เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 312 เป็ นข้านี่ช่างลาบากจริง ๆ
ตอนนั้นเอง เหมือนเพิ่งจะรู ้ตัวว่าตนเองนั้นกาลังเสียมารยาท
ตู๋กูชิงเฟิงจึงพ่นลมหายใจออกมาน้อย ๆ พยายามปรับอารมณ์ ของตัวเองให้เป็ นปกติ
ทว่าระหว่างที่ตู๋กูชิงเฟิงเตรียมจะเอ่ยเชิญนักพรตฉางเสวียนเข้า มาด้านใน และบอกเขาว่าเย่ฉางชิงกาลังไปซื้อเนื้อที่ร ้านขายเนื้อ อีก มินานก็จะกลับมานั้น
นางก็พบว่านักพรตฉางเสวียนมิเพียงมีท่าทางแปลกไป ทว่า สายตาที่มองมายังนางนั้นยังประหลาดมากอีกด้วย
วินาทีต่อมา ตู๋กูชิงเฟิงจึงมีสีหน้าเย็นชาลงภายในพริบตา
“เจ้าคงมาเพื่อขอร ้องให้ฉางชิง ยื่นมือไปช่วยยุติสงครามทาง เหนือกระมัง ? ”
สายตาของตู๋กูชิงเฟิ งค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็ นลุ่มลึกขึ้น ให้ ความรู ้สึกราวกับตกอยู่ในขุมนรก
หากมิใช่เพราะนางตัดสินใจที่จะใช ้ชีวิตร่วมกับฉางชิงที่นี่แล้วล่ะ ก็ นางคงลงมือสังหารชายผู้นี้อย่างมิลังเลไปแล้ว
‘กล้าใช ้สายตาเช่นนี้จ้องมองจักรพรรดิเช่นข้าเยี่ยงนั้นหรือ ! ’
‘ห๊ะ ! ’
ได้ยินเช่นนั้น นักพรตฉางเสวียนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ทว่าขณะที่เขาบังเอิญสังเกตเห็นท่าทางของสตรีที่สวมอาภรณ์สี ม่วงตรงหน้า
สีหน้าของเขาก็พลันต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง ท่าทางเต็มไปด้วย ความตื่นตระหนก
ทันใดนั้น ความเย็นยะเยือกก็ได้แล่นขึ้นมา ตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้า
สตรีที่สวมอาภรณ์สีม่วงนางนี้มิธรรมดาจริง ๆ !
แม้เขาจะมิอาจสัมผัสถึงพลังในการบ าเพ็ญเพียรใด ๆ บนกาย ของนาง แต่หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดแล้วล่ะก็ ตบะบารมีของอีกฝ่ าย จะต้องอยู่สูงกว่าเขาเป็ นแน่ !
อีกอย่างสายตาที่ลุ่มลึกและเย็นชาเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังอด มิได้ที่จะรู ้สึกชาวาบไปทั้งตัว ภายในใจเริ่มรู ้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้หาได้อ่อนเยาว์ และเป็ นหญิงสาวธรรมดา ดังเช่นที่เห็นภายนอกไม่
เลอะเลือนไปใหญ่แล้ว !
คิดได้เช่นนั้น นักพรตฉางเสวียนก็มิกล้าจะคาดเดาไปต่าง ๆ นานาอีก จึงได้รีบประสานมือขึ้นคาราวะทันที “ขอเรียนตามตรง ข้า มาเพราะเรื่องฝ่ ายมารจากแดนรกร ้างทางเหนือบุกเข้าโจมตีจงหยวน จริง ๆ ขอรับ”
“ในเมื่อมาเพราะเรื่องนี้”
ตู๋กูชิงเฟิ งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยกมุมปากขึ้นและเผยรอยยิ้ม เรียบนิ่งออกมา พร ้อมถามขึ้นอีกว่า “เช่นนั้นเจ้ามิอยากรู ้หรอกหรือ ว่าข้าคือใคร ? ”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงันไปทันที
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
นักพรตฉางเสวียนราวกับว่าในที่สุดก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
‘เสียงนี้ ? ’
‘ท าไมให้ความรู ้สึกคุ้นเคยนักนะ ? ’
‘มิใช่ ! ’
‘เสียงนี้ หรือจะเป็ นจักรพรรดิมารตนนั้น ! ’
‘แย่แล้ว ! ’
คิดถึงตรงนี้ นักพรตฉางเสวียนก็เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าแฝง รอยยิ้มมีเลศนัยของตู๋กูชิงเฟิง
ทันใดนั้น เมื่อรู ้ว่ากาลังเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่ ร่างของเขาก็ผงะ และหายแวบไปทันที ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่อีกฟากของถนน
“เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”
