เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 311 หรือว่านางคือลูกสาวที่พลัดพรากไปเมื่อหลาย ปีก่อนของข้า ?
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
- ตอนที่ 311 หรือว่านางคือลูกสาวที่พลัดพรากไปเมื่อหลาย ปีก่อนของข้า ?
สิ้นเสียง ผู้นาของสานักต่าง ๆ ก็รีบโค้งคานับให้แก่นักพรตฉาง เสวียนในทันที
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือเป็ นสัญญาณให้ ทุกคนนั่งลง
“จริงสิ หลายวันมานี้ พวกเรานอกจากสู้รบกับกองทัพฝ่ ายมาร แล้ว ยังมัวแต่หาวิธีเพื่อพาศิษย์ลัทธิเต๋าของเรา กลับมายังดินแดน ศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”
สวีฉิงเทียนขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “มิรู ้ว่า ทางใต้สถานการณ์จะเป็ นเช่นไรบ้าง ? ”
“หากแดนใต้พ่ายแพ้ ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้จะต้อง เข้ามายังจงหยวน เทียบกับความแค้นระหว่างลัทธิเต๋าของเราที่มีต่อ ฝ่ายมารแล้ว ความแค้นที่มีต่อเผ่าปีศาจก็คงมิต่างกันเท่าไรนัก”
ประมุขนิกายหมื่นกระบี่ เจี้ยนเจิ้งหยวน ถอนหายใจออกมา “หากเป็ นเช่นนั้นจริง ก็คงเป็ นดังเช่นคาโบราณที่กล่าวเอาไว้ว่า โชค ดีมิมาคู่ เคราะห์ร ้ายมิมาเดี่ยว จริง ๆ ”
สิ้นเสียงผู้นาของสานักต่าง ๆ ก็เผยสีหน้าเศร ้าเสียใจออกมา ขณะเดียวกันก็พยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนั้นเอง นักพรตฉางเสวียนก็ได้เพ่งสมาธิ จากนั้นก็หยิบยันต์ ถ่ายทอดเสียงที่ใช ้สื่อสารกับเจ้าสานักต้าหลัวออกมาจากแหวนเก็บ สมบัติ
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้ากาลังสู้กับจอมมารตนหนึ่งอยู่ ยันต์ ถ่ายทอดเสียงก็สั่นขึ้นมา คาดว่าตอนนั้นทางแดนใต้ก็คงใกล้จะเปิด ศึกแล้ว”
เอ่ยเพียงเท่านั้น นักพรตฉางเสวียนก็ทาท่ามุทรา อักษรโบราณ ก็ปรากฏออกมา ก่อนผสานเข้าไปในยันต์ถ่ายทอดเสียง
มินานลวดลายบนยันต์ถ่ายทอดเสียงก็มีแสงส่องออกมา ระยิบระยับ และแผ่ไอพลังลึกลับบางอย่างออกมา
จนเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
ยันต์ถ่ายทอดเสียงก็มีเสียงของเจ้าส านักต้าหลัว หลัวชุนเฟิง ดัง ขึ้น
“พี่ฉางเสวียน สถานการณ์ศึกทางแดนเหนือเป็ นเช่นไรบ้าง ? ”
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างก็มีสีหน้าสลดลงทันที พลางหันไปมอง ยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ลอยอยู่ด้านหน้าของนักพรตฉางเสวียน
นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนส่งสายตาสื่อสารกันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า
“พี่หลัว แดนเหนือของเราพ่ายแพ้แล้ว กองทัพมารได้ยึดเมือง โบราณที่อยู่ทางเหนือของดินแดนฝั่งเหนือไว้หมดแล้ว เชื่อว่าอีกมิ นานคงยึดดินแดนทางเหนือได้ทั้งหมดเป็ นแน่”
“จริงสิ สถานการณ์ศึกทางแดนใต้เป็ นเช่นไรบ้าง ? ”
“พี่ฉางเสวียน ข้าขอเรียนตามตรง แดนใต้นั้นพ่ายแพ้ก่อนแดน เหนือเสียอีก”
