เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 268 กำขี้ดีกว่ากำตด
ตอนที่ 268 กำขี้ดีกว่ากำตด
‘หินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อน ! ’
ต้องยอมรับว่าทันทีที่เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที
อันดับแรก เขาคาดมิถึงเลยว่ายอดฝีมือในการบำเพ็ญเพียรที่มักจะเอาของจากเขาไปฟรี ๆ เหล่านี้ จะเอาของขวัญมามอบให้เขาถึงบ้าน
และยิ่งคาดมิถึงว่าครั้งนี้หนานกงเสวียนจีและซือถูเจิ้นผิง จะนำหินหุนหยวนมาให้เขามากมายถึงเพียงนี้
อีกประการก็คือ นี่เป็นหินหุนหยวนจำนวนมากถึงหนึ่งล้านก้อนอีกด้วย !
เพราะครั้งก่อนที่ราชันทมิฬนำหินหุนหยวนกลับมาให้หนึ่งพันก้อนนั้น ทำให้เขาสามารถบำเพ็ญเพียรได้หลายเดือนเลยทีเดียว
เช่นนั้นหินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนนี้ มิเท่ากับเพียงพอที่จะใช้บำเพ็ญเพียรไปได้นับสิบปีเลยเยี่ยงนั้นหรือ ?
เมื่อคิดว่ามิต้องกังวลเรื่องหินหุนหยวนอีก ความกลัดกลุ้มของเย่ฉางชิงก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปในทันที
หินหุนหยวนมากมายเพียงนี้ ต่อให้คุณสมบัติของเขาจะแย่เพียงใดก็สามารถผลักดันตบะบารมีให้เพิ่มขึ้นได้อยู่แล้ว !
และด้วยครั้งก่อนที่ไปหอเก็บตำราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมา จึงทำให้เย่ฉางชิงเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในโลกเซียนแห่งนี้มากขึ้น
อย่างเช่นเวลานี้เขาอยู่ที่จงหยวน
เนื่องด้วยตามชายแดนล้วนมีผู้พิทักษ์ราตรีที่มีตบะบารมีสูงส่งคอยปกป้องอยู่ ทำให้ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้และผู้แข็งแกร่งฝ่ายมารในแดนรกร้างทางเหนือยากที่จะกล้ำกรายเข้ามาได้
เช่นนั้นขอเพียงตบะบารมีของเขาบรรลุถึงแดนสร้างแก่นได้ ก็จะสามารถท่องไปทั่วทั้งจงหยวนโดยไร้อุปสรรคได้แล้ว
และสาเหตุสำคัญก็คือ
เขาโชคดีที่มิเคยสร้างความบาดหมางกับสำนักบำเพ็ญเพียรใด ๆ มิฉะนั้นคงได้หนีหัวซุกหัวซุนเป็นแน่
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ เย่ฉางชิงจึงกวาดตามองพวกหนานกงเสวียนจี ก่อนจะหยิบแหวนเก็บสมบัติโบราณตรงหน้าขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ขณะเดียวกันแม้หินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนนี้จะล่อตาล่อใจเย่ฉางชิงมากเพียงใด ทว่าบนใบหน้าของเขากลับมิได้แสดงความตื่นเต้นดีใจใด ๆ ออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย
เขารู้ดีว่าเหตุใดหนานกงเสวียนจีและซือถูเจิ้นผิง จึงยอมมอบหินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนนี้เป็นของขวัญให้แก่เขา
นั่นเพราะในสายตาของพวกเขา มองว่าเย่ฉางชิงนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานอยู่เป็นแน่
ส่วนเย่ฉางชิงที่เคยอ่านนิยายมามากมายตอนที่อยู่โลกก่อนเองก็รู้ดีว่า
โดยพื้นฐานของผู้ที่เป็นผู้แข็งแกร่งนั้น มิว่าจะพบเจอสิ่งใดก็ควรจะแสดงออกว่าทุกสิ่งนั้นธรรมดา มิได้มีสิ่งใดแปลกใหม่
มิเช่นนั้นจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่าในวินาทีต่อมาเมื่อเย่ฉางชิงเพ่งสมาธิเห็นหินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนที่อยู่ภายในแหวนเก็บสมบัติโบราณ เขาก็ยังอดมิได้ที่จะตื่นเต้นอยู่ดี
‘หินหุนหยวนจำนวนมหาศาลกองอยู่เต็มพื้นที่เก็บของภายในแหวนเก็บสมบัติวงนี้จนหมด’
‘หินหุนหยวนมากมายเพียงนี้ นับมิถ้วนเลยจริง ๆ ! ’
‘สมกับเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับแนวหน้าจริง ๆ ! ’
หลังจากตื่นเต้นยินดีเงียบ ๆ ในใจแล้ว