รอบกายนักพรตฉางเสวียนพลังปราณพลุ่งพล่าน พลังวิญญาณ ภายในกายถูกกระตุ้นถึงขีดสุดภายในพริบตา เตรียมพร ้อมที่จะลง มือได้ตลอดเวลา
เขารู ้ดีว่าตนเองนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิมารตนนี้ไม่
แต่แม้จะเป็ นเช่นนั้น เจ้าสานักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเช่น เขาก็ขอยอมสู้ตาย ดีกว่าต้องคุกเข่าอ้อนวอนจักรพรรดิมาร
“อีกอย่างท่านรู ้หรือไม่ว่าที่นี่เป็ นที่พักผ่อนของท่านบรรพจารย์ เย่ ? ”
นักพรตฉางเสวียนเอ่ยกับตู๋กูชิงเฟิ ง ด้วยท่าทางแน่วแน่และ ดวงตาวาวโรจน์
“กล้ารบกวนการพักผ่อนท่านบรรพจารย์เย่ ต่อให้ท่านเป็ นถึง จักรพรรดิมาร แต่ต่อหน้าของท่านบรรพจารย์เย่ ท่านก็ยังคงมิต่าง อะไรกับมดปลวกอยู่ดี ! ”
‘ท่านบรรพจารย์เย่ ? ’
สิ้นเสียงคิ้วเรียวยาวของตู๋กูชิงเฟิงพลันขมวดมุ่นอย่างห้ามมิได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก นางก็มีท่าทีอ่อนลงพร ้อมกับเอ่ยถาม อย่างหยอกล้อขึ้นว่า “หรือว่าฉางชิงมาจากสวรรค์จริง ๆ เยี่ยงนั้น หรือ ? ”
ก่อนหน้านี้เรื่องที่เย่ฉางชิงมาจากสวรรค์หรือไม่นั้น เป็ นเพียงแค่ การคาดเดาของนางเท่านั้น
แต่หากลูกศิษย์หรือศิษย์หลานผู้นี้ของเย่ฉางชิงยอมรับออกมา เอง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะต่างออกไป
“ท่านรู ้สึกกลัวขึ้นมาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนแค่นหัวเราะออกมาเสียงเย็น พร ้อมเอ่ยต่อ “ในเมื่อท่านอยากรู ้ข้าก็จะบอกให้เอาบุญ ท่านบรรพจารย์เย่มาจาก
สรวงสวรรค์ ความเก่งกาจของเขาหาใช่สิ่งที่ท่านและข้าจะสามารถ คาดเดาได้”
“หากท่านยังพอมีสติอยู่บ้าง ก็จงออกไปจากเมืองเสี่ยวฉือซะ จากนั้นก็พากองทัพมารกลับไปยังดินแดนร ้างทางเหนือเสีย มิเช่นนั้น หากท่านบรรพจารย์เย่ลงมือขึ้นมา ฝ่ ายมารของท่านจะต้องสูญสิ้น อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ฟังคาขู่ของนักพรตฉางเสวียน
บนใบหน้าอันงดงามไร ้ที่ติของตู๋กูชิงเฟิงมิเพียงมิหวั่นเกรงแล้ว แต่กลับยังยิ้มออกมาอีกด้วย
‘เป็ นเช่นนี้นี่เอง ! ’
‘ที่แท้ฉางชิงก็มาจากสวรรค์จริง ๆ ด้วย ! ’
‘อีกทั้งเป็ นเขาที่เล่นเพลงฮั่วฟาน เพื่อช่วยข้าออกมาจากส่วนลึก ของหุบเหวน้าแข็งนั่น’
“เช่นนั้นเจ้ารู ้หรือไม่ว่าฉางชิง หรือก็คือท่านบรรพจารย์เย่ที่เจ้า เอ่ยถึง เหตุใดจึงต้องลงมาจากสวรรค์กัน ? ”
ตู๋กูชิงเฟิงกะพริบตาปริบ ๆ พลางเอ่ยถามขึ้น
“ห๊ะ ! ”
นักพรตฉางเสวียนพลันจ้องเขม็งไปยังตู๋กูชิงเฟิงด้วยสีหน้าที่เต็ม ไปด้วยความสงสัย
‘ด้วยตบะบารมีเช่นท่านบรรพจารย์เย่ คิดว่าจักรพรรดิมารตนนี้ ต้องมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน’
‘แต่นางกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่’
‘มิหนาซ้ายังทาราวกับรู ้เหตุผลที่ท่านบรรพจารย์ลงมาจาก สวรรค์อีกด้วย’
‘เช่นนี้ท่านบรรพจารย์เย่มีความสัมพันธ ์เช่นไรกับจักรพรรดิมาร ตนนี้กันแน่ เป็ นเรื่องที่น่าคิดมิน้อย’
‘หรือว่าท่านบรรพจารย์เย่จะเป็ นสหายที่รู ้ใจของจักรพรรดิมาร ตนนี้ ? ’
‘หรือว่าการที่จักรพรรดิมารตนนี้ออกมาสู้โลกภายนอกได้ ก็เป็ น ฝีมือของท่านบรรพจารย์เย่เช่นกัน ? ’
‘คงมิใช่กระมัง ! ’
‘ต้องมิใช่เช่นนั้นแน่ ! ’
ทันใดนั้น ดวงตาเฉียบคมของนักพรตฉางเสวียนก็แปรเปลี่ยน เป็ นว่างเปล่า ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