“ข้ามิคิดมาก่อนว่าปีศาจจากเทือกเขาแดนใต้จะมีผู้แข็งแกร่ง ที่ ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิถึงห้าตน นอกจากนี้พี่ไท่หัวยังตายในสนาม รบครั้งนี้อีกด้วย สานักเต๋าน้อยใหญ่ล้วนแต่สูญเสียอย่างหนัก”
“ศิษย์ลัทธิเต๋านับแสนคนของเราบาดเจ็บล้มตายในสนามรบ เกือบหมด บัดนี้จึงเหลือเพียงแค่หมื่นกว่าคนเท่านั้น”
สิ้นเสียงเหล่าผู้นาลัทธิเต๋าที่อยู่ภายในตาหนักไท่เสวียน ต่างก็ เอ่อคลอไปด้วยน้าตาทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเผยความ โศกเศร ้าและสิ้นหวังออกมา
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก นักพรตฉางเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พี่หลัว ข้าตัดสินใจแล้ว วันนี้ข้าจะไปพบท่านบรรพจารย์เย่ ขอให้เขาช่วยจงหยวนจากหายนะในครานี้”
“พี่ฉางเสวียน ข้าลืมบอกท่านไป เมื่อวานนี้ข้าไปพบผู้อาวุโสเย่ มาแล้ว”
“อะไรนะ ! ท่านไปพบท่านบรรพจารย์เย่มาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“พี่ฉางเสวียน ขอท่านโปรดอย่าได้ตาหนิข้าเลย เพราะพวกเรา แดนใต้สูญเสียไปมากจริง ๆ ”
“พี่หลัว แล้วท่านบรรพจารย์เย่ได้รับปากอะไรท่านหรือไม่ ? ”
“ผู้อาวุโสเย่มิได้รับปากอะไร แต่เขาได้ส่งผู้แข็งแกร่งที่มีตบะ บารมีสูงส่งเกินจะหยั่งถึงท่านหนึ่งไปจัดการกับปีศาจเผ่าต่าง ๆ แล้ว เชื่อว่าอีกมินานก็คงจะรู ้ผล”
หลังจากสนทนากับหลัวชุนเฟิงเสร็จเรียบร ้อยแล้ว
เหล่าผู้นาของลัทธิเต๋าก็สบตากัน ก่อนที่จะแสดงสีหน้ายินดี ออกมา
ในเมื่อผู้อาวุโสเย่รับปากว่าจะช่วยจัดการเรื่องเผ่าปีศาจ เช่นนั้น เรื่องของเผ่ามาร เขาคงมิมีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน
ลัทธิเต๋ารอดแล้ว !
จงหยวนรอดแล้ว !
……………………………
เวลาผ่านไปประมาณสามชั่วยาม
นักพรตฉางเสวียนที่เปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่เรียบร ้อยแล้ว ก็ได้ ปรากฏตัวขึ้นที่ชายแดนของเมืองเสี่ยวฉือ
ทอดสายตามองเมืองเสี่ยวฉือที่เงียบสงบ
นักพรตฉางเสวียนหยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกเบา ๆ พยายามปรับอารณ์ให้สงบลง จากนั้นจึงออกเดินทางต่ออีกครั้ง
มินาน นักพรตฉางเสวียนก็มาถึงหน้าประตูเรือน ซึ่งเป็ นที่พัก ของเย่ฉางชิงด้วยความคุ้นเคย
“ท่านบรรพจารย์เย่ มิว่าจะเป็ นอนาคตของจงหยวนหรือว่าลัทธิ เต๋า ล้วนแต่อยู่ในก ามือของท่านแล้วนะขอรับ”
นักพรตฉางเสวียนลอบพึมพ ากับตัวเอง
แม้จะได้รับข่าวที่น่าเชื่อถือจากเจ้าสานักต้าหลัวมาแล้ว ทว่าเมื่อ เดินมาถึงหน้าประตู เขาก็ยังอดมิได้ที่จะรู ้สึกกังวลขึ้นมาอยู่ดี
เยี่ยงไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงอนาคตของจงหยวนรวมทั้งลัทธิ เต๋า
“ท่านเย่ ผู้น้อย เหอฉางเสวียน มาขอพบขอรับ ! ”
หลังจากลังเลเล็กน้อย นักพรตฉางเสวียนก็เอ่ยขึ้นพร ้อมกับเคาะ ประตู
หลังสิ้นเสียงสักพัก ประตูก็ถูกเปิดออก
ทว่าสิ่งที่ทาให้นักพรตฉางเสวียนต้องแปลกใจก็คือ
ผู้ที่มาเปิดประตูให้เขากลับเป็ นสตรีที่สวมอาภรณ์สีม่วง มีใบหน้า งดงามทว่าเย่อหยิ่งนางหนึ่ง
แม้เขาจะสัมผัสได้ว่าสตรีที่สวมอาภรณ์สีม่วงผู้นี้ มิมีไอพลัง บาเพ็ญเพียรใด ๆ และมั่นใจว่ามิเคยรู ้จักกันมาก่อน แต่มิรู ้เพราะเหตุ ใดเขากลับรู ้สึกราวกับเคยพบนางมาแล้ว
