เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 244 คุณธรรมยิ่งใหญ่รองรับทุกสรรพสิ่ง
ตอนที่ 244 คุณธรรมยิ่งใหญ่รองรับทุกสรรพสิ่ง
“ท่านบรรพจารย์เย่ ท่าน… ตกลงหรือขอรับ?”
นักพรตฉางเสวียนคาดมิถึงว่า ท่านบรรพจารย์เย่จะตอบตกลงรวดเร็วถึงเพียงนี้
เมื่อเย่ฉางชิงเห็นท่าทีของนักพรตฉางเสวียน ทำให้เขาอดที่จะถามออกมามิได้
“มีปัญหาอะไรเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เย่ฉางชิงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยให้แก่นักพรตฉางเสวียน
เพราะการที่เขาอยู่ในหอเก็บตำรามาหนึ่งคืนเต็ม ๆ มิเพียงแต่ทำให้เขาเข้าใจประวัติศาสตร์มากมายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าใจพิธีต่าง ๆ มากขึ้นอีกด้วย
อย่างเช่นงานพิธีแต่งตั้งในวันนี้
ก่อนอื่นต้องให้ผู้อาวุโสที่มีบารมีอันสูงส่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ข้ามสะพานสายรุ้งไปยังตำหนักบรรพจารย์ พร้อมกับศิษย์ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง
ความหมายแฝงคือผู้นำทางนั่นเอง
เดิมผู้นำทางนี้ถูกกำหนดเอาไว้ว่าเป็นนักพรตหยวนเจี้ยน
เยี่ยงไรเสียลู่อู๋ซวงก็มาจากยอดเขากระบี่วิญญาณ นักพรตหยวนเจี้ยนผู้เป็นเจ้ายอดเขากระบี่วิญญาณ ย่อมเป็นผู้ที่ถูกเลือกอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
ทว่าเมื่อบัดนี้มีบรรพจารย์อย่างเย่ฉางชิงมาร่วมพิธีด้วย เช่นนั้นผู้อาวุโสทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ต่างก็หวังว่าบรรพจารย์เย่ท่านนี้จะเป็นผู้นำทางให้แก่ผู้สืบทอดหญิง
แต่สิ่งที่เย่ฉางชิงมิรู้ก็คือ
ขอเพียงเขาเป็นผู้นำทางให้แก่ลู่อู๋ซวง เช่นนั้นลู่อู๋ซวงก็จะได้รับโชคส่วนหนึ่งจากเขาด้วย
จากนั้นด้วยการนำของผู้นำทาง ศิษย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจะทำการจุดธูปที่หน้าตำหนักบรรพชน และได้รับหมวกศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งป้ายไท่เสวียน
ต่อจากนั้นศิษย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจะทำการกล่าวสุนทรพจน์ที่ตัวเองได้เตรียมมา
สุดท้ายผู้อาวุโสที่ขึ้นไปกับศิษย์ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง จะเอ่ยถึงความคาดหวังที่มีต่อศิษย์ผู้นั้น
จากนั้นก็เป็นอันสิ้นสุดพิธีแต่งตั้งแล้ว
ส่วนเย่ฉางชิงที่ถูกทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเข้าใจผิดว่าเป็นบรรพจารย์นั้น
ความจริงเขาเองก็ได้คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าตนคงต้องไปยังตำหนักบรรพจารย์ และคิดเอาไว้แล้วว่าต้องกล่าวเช่นไร
อีกทั้งตอนนี้เขายังอยากไปจากเขาไท่เสวียนให้รู้แล้วรู้รอด
เช่นนั้นเขาจึงตอบตกลงทันที โดยมิแสร้งทำเป็นไตร่ตรองใด ๆ อีก
ครู่ต่อมาหลังจากเย่ฉางชิงได้สติ
เขาเกือบลืมฐานะของตัวเองในเวลานี้ไปเสียสนิทว่าเข้าเป็นท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มิว่าคำพูดหรือการกระทำล้วนแต่ต้องสุขุม
“ท่านเหอ สายตาของท่านเฉียบแหลมนัก อู๋ซวงมีคุณสมบัติที่มิธรรมดา ความสำเร็จบนวิถีบำเพ็ญเพียรในภายภาคหน้าจะต้องมิอาจประมาณได้เป็นแน่ การแต่งตั้งนางเป็นผู้สืบทอดหญิง ถือเป็นโชคของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจริง ๆ ”
เย่ฉางชิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยกับนักพรตฉางเสวียนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแจ่มใสพร้อมพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นเราก็ทำพิธีต่อเถอะ อย่าได้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”
เย่ฉางชิงส่งยิ้มให้แก่นักพรตฉางเสวียน จากนั้นก็เดินหาลู่อู๋ซวงอย่างช้า ๆ
“ท่านบรรพจารย์เย่ รบกวนท่านแล้ว”
เมื่อเย่ฉางชิงเดินมาถึง ลู่อู๋ซวงที่มีใบหน้าและท่าทางงดงาม สวมกระโปรงยาวสีทองลายเมฆา ก็ย่อตัวลงคำนับเบา ๆ
“ขึ้นไปตำหนักบรรพจารย์พร้อมกับข้าเถอะ”
เย่ฉางชิงยิ้มบาง ๆ ให้กับลู่อู๋ซวง จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนสะพานสายรุ้งพร้อม ๆ กับลู่อู๋ซวง
ตอนนั้นเองเสียงสวรรค์อันไพเราะนุ่มนวลพลันดังขึ้น กลีบดอกไม้มากมายล่องลอยอยู่บนสะพานสายรุ้ง ฝนดาวตกระยิบระยับร่วงหล่น
เกรงว่าหากมิใช่เพราะเย่ฉางชิงเป็นบรรพจารย์ท่านนั้นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นตอนนี้ ใครเห็นต่างก็คงคิดว่าเป็นคู่รักเทพสวรรค์อย่างแน่นอน
ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก !
แน่นอนว่าเวลานี้เมื่อได้เห็นภาพอันงดงามเช่นนี้
แม้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างจะเกิดความรู้สึกนับพันนับหมื่น แต่เพียงแค่คิดว่าบุรุษหนุ่มผู้สุภาพและหล่อเหลานั้น ความจริงแล้วเป็นท่านเทพอมตะที่มีชีวิตมาแล้วมิรู้กี่แสนกี่ล้านปี ก็ต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความหวาดหวั่นทั้งสิ้น
จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
เย่ฉางชิงและลู่อู๋ซวงก็ขึ้นสะพานสายรุ้งไปจนถึงหน้าตำหนักบรรพจารย์บนเกาะลอยฟ้า
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีที่ไปถึงตำหนักบรรพจารย์ก่อนแล้ว ก็ได้โค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง จากนั้นก็รับธูปสามดอกมาจากมือของศิษย์ผู้หนึ่ง ก่อนจะส่งให้แก่ลู่อู๋ซวง
“อู๋ซวง ภายในตำหนักบรรพจารย์นั้นเป็นที่สักการะเจ้าสำนักรุ่นแรกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเรา นักพรตหยวนเสวียน”
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีได้เอ่ยแนะนำตำหนักบรรพจารย์ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเรา จงยึดถือการทำนุบำรุงลัทธิเต๋าเป็นภาระของตน ยึดถือการทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเจริญรุ่งเรืองเป็นภาระของตน”
ลู่อู๋ซวงโค้งคำนับพลางเอ่ยว่า “ศิษย์ลู่อู๋ซวง จะยึดถือการทำนุบำรุงลัทธิเต๋าเป็นภาระของตน ยึดถือการทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเจริญรุ่งเรืองเป็นภาระของตน”
“ไปปักธูปเถอะ ! ”
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
ลู่อู๋ซวงก้าวไปด้านหน้าสองก้าว จากนั้นก็นำธูปสามดอกในมือปักไปที่กระถางธูปสำริดหน้าตำหนัก
ตอนนั้นเองผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีก็ได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
“ท่านบรรพจารย์ผู้ทรงสถิต ด้วยคำสั่งจากนักพรตฉางเสวียนผู้เป็นเจ้าสำนักไท่เสวียน ขอแต่งตั้งลู่อู๋ซวงเป็นผู้สืบทอดหญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เป็นตัวอย่างของศิษย์ไท่เสวียน ศิษย์ทุกคนจะเอาผู้สืบทอดหญิงลู่อู๋ซวงเป็นแบบอย่าง ! ”
“บัดนี้ขอประทานยอดเขาอันดับสองของเขาไท่เสวียน ยอดเขาสตรีหยก หมวกหงส์ทองม่วง ป้ายไท่เสวียนหนึ่งชิ้น ให้แก่ผู้สืบทอดหญิงลู่อู๋ซวง”
ผู้อาวุโสผู้ทำพิธีเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่เนื่องด้วยการช่วยของค่ายกลบางอย่าง ทำให้เสียงของเขาดังก้องไปทั่วเขาไท่เสวียนราวกับเสียงอัศนี
ขณะเดียวกันเสียงระฆังอันกึกก้องก็ดังระงมขึ้น ทำให้พิธีดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
มินานผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีก็ส่งสัญญาณให้แก่ศิษย์ที่อยู่ข้างกายผู้หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับท่านบรรพจารย์เย่ผู้อยู่ตรงหน้าว่า “ท่านบรรพจารย์เย่ เชิญรับหมวกขอรับ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ ก่อนจะใช้สองมือประคองหมวกหงส์ทองม่วงขึ้นจากถาดหยกในมือของศิษย์ผู้หนึ่ง ก่อนสวมไปที่ศีรษะของลู่อู๋ซวง