เย่ฉางชิงก็วางแหวนเก็บสมบัติโบราณลงบนโต๊ะชาตรงหน้าเบา ๆ ราวกับมิได้ใส่ใจมากนัก
“ทั้งสองท่านคงใช้ความพยายามมิน้อยเลย กว่าจะหาหินหุนหยวนเหล่านี้มาได้”
เย่ฉางชิงเอ่ยถามหนานกงเสวียนจีและซือถูเจิ้นผิงพร้อมรอยยิ้ม
สิ่งที่ได้พบได้เห็นตอนอยู่เมืองหลวงก่อนหน้านี้ รวมทั้งหอเก็บตำราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ทำให้เย่ฉางชิงรู้ว่าหินหุนหยวนนั้นเป็นของวิเศษฟ้าดินชนิดหนึ่ง แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในการบำเพ็ญเพียรเองก็มิได้มีอยู่มากมายนัก
เช่นนั้นเดาได้มิยากว่าหนานกงเสวียนจีและซือถูเจิ้นผิงเองก็คงใช้ความพยายามไปมิน้อยเลย
ซือถูเจิ้นผิงและหนานกงเสวียนจีได้ยินเช่นนั้นต่างก็สบตากัน ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ
ความจริงแล้วการเดินทางไปแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตโบราณในครั้งนี้ ครั้งแรกที่ได้เห็นหินหุนหยวนมากมายกองอยู่ตรงที่วานรเนตรเพลิงหลับใหลนั้น ก็นับเป็นการเปิดหูเปิดตาของพวกเขาเช่นกัน
พวกเขาทั้งสองคาดมิถึงเลยว่า
ในส่วนลึกของแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตทางเหนือจะมีหินหุนหยวนมากมายถึงเพียงนี้
อีกทั้งหินหุนหยวนบางก้อนยังมีขนาดใหญ่เท่ากับหินโม่แป้งอีกด้วย เป็นการเพิ่มความรู้ให้กับพวกเขาจริง ๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่ยากและอันตรายที่สุดก็คือ
ตอนที่พวกเขากำลังเก็บหินหุนหยวนอยู่นั้น วานรเนตรเพลิงที่มีพลังแข็งแกร่งและหลับใหลมานานกลับตื่นขึ้นมาและจับได้
สุดท้าย
หลังจากถูกสิ่งมีชีวิตโบราณมากมายโอบล้อมโจมตี และประสบกับวิกฤตเฉียดตายมา จนพวกเขาสองคนหนีออกมาได้
หลังจากชั่งใจอยู่สักพัก ซือถูเจิ้นผิงจึงได้เอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าว่า “ท่านเย่มอบโอกาสและวาสนาอันไร้เทียมทานให้แก่พวกเรา สิ่งไหนที่พวกเราจะสามารถทำเพื่อตอบแทนพระคุณของท่านเย่ พวกเราย่อมพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้วขอรับ”
หนานกงเสวียนจีพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับเอ่ยเสริมขึ้นว่า “พี่ซือถูพูดถูกแล้ว หากสามารถตอบแทนพระคุณของท่านเย่ได้ พวกเราย่อมมิรอช้าอยู่แล้ว”
ตอนนั้นเองซีเหมินเหลยหู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หนานกงเสวียนจี หลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ขณะกำลังจะเอ่ยถามเย่ฉางชิง
เดิมเขาคิดที่จะดื่มชาสักอึกเพื่อให้ชุ่มคอ
ทว่าหลังจากที่เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ แล้ว ดวงตาพลันเบิกกว้างขึ้น พร้อมกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด
‘นี่มัน ! ’
‘ชารู้แจ้งงั้นหรือ ? ’
ชานี้ให้ความรู้สึกหอมสดชื่น ทว่าวินาทีที่เข้าปากไปนั้น
ไอพลังกำเนิดจาง ๆ พลันคลุ้งไปทั่วทั้งปาก ก่อนจะวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายภายในพริบตา
จนเวลาผ่านไปหลายอึดใจ
ซีเหมินเหลยหู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย พร้อมเอ่ยด้วยความตื่นตะหนกอยู่ภายในใจว่า
‘มิผิดแน่ ชานี่ต้องเป็นชารู้แจ้งในตำนานเป็นแน่ ! ’
‘ต้นชานี้เติบโตขึ้นท่ามกลางความโกลาหล โดยการดูดซับแหล่งกำเนิดแห่งเต๋า ภายในใบชาย่อมแฝงไว้ด้วยพลังกำเนิดของเต๋านับหมื่น ! ’
‘ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เป็นผู้ที่ไร้เทียมทานจริง ๆ ภายในลานแห่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นโอกาสและวาสนาอันไร้ที่สิ้นสุด แม้แต่ชาที่ผู้อาวุโสเย่ดื่มอยู่ทุกวี่วันก็ยังเป็นถึงชารู้แจ้งในตำนาน บุคคลเช่นนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’
