชันทมิฬก็รีบกลับไปยังถ้ำที่ใช้เป็นที่พักตลอดหลายวันมานี้ทันที
เขาเพ่งสมาธิ แล้วรีบนำหินหุนหยวนภายในแหวนเก็บสมบัติทั้งสองวงออกมาจนหมด
ทันใดนั้นหินหุนหยวนทั้งหมด 1,000 ก้อนก็ถูกกองเอาไว้รวมกัน ราวกับภูเขาลูกเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง
แน่นอนว่าสิ่งที่ราชันทมิฬยังมิรู้ก็คือ
หินหุนหยวน 1,000 ก้อนนี้ ถูกรวบรวมมาจากเผ่าปีศาจทุกเผ่าในเทือกเขาแดนใต้ ที่สะสมเนิ่นนานจนมิอาจจะนับได้
ราชันทมิฬยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงรูหูทันที ที่ได้เห็นหินหุนหยวนมากมายถึงเพียงนี้
“หินหุนหยวน 1,000 ก้อน นี่คือหินหุนหยวน 1,000 ก้อนเชียวนะ!”
“ขอเพียงนำหินหุนหยวนมากมายเหล่านี้กลับไป เชื่อว่านายท่านและพี่ต้นไม้จะต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อข้าอย่างแน่นอน”
“เยี่ยม เยี่ยมสุด ๆ ไปเลย ! ”
จนเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ราชันทมิฬก็นำหินหุนหยวนทั้งหมดเก็บกลับเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาอย่างวางมาด
กลับไปยังถ้ำที่ถูซานเฮยาและเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณรวมตัวกันอยู่
ราชันทมิฬสบตาถูสือซานเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยกับถูซานเฮยาว่า “หัวหน้าถู ข้าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพาสือซานน้อยกลับจงหยวน”
ถูซานเฮยาตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะมีประกายบางอย่างแวบผ่านดวงตา
“ราชันทมิฬ ไหน ๆ ครานี้ก็มาถึงนี้แล้ว เหตุใดมิอยู่ต่ออีกสักหน่อยเล่า”
ราชันทมิฬส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ขอบคุณน้ำใจของหัวหน้าถู แต่ว่าเป้าหมายที่ข้ามาในครานี้ก็เพื่อตามหาหินหุนหยวนที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียร บัดนี้ข้าได้หินหุนหยวน 1,000 ก้อนกลับให้นายท่าน จึงได้เวลาที่ต้องกลับไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าราชันทมิฬตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถูซานเฮยาจึงทำได้เพียงพยักหน้ายิ้ม ๆ เท่านั้น
ยามราตรี
ดวงจันทร์ลอยเด่นบนท้องนภา ดวงดาราส่องแสงระยิบระยับ
ถูซื่อและถูสือซานกำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง
“สือซานน้อย ราชันทมิฬตัดสินใจแล้ว เจ้าก็ไปเตรียมตัวเถิด”
ถูซื่อกล่าวกับถูสือซานพร้อมรอยยิ้มปลาบปลื้ม
ถูสือซานพยักหน้าเล็กน้อย “เรียนท่านบรรพบุรุษ สือซานเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
ถูซื่อกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “เมื่อเจ้าไปถึงจงหยวนแล้ว จำไว้ว่าต้องตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่ข้างกายผู้อาวุโสเย่ นี่เป็นโอกาสและวาสนาของเจ้า ทั้งยังเป็นโอกาสและวาสนาของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณด้วย”
ถูสือซานจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า “ท่านบรรพบุรุษโปรดวางใจ สือซานจะตั้งใจบำเพ็ญเพียร ภายภาคหน้าจะต้องทำให้ปีศาจในเผ่าของเราแข็งแกร่งขึ้นให้จงได้เจ้าค่ะ”
เอ่ยถึงตรงนี้ถูสือซานก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยว่า “ท่านบรรพบุรุษ ภาพ… ภาพจิ้งจอกเหิน…”
ถูซื่อได้สติขึ้นมาทันที ก่อนเพ่งสมาธิแล้วหยิบภาพจิ้งจอกเหินออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ แล้วส่งให้ถูสือซานอย่างอาลัยอาวรณ์
“ต้องบอกว่าภาพจิ้งจอกเหินนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในการบำเพ็ญเพียรชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เจ้าต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ๆ อย่าได้ทำให้ผู้อาวุโสเย่เสียน้ำใจเป็นอันขาด”
ถูซื่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับถูสือซานต่อว่า “เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ท่านบรรพบุรุษ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สือซานขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
หลังจากถูสือซานเดินจากไปแล้ว
ทว่าถูซื่อก็ยังคงยืนอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง
นางเงยหน้ามองดวงดาวระยิบระยับ พลางเอ่ยกับตัวเองว่า “หากผู้อาวุโสเย่มอบของศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ให้แก่ข้าบ้าง มิถึงร้อยปีข้าจะต้องสามารถบรรลุเป็นจอมปีศาจได้อย่างแน่นอน”
หลายวันผ่านไป เมื่อราชันทมิฬและถูสือซานปรากฎตัวยังทิศเหนือของจงหยวนอีกครั้ง
เมฆครึ้มปกคลุมไปทั่วท้องนภา ลมหนาวโหมกระหน่ำ
ผ่านไปมินาน บนดินแดนทางเหนือที่ปกคลุมไปด้วยสีเงินระยิบระยับงามจับตานับหมื่นลี้ ก็เกิดหิมะตกหนักอีกครั้ง
เมื่อพวกเขากลับมาถึงเมืองเสี่ยวฉือ ราตรีก็ปกคลุมไปทั่วเสียแล้ว
“พี่ต้นไม้ พวกเรากลับมาแล้ว”
ราชันทมิฬและถูสือซานที่แปลงเป็นร่างเดิมอีกคราก็ค่อย ๆ ย่องไปที่ต้นหลิวทันทีที่กลับมาถึงลานบ้าน
มินานต้นหลิวที่ใบร่วงโรยจนเหลือเพียงกิ่งก้าน ก็ถูกหมอกเจิดจ้าปกคลุมเอาไว้
เงาร่างอันเลือนลางร่างหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตา
“ราชันทมิฬ ในเมื่อเจ้าปลอดภัยกลับมา เช่นนั้นต่อจากนี้ไปเจ้าก็มิต้องไปที่เทือกเขาแดนใต้อีก รอข้าฟื้นฟูร่างกายได้เมื่อใด ถึงตอนนั้นข้าจะไปเทือกเขาแดนใต้ด้วยตัวของข้าเอง”
เสียงลึกลับดังขึ้นในโสตประสาทของราชันทมิฬและถูสือซานทันที
ราชันทมิฬนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มประจบออกมา “พี่ต้นไม้ เผ่าพยัคฆ์ดำได้สำนึกผิดในความมุทะลุของพวกเขาแล้ว และครานี้ที่ข้าสามารถนำหินหุนหยวน 1,000 ก้อนกลับมาให้นายท่านได้ ก็เพราะเผ่าพยัคฆ์ดำขอรับ”
“เรื่องนี้ข้าจะตัดสินใจเอง เจ้ามิจำเป็นต้องเข้ามายุ่ง”
เสียงลึกลับค่อย ๆ จางหายไป เงาร่างอันเลือนรางนั้นรวมทั้งนิมิตบนต้นหลิวก็จางหายตามไปด้วย
ราชันทมิฬยิ้มอย่างระอา พลางสบตากับถูสือซานเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าไปมา
วันรุ่งขึ้น
เมื่อเย่ฉางชิงลืมตาตื่นขึ้นมา ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่ง วางอยู่ที่ข้างหมอนของตน…