เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 248 ภาพเทพผู้อารักษ์ประตูแลกกระบี่เหล็ก
ตอนที่ 248 ภาพเทพผู้อารักษ์ประตูแลกกระบี่เหล็ก
หลังจากเงียบอยู่สักพัก
“งั้นเราไปจากที่นี่กันก่อน”
เย่ฉางชิงเอ่ยขึ้น
ขณะเดียวกัน เย่ฉางชิงก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกไปรับถูสือซานมาอุ้มเอาไว้แนบอก
ในเมื่อปีศาจจิ้งจอกที่เรียกตัวเองว่าถูสือซานซึมซับพลังเข้าไปแล้ว เขาก็จะเผยพิรุธใด ๆ ให้นางเห็นมิได้เด็ดขาด
จากนั้นเย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิควบคุมปทุมสูติให้เหาะไปทางเมืองเสี่ยวฉือ
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม
ขณะที่เข้าไปใกล้เมืองเสี่ยวฉือ
เย่ฉางชิงก็ได้หยุดลงที่ริมแม่น้ำนอกเมืองเสี่ยวฉือ
เขาเพ่งสมาธินำเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงและปทุมสูติเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็วางถูสือซานที่อยู่ในร่างจริงบนพื้นหิมะ
“ในเมื่อเจ้าเป็นปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณแห่งเทือกเขาแดนใต้ แล้วเหตุใดเจ้าต้องตามราชันทมิฬเข้ามายังดินแดนจงหยวนที่มนุษย์ยึดครองด้วยเล่า ? ”
เย่ฉางชิงนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้น แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมจับจ้องดวงตาดำขลับราวกับหมึกของถูสือซานไปด้วย
หลังจากที่เมื่อวานเขาเข้าไปในหอเก็บตำราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มิเพียงเขาจะเข้าใจประวัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเท่านั้น ขณะเดียวกันเขายังได้เข้าใจขั้วอำนาจต่าง ๆ ในโลกเซียนแห่งนี้คร่าว ๆ อีกด้วย
ทางใต้ของหยวนก็คือเทือกเขาแดนใต้ หรือก็คือที่เรียกว่าแดนปีศาจ
ทางตะวันตกของจงหยวนก็คือซีม่อ เป็นดินแดนที่พุทธศาสนารุ่งเรือง
ทางเหนือของจงหยวนก็คือแดนร้างทางเหนือ ซึ่งถูกเผ่าต่าง ๆ ของฝ่ายมารยึดครอง
นอกจากนี้เพราะความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ จึงทำให้เผ่าปีศาจและฝ่ายมารมิอาจเข้ามาในจงหยวนได้
ส่วนซีม่อและจงหยวนแม้จะเป็นมนุษย์เหมือนกัน ทว่าศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ามีหลักคำสอนที่ต่างกัน เช่นนั้นลัทธิเต๋าจึงมิอนุญาตให้ศาสนาพุทธเผยแพร่เข้ามาในจงหยวนเป็นอันขาด
เช่นนั้นเมื่อเย่ฉางชิงถามคำถามเช่นนี้ออกมา
ถูสือซานจึงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาอย่างจริงใจว่า “ผู้อาวุโส ความจริงแล้ว… สาเหตุหลักก็คือผู้น้อยต้องการที่จะหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าพยัคฆ์ดำเจ้าค่ะ ทว่าโชคดีที่ได้ราชันทมิฬช่วยเอาไว้ ผู้น้อยจึงหนีจากเทือกเขาแดนใต้เข้ามายังจงหยวนเจ้าค่ะ”
‘หนีการแต่งงาน ? ’
‘ราชันทมิฬ ? ’
‘หรือว่าราชันทมิฬที่ขี้ขลาดราวกับหนูตัวนั้น จะเป็นปีศาจสุนัขที่มีฝีมือจริง ๆ งั้นหรือ ? ’
‘มิน่าใช่ ! ’
‘หลังจากที่ข้าบังเอิญมายังโลกเซียนแห่งนี้ก็ได้พบกับราชันทมิฬแล้ว’
‘อีกทั้งตลอดเวลาห้าปีมานี้ มันยังมิเคยเผยท่าทางของผู้แข็งแกร่งออกมาแม้แต่นิดเดียว’
‘หรือว่าจะซึมซับพลังมาตั้งนานแล้ว ? ’
เย่ฉางชิงชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าบอกข้าหน่อยสิ ตอนอยู่เทือกเขาแดนใต้ราชันทมิฬยังทำอะไรอีก ? ”
ถูสือซานได้ยินเช่นนั้นก็หดคอลงทันที พร้อมกับท่าทางอยู่มิสุข
ราชันทมิฬมีบุญคุณต่อนางหากนางเผลอพูดอะไรผิดไป จนทำให้ผู้อาวุโสเย่โมโหราชันทมิฬขึ้นมา มิเท่ากับข้าทำผิดต่อเขาหรอกหรือ ?