‘แปลกนัก ! ’
‘น่าแปลกยิ่งนัก ! ’
ขณะเดียวกัน แม้นักพรตฉางเสวียนจะยังนึกมิออกในทันที ว่า สตรีที่สวมอาภรณ์สีม่วงตรงหน้านี้ก็คือจักรพรรดิมารตนนั้น แต่มิได้ หมายความว่าจักรพรรดิมารตนนี้จะจาเขามิได้
กลับกัน ทันทีที่ตู๋กูชิงเฟิงและนักพรตฉางเสวียนยืนประจันหน้า กัน นางก็รู ้ทันทีว่านักพรตฉางเสวียนผู้นี้ มีตาแหน่งที่สาคัญในลัทธิ เต๋าเช่นไร
บัดนี้ลัทธิเต๋าพ่ายแพ้ กองทัพมารบุกเข้าจงหยวนได้สาเร็จ
ทว่าผู้นาของลัทธิเต๋าผู้นี้กลับสวมอาภรณ์สะอาดสะอ้าน และ ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ด้วยท่าทางวางอานาจ
ส่วนท่านเย่ที่เขาเอ่ยถึง
เดาได้มิยากว่าย่อมหมายถึงเย่ฉางชิงอย่างแน่นอน
เช่นนี้ก็หมายความว่า ผู้นาลัทธิเต๋าผู้นี้หาได้มาเพียงเพื่อขอพบ ตามที่บอกไม่ แต่ยังต้องการร ้องขอให้เย่ฉางชิงออกหน้ายับยั้งศึกใน ครั้งนี้อีกด้วย
ตู๋กูชิงเฟิงจึงครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ‘มิน่าเล่า ตบะบารมีเช่นข้ายังมิ อาจสัมผัสได้ถึงไอพลังบ าเพ็ญเพียรใด ๆ บนกายของฉางชิง คาดมิ ถึงว่าในชาตินี้ระดับของเขาจะสูงส่งกว่าข้าเสียอีก’
‘มิใช่สิ นับตั้งแต่ออกมาจากโลงนวโลกา หากมิใช่เพราะข้า ปกปิดตบะบารมีเอาไว้ เกรงว่าคงมีทัณฑ์สวรรค์พิฆาตฟาดฟันลงมา นานแล้ว ส่วนตบะบารมีของเขายังเหนือยิ่งกว่าข้าอีกเยี่ยงนั้นหรือ’
‘หรือว่า… เขาบรรลุขึ้นสวรรค์ไปนานแล้ว ? ’
คิดได้เช่นนั้น ใบหน้าของตู๋กูชิงเฟิ งก็เผยสีหน้าสับสนออกมา ก่อนจะรู ้สึกราวกับเมฆหมอกในใจจะคลี่คลายลง
‘ที่แท้ฉางชิงก็มาจากสวรรค์’
‘บางทีจุดประสงค์ที่เขาลงมาในครานี้ก็เพราะข้า’
‘ใช่แล้ว ! ’
‘เป็ นเช่นนี้แน่ ! ’
‘ต้องเป็ นเช่นนี้แน่ ! ’
ตอนนั้นเอง เมื่อนักพรตฉางเสวียนเห็นสตรีที่สวมอาภรณ์สีม่วง แปลกหน้านางนี้ มีสีหน้าสับสนถึงขนาดขอบตาแดงเรื่อขึ้นมา
ทันใดนั้นภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง
‘สตรีนางนี้เป็ นอะไรไป’
‘เหตุใดพอเห็นหน้าข้าแล้ว ถึงได้มีสีหน้าทั้งตกใจและยินดีเช่นนี้’
‘หรือว่า ! ’
‘หรือว่านางคือลูกสาวที่พลัดพรากไปเมื่อหลายปีก่อนของข้า ? ’
‘หรือว่าจะเป็ นทายาทของข้า ? ’
‘แต่มิน่าเป็ นไปได้ ! ’
‘แม้ตอนนั้นที่ข้าลงเขาไปหาประสบการณ์ เคยพบรักกับหญิง งามนางหนึ่งก็จริง’
‘เรื่องในตอนนั้นข้ายังจาได้อย่างชัดเจน ข้าเพียงแค่จับมือของ หญิงงามนางนั้นมิกี่ครา และหอมหน้าผากของนางเพียงแค่คราเดียว’
‘หรือว่าหอมครั้งเดียวก็ท้องได้แล้ว ? ’
‘คงมิใช่ลูกสาวของข้าจริง ๆ หรอกกระมัง ! ’
‘นี่มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยกระมัง’
‘ข้าสาบานว่าเพียงแค่หอมหน้าผากไปคราเดียวจริง ๆ นะ ! ’
‘เป็ นไปมิได้… เป็ นไปมิได้ ! ’
‘ข้าคิดมากเกินไปแล้ว’
มิกี่อึดใจต่อมา แม้ว่าภายในใจของเขาจะสลัดความคิดฟุ้ งซ่านนี้ ไปแล้ว
ทว่าเมื่อนักพรตฉางเสวียนมองไปยังตู๋กูชิงเฟิงอีกครั้ง
ใบหน้าชรานั้นก็ยังอดที่จะเผยสีหน้าสับสนออกมามิได้ พลัน สายตาของเขาก็อ่อนโยนลง