ตอนนั้นเองซือถูเจิ้นผิงเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของซีเหมินเหลยหู่ จึงได้เพ่งกระแสจิตไปหา “ผู้อาวุโสซีเหมิน ชารู้แจ้งนี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ ? ”
ซีเหมินเหลยหู่ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบไปว่า “ดูท่าก่อนหน้านี้เป็นข้าเองที่โง่งมยิ่งนัก คาดมิถึงว่าผู้อาวุโสเย่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้”
ซือถูเจิ้นผิงจึงยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสซีเหมิน ผู้อาวุโสเย่เก่งกาจเพียงใดกันนั้น ผู้น้อยมิกล้าที่จะคาดเดาส่งเดช แต่การที่เขายอมนั่งลงพูดคุยกับพวกเรานั้น จิตใจที่มีเมตตาเช่นนี้เกรงว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คงยากที่จะมีผู้ใดเทียบเคียงได้แล้วกระมัง ? ”
ซีเหมินเหลยหู่ยิ้มบาง ๆ ออกมา พลางพยักหน้ารับน้อย ๆ
ในตอนนั้นเอง
“ทุกท่าน เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ! ”
เย่ฉางชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดังคำกล่าวว่า ได้รับแต่มิตอบแทนเป็นการเสียมารยาท วันนี้พวกท่านนับว่าได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่ข้า”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอมอบภาพอักษรพู่กันหรือภาพวาดให้พวกท่านคนละภาพก็แล้วกัน ส่วนหัวข้อนั้นพวกท่านเชิญเลือกเองได้เลย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ซือถูเจิ้นผิงก็เอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยสีหน้ายินดีทันที “ท่านเย่ ข้าขอเป็นคนแรกก็แล้วกันขอรับ”
เย่ฉางชิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้ เชิญท่านก่อนเลย”
“ข้าต้องการภาพอักษรพู่กันขอรับ”
ซือถูเจิ้นผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “แต่ว่าหัวข้อในครานี้ห้ามเกี่ยวกับกระบี่เด็ดขาด นอกจากนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ขอรับ”
โดยก่อนหน้านี้เย่ฉางชิงมอบภาพอักษรพู่กันให้ซือถูเจิ้นผิงนั้น
หญ้าต้นเดียวก็ฟันตะวัน จันทรา และดวงดาวได้ !
เจตนาแท้จริงของกระบี่ที่แฝงเอาไว้ภายในอักษรโบราณที่เปี่ยมไปด้วยพลังนี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ด้วยตบะบารมีของซือถูเจิ้นผิงในตอนนี้ อย่าว่าแต่ทำความเข้าใจเลย แม้แต่จะมองเพียงแวบเดียว ยังเสี่ยงที่จะถึงแก่ชีวิตอีกด้วย
เช่นนั้นสำหรับซือถูเจิ้นผิงแล้ว เวลานี้เขาก็เหมือนกับผู้ที่ปกป้องคลังสมบัติเอาไว้ แต่กลับไร้ซึ่งความสามารถที่จะเปิดคลังสมบัตินั้นออก
อีกทั้งเขามองว่าภาพอักษรพู่กันที่มีหัวข้อกระบี่ของผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ คงยากเกินไปสำหรับเขาที่จะทำความเข้าใจเป็นแน่
เช่นนั้นเขาจึงคิดมาดีแล้วว่า
กำขี้ดีกว่ากำตด !
ทว่าหลังจากเย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้น กลับต้องมองหน้าซือถูเจิ้นผิงอีกครั้งอย่างอดมิได้
‘ซือถูเจิ้นผิงผู้นี้ ครั้งก่อนยังถามเขาว่าวิถีกระบี่คือสิ่งใดอยู่เลยมิใช่หรือ ? ’
‘มาบัดนี้กลับขอภาพอักษรพู่กันที่มิใช่หัวข้อกระบี่เสียเยี่ยงนั้น หรือว่าภาพอักษรพู่กันครั้งก่อนจะมีปัญหา ? ’
‘มิน่าเป็นไปได้นี่นา ! ’
‘แต่ช่างเถอะเพราะภาพอักษรพู่กันเหล่านี้ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาได้เขียนเอาไว้มิน้อย แค่ให้เลือกไปสักภาพก็ได้แล้ว’
คิดถึงตรงนี้จู่ ๆ เย่ฉางชิงก็รู้สึกว่า ความคิดของผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ก็มิได้ลึกล้ำอะไรมากมายนี่นา !