แต่ในเมื่อเวลานี้ผู้อาวุโสเย่ถามตรง ๆ เช่นนี้
ผู้น้อยเช่นนางจะกล้าโกหกได้เยี่ยงไรกัน ?
ทีนี้จะทำเช่นไรดี !
ถูสือซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคร่ำครวญออกมาว่า “ผู้อาวุโส ราชันทมิฬมิได้ทำสิ่งใดที่มิดีนะเจ้าคะ ต่อให้เขาทำสิ่งใดที่มิดีก็เป็นเพราะผู้แข็งแกร่งของเผ่าอื่นมาล่วงเกินราชันทมิฬก่อนเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นสายตาหลบเลี่ยงของถูสือซาน เย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้น ราวกับจะระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโมโหออกมา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าปีศาจจิ้งจอกตนนี้ไม่เพียงแต่ซึมซับพลัง แต่ยังถูกครอบงำอย่างหนักอีกด้วย !
“เจ้าพูดมาตามความจริงก็พอ ข้ามิลงโทษเขาหรอก”
เย่ฉางชิงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ถูสือซานพยักหน้าน้อย ๆ จากนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวของราชันทมิฬ ตอนอยู่เทือกเขาแดนใต้ตลอดสองปีมานี้ออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป
ถูสือซานก็เล่าเรื่องที่ตนได้เห็นและได้ฟัง ให้ผู้อาวุโสเย่ที่อยู่ตรงหน้าได้รู้จนหมดสิ้น
แต่เมื่อเย่ฉางชิงได้ฟังวีรกรรมของราชันทมิฬแล้ว ภายในใจกลับเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันไปหมด
สังหารผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจ !
ขุดสุสานบรรพบุรุษคนอื่น !
ปล้นสมบัติของปีศาจตนอื่น !
………………………………
การกระทำชั่วร้ายต่าง ๆ นานา มากมายเกินกว่าจะบรรยาย
เจ้านี่ใช่ราชันทมิฬที่กระดิกหางอยู่ข้างกายเขาตลอดทั้งวันอยู่จริง ๆ หรือ ?
อีกทั้งที่สำคัญที่สุดก็คือ
เจ้าสุนัขตัวนี้ทำเรื่องมิดีเอาไว้มากมาย แต่ยังสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
ดูก็รู้ว่าเจ้านี่จะต้องมิใช่ปีศาจสุนัขธรรมดาอย่างแน่นอน แต่เป็นปีศาจสุนัขที่เก่งกาจอย่างมาก
เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้ก็อดมิได้ที่จะพร่ำบ่นอยู่ภายในใจ
นี่มันเรื่องอะไรกัน ?
ผู้เฒ่าที่มาขอภาพอักษรพู่กันจากเขามินานมานี้ ที่เดิมคิดว่าเป็นพวกที่ชื่นชอบในภาพอักษรพู่กันและภาพวาด
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าแต่ละคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง บ้างก็เป็นถึงผู้สืบทอดหญิง
แถมสุนัขดำที่บ้านของตัวเอง ยังทำให้แดนปีศาจเทือกเขาแดนใต้โกลาหลอลหม่านได้ถึงเพียงนี้
เช่นนั้นหรือว่าต้นหลิวในลานบ้านก็เป็นปีศาจด้วยงั้นหรือ ?
แล้วตัวเขาเองเล่า ?
นับตั้งแต่บังเอิญหลุดเข้ามายังโลกเซียนแห่งนื้ อย่าพูดถึงเรื่องปลุกดัชนีทองคำอะไรเลย แม้แต่รากวิญญาณก็ยังมิมีด้วยซ้ำ
บัดนี้แม้ว่าจะมีรากปราณแล้ว แต่การบำเพ็ญเพียรกลับต้องใช้ของหายากอย่างหินหุนหยวนในการบำเพ็ญเพียรด้วย
และสิ่งที่ทำให้เขาสับสนมากที่สุดก็คือ
มิว่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักต่าง ๆ หรือว่าสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ ต่างก็คิดว่าเขาเป็นยอดฝีมืออะไรนั่น
เช่นนี้แล้วมิเท่ากับว่าเขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาหรอกหรือ ?