จากนั้นผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีก็ส่งสัญญาณให้กับศิษย์อีกคนที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะเอ่ยกับเย่ฉางชิงว่า “ท่านบรรพจารย์เย่ เชิญรับป้ายไท่เสวียนขอรับ”
เย่ฉางชิงยิ้มให้ก่อนจะหยิบป้ายโบราณที่สีดำสนิท ด้านบนสลักลวดลายโบราณเอาไว้มาส่งให้ลู่อู๋ซวง
“แม่นางลู่ ยินดีด้วย”
เย่ฉางชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มให้แก่ลู่อู๋ซวงที่มีท่าทางปิติยินดี
ลู่อู๋ซวงพยักหน้ารับ
อาวุโสผู้ดำเนินพิธีจึงเอ่ยอีกว่า “ผู้สืบทอดหญิง บัดนี้ได้เวลาอ่านสุนทรพจน์แล้ว”
ลู่อู๋ซวงจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงไปยังขอบของเกาะลอยฟ้า
นางกวาดตามองเบื้องล่างเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“ข้าลู่อู๋ซวง นับแต่วันนี้ไปคือผู้สืบทอดหญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน…”
เย่ฉางชิงยืนอยู่ด้านหลังลู่อู๋ซวงเงียบ ๆ รอนางอ่านสุนทรพจน์จนจบ
ส่วนสุนทรพจน์ของลู่อู๋ซวงนั้น
แม้เย่ฉางชิงจะมิเคยเห็นมาก่อนล่วงหน้า แต่สำหรับผู้ที่มาจากโลกนั้นแล้ว พอคิด ๆ ดูก็คงมิต่างกันเท่าไรนัก
ผ่านไปครึ่งก้านธูป
ความหมายคร่าว ๆ ในสุนทรพจน์ของลู่อู๋ซวงก็มิต่างอะไรกับที่เย่ฉางชิงคิดเอาไว้จริง ๆ
ก่อนอื่นก็แนะนำตัวเอง จากนั้นก็พูดถึงอุดมการณ์อันเพ้อฝันให้แก่ผู้อาวุโสและศิษย์ทั้งหลาย ก่อนปิดท้ายด้วยการคาดหวังว่าทุกคนจะให้การสนับสนุน
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เมื่อลู่อู๋ซวงเอ่ยจบ ด้านล่างพลันก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น
“คารวะผู้สืบทอดหญิง ! ”
“คารวะผู้สืบทอดหญิง ! ”
“คารวะผู้สืบทอดหญิง ! ”
เรื่องนี้ทำให้เย่ฉางชิงหมดคำจะพูดจริง ๆ
ตอนนั้นเองลู่อู๋ซวงก็เดินหยุดตรงหน้าเย่ฉางชิง ก่อนประสานมือเล็กน้อย “ท่านบรรพจารย์เย่ ศิษย์กล่าวสุนทรพจน์จบแล้วเจ้าค่ะ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ายิ้ม ๆ จากนั้นก็เดินตรงไปด้านหน้า
เห็นได้ชัดว่าเมื่อลู่อู๋ซวงผู้เป็นผู้สืบทอดหญิงกล่าวสุนทรพจน์จบ ต่อไปก็ถึงตาของบรรพจารย์เย่อย่างเขาที่ต้องพูดต่อแล้ว
ผ่านไปชั่วอึดใจ
เย่ฉางชิงก็เดินมาถึงด้านข้างของเกาะลอยฟ้าอย่างเงียบ ๆ
“บรรพจารย์รุ่นที่หนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน นักพรตหยวนเสวียนได้บำเพ็ญเพียรถึงหนึ่งหมื่นสามพันปี ประสบกับบททดสอบจากสวรรค์เก้าสิบเก้าครั้ง สุดท้ายก็บรรลุเป็นเซียน”
“ทว่าก่อนจะบรรลุนั้น ก็ได้ก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนขึ้นบนเขาไท่เสวียนที่อยู่ทางเหนือแห่งนี้”
“จากนั้นระหว่างที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ก็ได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า”
“น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน”
“วันนี้ข้าเย่ฉางชิงขอมอบประโยคนี้ให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”
“คุณธรรมยิ่งใหญ่รองรับทุกสรรพสิ่ง ! ”