ตู๋กูชิงเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ข้ารู ้ว่าเจ้าก าลังคิดอะไรอยู่”
นางมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ว่า “ในเมื่อเจ้า มาหาฉางชิงเรื่องยุติสงครามในดินแดนทางเหนือ เช่นนั้นข้าก็จะให้ คาตอบกับเจ้าตรงนี้เลยก็แล้วกัน”
“หลังจากที่คนในเผ่าของข้าเข้าสู่จงหยวนแล้ว จะมิสร ้างความ เดือดร ้อนให้แก่จงหยวนเป็ นอันขาด พวกเขาแค่จะกลับไปยังดินแดน บรรพบุรุษอีกครา และพักฟื้นอยู่ที่นั่น”
“ขณะเดียวกันข้าสามารถรับปากกับเจ้าได้ว่า มนุษย์และเผ่ามาร ของข้า สามารถทาข้อตกลงกันได้ ว่าจากนี้จะมิมีการบุกรุกดินแดน ของกันและกันอีกตลอดไป”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติขึ้นมา
ทว่าเขากลับถามเรื่องอื่นกับตู๋กูชิงเฟิงแทน “ข้าอยากรู ้ว่า ท่าน บรรพจารย์เย่เป็ นคนช่วยท่านออกมาใช่หรือไม่ ? ”
“อีกอย่างท่านและท่านบรรพจารย์เย่มีความสัมพันธ ์กันเช่นไร ? ”
ตู๋กูชิงเฟิ งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยสีหน้าอ่อนโยนออกมา อย่างมิเคยเป็ นมาก่อน
“ถูกต้อง ฉางชิงเป็ นคนช่วยข้าออกมา ส่วนความสัมพันธ ์ ระหว่างข้ากับฉางชิงนั้น เจ้ามิจาเป็ นจะต้องรู ้และมิมีวันเข้าใจได้”
ตู๋กูชิงเฟิงเอ่ยกับนักพรตฉางเสวียนอย่างตรงไปตรงมา
สีหน้าของนักพรตฉางเสวียนจึงเต็มไปด้วยความหดหู่ในทันที ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจากไป
เพราะท่านบรรพจารย์เย่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน แต่ เขากลับช่วยจักรพรรดิมารตนนี้ออกมา
เป็ นเหตุให้เกิดศึกคราใหญ่ระหว่างเต๋าและมารทางเหนือเมื่อ หลายวันก่อน ท าให้ลัทธิเต๋าต้องบาดเจ็บล้มตายไปนับมิถ้วน
ทว่าผู้ที่เป็ นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดกลับเป็ นท่านบรรพจารย์เย่ ซึ่งก็คือคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วย
คิดดูก็รู ้แล้วว่าหลังจากได้รู ้ความจริงทั้งหมดเช่นนี้
นักพรตฉางเสวียนผู้เป็ นเจ้าสานักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน จะ รู ้สึกหนักอึ้งในใจเพียงใด
และในตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงที่เพิ่งกลับมาจากร ้านขายเนื้อ โดย ในมือถือเนื้อมาด้วยสองก้อน ก็ปรากฏตัวขึ้นเงียบ ๆ
ขณะที่เขาเห็นตู๋กูชิงเฟิ งยืนประจันหน้ากับนักพรตฉางเสวียน เขาก็เริ่มรู ้สึกมิดีขึ้นมาทันที
‘หากเดามิผิดแล้วล่ะก็ การที่เจ้าสานักไท่เสวียนท่านนี้มาหาข้า ในเวลานี้ จะต้องมาขอร ้องเขาซึ่งก็คือท่านบรรพจารย์เย่ให้ออกหน้า ช่วยขับไล่กองทัพมารให้ออกไปจากจงหยวนเป็ นแน่’
‘แต่ข้ากลับมีตบะบารมีเพียงระดับรวบรวมชีพจรเท่านั้น จะ สามารถขับไล่กองทัพมารนับแสน ให้ออกไปจากจงหยวนได้เยี่ยงไร กัน ? ’
‘มิได้ ! ’
‘วันนี้จะเจอหน้าเจ้าสานักไท่เสวียนผู้นี้มิได้อย่างเด็ดขาด ! ’
‘ทว่าตู๋กูชิงเฟิงเปิดประตูออกมาแล้ว’
‘บางทีนางอาจจะบอกเจ้าส านักไท่เสวียนไปแล้วก็ได้ว่าเขาเพียง แค่ไปซื้อเนื้อ’
‘อีกทั้งระยะทางจากร ้านเนื้อมาถึงที่นี่ ก็ใช ้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้าน ธูปเท่านั้น ! ’
‘ท าเช่นไรดี ! ’
‘ตอนนี้จะทาเช่นไรดี ! ’
‘เป็ นข้านี่ช่างลาบากจริง ๆ ! ’
จนเวลาผ่านไปชั่วอึดใจ
ขณะที่เย่ฉางชิงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง และเตรียมที่จะหลบหน้า นักพรตฉางเสวียนนั้น
จู่ ๆ นักพรตฉางเสวียนก็หมุนตัวหันมาเห็นเขาเข้าพอดี