‘โอ๊ย ! ’
‘จะบ้าตาย ! ’
‘น่าปวดหัวจริง ๆ ! ’
‘ปวดท้องด้วย ! ’
‘เหนื่อยใจจริง ๆ ! ’
หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่
เย่ฉางชิงก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ว่า “ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
จากนั้นเย่ฉางชิงก็อุ้มถูสือซานขึ้นมาอีกครั้ง และหมุนตัวเดินไปทางเมืองเสี่ยวฉือทันที
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
ขณะที่เย่ฉางชิงเดินผ่านร้านตีเหล็ก
บังเอิญว่าเวลานี้
ช่างตีเหล็กซ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูพอดี
“ท่านเย่ เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ช่างตีเหล็กซ่งผู้มีร่างกายกำยำและใบหน้าซื่อ ๆ เอ่ยถามขึ้น
“ขอรับ เพิ่งกลับมาจากข้างนอกขอรับ”
เย่ฉางชิงได้สติกลับมา จึงยิ้มตอบให้ “ท่านลุงซ่ง การค้าช่วงนี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ ? ”
ช่างตีเหล็กซ่งตอบด้วยท่าทางร่าเริงทันที “มิเลวเลย ช่วงนี้ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้วทุกคนต่างก็พากันมาลับมีด และซื้อมีดใหม่กัน”
เย่ฉางชิงพยักหน้ายิ้ม ๆ
แต่ว่าในขณะที่เขาเตรียมจะจากไปนั้น จู่ ๆ ก็ได้หยุดฝีเท้าลงกระทันหัน
“จริงสิ ท่านลุงซ่ง หากท่านมีเวลา ช่วยตีกระบี่เหล็กให้ข้าสักเล่มสิขอรับ”
เย่ฉางชิงเอ่ยกับช่างตีเหล็กซ่งด้วยท่าทางจริงจัง
“กระบี่เหล็กงั้นหรือ ? ”
ช่างตีเหล็กซ่งจึงเอ่ยถามว่า “ท่านเย่ ท่านจะฝึกกระบี่งั้นหรือ ? ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ “อยู่ว่าง ๆ มิมีอะไรทำเลยอยากจะฝึกกระบี่ ร่างกายจะได้แข็งแรงน่ะขอรับ”
“ท่านเย่ ท่านวางใจได้ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
เอ่ยเพียงเท่านั้น ช่างตีเหล็กซ่งก็ได้เหลียวมองสองฝั่งของถนน ก่อนจะก็รีบเดินเข้ามาตรงหน้าของเย่ฉางชิง
“ท่านเย่ ตอนนี้ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ท่านว่าเอาเช่นนี้ได้หรือไม่?”
ช่างตีเหล็กซ่งหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าจะตีกระบี่เหล็กที่เหมือนกับพวกผู้บำเพ็ญเพียรให้ท่านเล่มหนึ่ง ส่วนท่านก็ช่วยวาดภาพเทพผู้อารักษ์ประตูให้ข้าคู่หนึ่ง ข้ามิเก็บเงินท่าน ท่านก็มิเก็บเงินข้า”
“เรื่องนี้มิมีปัญหาอยู่แล้ว”
เย่ฉางชิงพยักหน้ายิ้ม ๆ
เพราะที่ผ่านมาภาพเทพผู้อารักษ์ประตูและกลอนคู่ของทุกบ้านในเมืองเสี่ยวฉือ ล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งสิ้น
อีกทั้งเยี่ยงไรเสียเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา ย่อมเข้าใจเหตุผลที่ว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพงได้เป็นอย่างดี
เช่นนั้นเวลานี้ของทุกปี
เขามักจะวาดภาพเทพผู้อารักษ์ประตูเอาไว้ก่อน จากนั้นพอถึงเวลาสิ้นปีจริง ๆ ก็จะแสร้งทำเป็นมิสบาย
เช่นนี้แล้วเทพผู้อารักษ์ประตูที่เขาวาดก็จะสามารถเพิ่มราคาขึ้นไปได้อีก
เช่นนั้นจึงทำให้เทพผู้อารักษ์ประตูของแต่ละบ้าน จึงมีทั้งดีและมิดีปะปนกัน
ยกตัวอย่างเช่นช่างตีเหล็กซ่ง
เมื่อปีที่แล้วมิได้ซื้อเทพผู้อารักษ์ประตูที่เขาวาด หลังจากที่ติดเทพผู้อารักษ์ประตูที่ตัวเองวาด ก็กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนเอาไปพูดกันอย่างสนุกปาก
อีกทั้งยังได้ยินมาอีกว่าเพราะเรื่องภาพเทพผู้อารักษ์ประตู ทำให้ภรรยาของเขามิยอมมีอะไรด้วยถึงครึ่งปีทีเดียว
เช่นนั้นเมื่อช่างตีเหล็กซ่งยื่นข้อเสนอเช่นนี้ ย่อมสมเหตุสมผลแล้ว
ตอนนั้นเองช่างตีเหล็กซ่งจึงเอ่ยกำชับขึ้นอีกครั้ง “ท่านเย่ เรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
เย่ฉางชิงยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนหมุนตัวจากไป