เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 356 ศิษย์ชั่ว เจ้าคิดจะฝ่าฝืนกฎหรือเยี่ยงไร ?
ระหว่างทางที่หลี่ซิวหยวนเดินกลับมาจากเขาด้านหลัง
ท่าทางของเขาแทบจะระงับความดีใจเอาไว้มิอยู่
และเนื่องจากรากวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงทาให้รังสีที่ แผ่ออกมาจากภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เขาในเมื่อก่อนยามที่อยู่นิ่ง ๆ หากดูผิวเผินจะดูน่าเกรงขาม ทว่า ความจริงแล้วเขากลับเป็ นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก
ทว่าบัดนี้เขากลับรู ้สึกทะนงตนเป็ นอย่างมาก ราวกับยอดฝีมือ กระบี่แห่งยุคตัวจริง
มินานหลี่ซิวหยวนก็กลับมาถึงสานักชิงหยางอีกครั้ง
ทว่าเขากลับมิได้รีบไปหานักพรตชิงอวิ๋นในทันที แต่กลับ ตัดสินใจไปหาผู้หญิงปากจัดอย่างชวี่เหวินเซี่ยก่อน
เพราะนับตั้งแต่ชวี่เหวินเซี่ยเข้ามาในสานักชิงหยาง
ศิษย์พี่ใหญ่เช่นเขาก็ถูกศิษย์น้องผู้นี้พูดจาถากถางมาโดย ตลอดแทบจะทุกวี่ทุกวัน
ทาให้พักหลัง ๆ มานี้ ทุกครั้งที่เจอชวี่เหวินเซี่ย เขามักจะเดิน เลี่ยงไปอีกทางเสีย
ทว่าวันนี้นั้นได้ต่างไปแล้ว รากวิญญาณของเขาเกิดการพัฒนา ทั้งยังเป็ นรากวิญญาณธาตุทองขั้นกลางในตานานอีกด้วย
เช่นนั้นเขาจะต้องลบล้างความอายนี้ให้จงได้
ไปฝึกกระบี่ที่หน้าประตูของนาง ให้ชวี่เหวินเซี่ยได้เห็นกับตาซะ เลย
ชวี่เหวินเซี่ยจะได้รู ้ว่า ศิษย์พี่ใหญ่ที่ไร ้ประโยชน์คนนั้นได้หายไป ตลอดกาลแล้ว
ในตอนนั้นเองระหว่างที่หลี่ซิวหยวนกาลังเดินไปยังที่พักของชวี่ เหวินเซี่ย
บุรุษหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาว และมีใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่ง ก็ได้ ปรากฏตัวขึ้น
ผู้ที่มานั้นก็คือศิษย์ลาดับที่ห้าของส านักชิงหยาง
ฉีชางหยวน !
“ศิษย์พี่ใหญ่ ตามหลักแล้วเวลานี้ท่านต้องอยู่คอยชี้แนะศิษย์น้อง เล็กผู้นั้น ให้บาเพ็ญเพียรอยู่มิใช่หรือ ? ”
หลังพบกับศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวน ฉีชางหยวนก็ได้เดินเข้ามา หาอย่างรีบร ้อน
หลี่ซิวหยวนปรายตามองฉีชางหยวนเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียง เรียบว่า “ข้าลืมของน่ะ เลยกลับมาเอา”
ทันทีที่สิ้นเสียง
‘เอ๊ะ ? ’
ฉีชางหยวนเหมือนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนตัว ของหลี่ซิวหยวน จึงเอ่ยถามขึ้นในทันทีอย่างอดมิได้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน… เปลี่ยนไป ? ”
ฉีชางหยวนขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินสารวจรอบกายของหลี่ซิว หยวนหนึ่งรอบ
“อืม เปลี่ยนไป ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย ! ”
ฉี ชางหยวนลูบไปที่คางตัวเอง พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “คุณสมบัติวิถีกระบี่ของท่านเป็ นเช่นไร พวกเราทุกคนรู ้ดีอยู่แก่ใจ แต่ลักษณะท่าทางของท่านในวันนี้ ราวกับผู้บาเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ตัว จริงเสียงจริงเลยขอรับ”
เอ่ยถึงตรงนี้ฉีชางหยวนก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตา พลันเปล่งประกายบางอย่างออกมา “มิใช่สิ ศิษย์พี่ใหญ่ คงมิใช่ว่า ท่านได้รับโอกาสอะไรมาหรอกนะ ? ”
“ศิษย์น้องฉี ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาล มี เรื่องที่คาดมิถึงอยู่มากมาย หลายสิ่งหลายอย่างหาใช่สิ่งที่เจ้าจะคาด เดาได้”
หลี่ซิวหยวนเอ่ยอย่างแฝงความนัย “เจ้าจงจาเอาไว้ นับจากนี้ไป เจ้าจะต้องตั้งใจบาเพ็ญเพียร อย่าได้เป็ นตัวถ่วงของสานักชิงหยางอีก เป็ นอันขาด”
ฉีชางหยวน : “……”
‘นี่เป็ นคาพูดที่ออกมาจากปากของศิษย์พี่หลี่ซิวหยวนเยี่ยงนั้น หรือ ? ’
‘เหตุใดเขาถึงกล้าพ่นคาพูดพวกนี้ออกมา ! ’
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมิได้เป็ นอะไรใช่หรือไม่ ? ”
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ฉีชางหยวนก็ได้เอ่ยถามขึ้น
หลี่ซิวหยวนส่ายหน้ายิ้ม ๆ และมิได้พูดอะไรอีก
ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งเพียงภาพแผ่นหลังอันสง่างามไว้ให้ฉีชาง หยวนดูต่างหน้าเท่านั้น
เวลานี้หลี่ซิวหยวนนั้นแอบรู ้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ
‘หรือว่านี่คือความรู ้สึกของการที่ได้ข่มผู้อื่นเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘อาจเพราะเมื่อก่อนข้าอ่อนด้อยเกินไป จึงมิกล้าที่จะเอ่ยคาพูด เหล่านี้ออกมา’
‘ทว่าตัวเขาในตอนนี้ กลับรู ้สึกชื่นชอบความรู ้สึกเช่นนี้มิน้อย เลย’
‘แต่น่าเสียดายที่เป็ นเพียงรากวิญญาณธาตุทองขั้นกลางเท่านั้น’
‘หากเป็ นรากวิญญาณธาตุทองขั้นสุดยอด เชื่อว่าเมื่อเดินไปที่ ใดก็จะต้องโดดเด่นเป็ นที่สะดุดตาอย่างแน่นอน’
เวลานี้เมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนค่อย ๆ เดินไกลออกไป เรื่อย ๆ ฉีชางหยวนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างอดมิได้
‘ใช่แล้ว ! ’
‘ศิษย์พี่ใหญ่จะต้องได้รับโอกาสบางอย่างมาเป็ นแน่ มิเช่นนั้นคง มิกล้าโอ้อวดเช่นนี้หรอก’
‘จริงสิ ! ’
‘ทางเส้นนี้คือทางไปที่พักของศิษย์พี่รองนี่นา’
‘หืม ? ’
‘ศิษย์พี่รอง ! ’
‘ปกติศิษย์พี่รองชอบหักหน้าศิษย์พี่ใหญ่’
‘เวลานี้ศิษย์พี่ใหญ่ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่มา หรือว่าเขาจะไป แก้แค้นศิษย์พี่รองงั้นหรือ ? ’
คิดถึงตรงนี้
“แย่แล้ว ! ”
ฉีชางหยวนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะอุทานออกมาด้วย ความตื่นตระหนก “ศิษย์พี่ใหญ่จะต้องไปแก้แค้นศิษย์พี่รองเป็ นแน่ ต้องรีบนาเรื่องนี้ไปบอกให้อาจารย์ทราบ”
“คิดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่ปกติดูเป็ นคนสุภาพอ่อนโยน จะมีจิตใจ ที่ดามืดเช่นนี้ เป็ นข้าฉีชางหยวนที่มองคนผิดไปจริง ๆ ! ”
เอ่ยเพียงเท่านั้น ฉีชางหยวนก็รีบวิ่งไปทางที่พักของนักพรตชิ งอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
หลี่ซิวหยวนก็มาถึงด้านนอกประตูเรือน ซึ่งเป็ นที่พักของชวี่เห วินเซี่ย
เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิแล้วหยิบกระบี่หิมะเล่มนั้น ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
ต่อจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกกระบี่
ทว่าเนื่องจากธาตุและคุณสมบัติของรากวิญญาณมีการ เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อหลี่ซิวหยวนเริ่มออกท่วงท่าเพลงกระบี่อัสนีคราม ที่เขา ฝึกฝนมาตลอดอีกครั้ง เขากลับรู ้สึกราวกับเมฆหมอกที่เคยปกคลุม เอาไว้ได้จางหายไปแล้ว
เพลงกระบี่อัสนีคราม
กล่าวกันว่าหากบาเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดแล้ว กระบี่ในมือเพียง เล่มเดียวก็มีพลังดุดันราวกับอัสนีบาต และจะมีเสียงค ารามอันน่า สะพรึงกลัวของสายฟ้ าดังขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ หลี่ซิวหยวนที่ตั้งใจฝึกฝนด้วยความยากลาบากมา กว่าสิบปี กลับท าได้เพียงออกกระบวนท่าของเพลงกระบี่อัสนีคราม ให้ครบก็เท่านั้น
ที่กล่าวกันว่าจะมีพลังดุดันราวกับอัสนีบาตนั้น เขากลับมิเคยทา ได้มาก่อนเลยสักครั้ง
ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เพียงแค่เขายกกระบี่ขึ้น ก็มีไอกระบี่พุ่งออกมาแล้ว
ขณะเดียวกัน บนกระบี่หิมะในตอนนี้ ราวกับมีสายฟ้ าสีคราม เปล่งประกายออกมาอีกด้วย
แค่ดูก็รู ้แล้วว่าหลี่ซิวหยวนนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด
มิกี่อึดใจต่อมา
ชวี่เหวินเซี่ยที่เวลานี้กาลังนั่งสมาธิอยู่ภายในเรือน ก็รู ้สึกได้ถึง ความเคลื่อนไหวที่นอกประตู
มินานนางก็ผลักประตูห้องออกไปเบา ๆ
เมื่อเห็นว่าเป็ นหลี่ซิวหยวนที่กาลังฝึกกระบี่อยู่
ทว่าพลังกระบี่ของเขากลับดุดันยิ่งนัก ไอกระบี่พุ่งโจมตีได้อย่าง ทรงพลัง พร ้อมสายฟ้ าสีครามที่เปล่งประกายออกมา
ชวี่เหวินเซี่ยถึงกับนิ่งงันไปทันที
‘นี่ใช่เจ้าโง่ที่ดื้อรั้นผู้นั้นจริง ๆ น่ะหรือ ? ’
‘พลังกระบี่ ! ’
‘ไอกระบี่!’
‘ทรงอานาจถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของเพลง กระบี่อัสนีครามอีกด้วย ! ’
ขณะเดียวกันแม้จะรู ้ว่าหลี่ซิวหยวนสัมผัสได้ถึงไอพลังของเขา แล้ว แต่เขาก็ยังคงมิมีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด
กลับกันเพลงกระบี่อัสนีครามของเขา กลับทวีความรุนแรงและ ทรงพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
ภาพที่เห็นนั้นช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก
แน่นอนว่านี่ก็คือจุดประสงค์ที่เขามาในครั้งนี้
นั่ นก็คือให้ชวี่เหวินเซี่ยได้รู ้ว่าเสียที ว่าเขานั่ นมิใช่คนไร ้ ประโยชน์คนเดิมอีกต่อไปแล้ว !
หลี่ซิวหยวนในอดีตนับจากนี้ได้หายไปตลอดกาลแล้ว !
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
สีหน้าของหลี่ซิวหยวนก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปและดูย่าแย่ลง
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อชวี่เหวินเซี่ยได้เห็นตนแสดงเพลงกระบี่ที่มิ ธรรมดาเช่นนี้แล้ว จะต้องเรียกให้เขาหยุดด้วยความตกใจทันที และ ไถ่ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกัน
ทว่าสุดท้ายมิรู ้เหตุใดชวี่เหวินเซี่ยกลับมิได้ทาอย่างที่เขาคิด เอาไว้
จึงท าให้เขารู ้สึกประดักประเดิดมิน้อย
เพราะเพลงกระบี่อัสนีครามเป็ นเพลงกระบี่ที่ทรงพลานุภาพ จึง ต้องใช ้พลังวิญญาณอย่างมาก
และเพื่อต้องการทาให้ชวี่เหวินเซี่ยเกิดรู ้สึกตื่นตกใจ เขาจึงได้ ทุ่มสุดตัวในการใช ้เพลงกระบี่อัสนีครามในวันนี้
ทาให้เมื่อเวลาผ่านไปได้เพียงหนึ่งก้านธูป ทว่าเขากลับใช ้พลัง วิญญาณไปจนเกือบหมด
สุดท้ายเมื่อทนมิไหว
หลี่ซิวหยวนจึงจาต้องเป็ นฝ่ายหยุดซะเอง
ตอนนั้นเอง น้าเสียงกระแหนะกระแหนของชวี่เหวินเซี่ย ก็ดังขึ้นที่ ด้านหลังของหลี่ซิวหยวน
“ต่ออีกสิ ท าไมหยุดเสียล่ะ ? ”
ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยถามขึ้น
หลี่ซิวหยวนจึงอดมิได้ที่มุมปากจะกระตุกขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหัน กลับไปมองชวี่เหวินเซี่ย ที่นั่งอยู่บนธรณีประตู
“ศิษย์น้องรอง เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
หลี่ซิวหยวนมีสีหน้าเข้มขึ้น พลางเอ่ยถามชวี่เหวินเซี่ยด้วยความ โมโห
“เจ้าถามอันใดของเจ้า ? ”
ใบหน้าขาวใสและผุดผ่องของชวี่เหวินเซี่ยปรากฏรอยยิ้มขึ้น พร ้อมถามกลับว่า “ข้าสิที่ต้องเป็ นคนถามเจ้า ว่าวันนี้เจ้าเป็ นบ้าอะไร ถึงได้วิ่งมาฝึกกระบี่ที่หน้าประตูเรือนของข้า ? ”
สิ้นเสียงหลี่ซิวหยวนพลันนิ่งงันไปทันที ก่อนจะฉีกยิ้มที่ดูราวกับ จะร ้องไห้ออกมา
“ศิษย์น้องรอง คือเรื่องเป็ นเช่นนี้”
หลี่ซิวหยวนเอ่ยอย่างอึก ๆ อัก ๆ ว่า “จู่ ๆ ข้าก็เกิดความเข้าใจ ในเพลงกระบี่อัสนีคราม เช่นนั้นจึงอยากจะมาประลองกับเจ้าดู”
“ที่แท้ก็เป็ นเช่นนี้นี่เอง”
ได้ยินเช่นนั้นชวี่เหวินเซี่ยจึงลุกขึ้นยืนในทันที พลังบนกายของ นางพลันปะทุขึ้นมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่ เวลาที่ข้าประลองจะมิมี การยั้งมือใด ๆ หากเริ่มประลองกันแล้ว อย่าได้วิ่งกลับไปฟ้ องตาเฒ่า ชิงอวิ๋นซะก่อนล่ะ”
พลันชวี่เหวินเซี่ยก็ทาการหักนิ้วของตัวเอง พร ้อมเอ่ยด้วย รอยยิ้ม
แม้วันนี้หลี่ซิวหยวนจะดูแปลกไปเล็กน้อย และดูเหมือนว่าความ แตกฉานในเพลงกระบี่อัสนีครามของเขาก็ดูก้าวหน้าขึ้นมากจริง ๆ
ทว่าสาหรับชวี่เหวินเซี่ยแล้ว นางคิดว่าหลี่ซิวหยวนในเวลานี้ก็ยัง มิใช่คู่ต่อสู้ของนางอยู่ดี
เช่นนั้นนางจึงมิปฏิเสธที่จะรับคาท้า เพื่อประมือกับศิษย์พี่ใหญ่ที่ หัวรั้นผู้นี้
“ได้ ! ”
หลี่ซิวหยวนมุมปากโค้งขึ้นจนเกิดเป็ นรอยยิ้ม พลางตอบรับ อย่างมิลังเล
ทว่าระหว่างที่หลี่ซิวหยวนและชวี่เหวินเซี่ยกาลังจะประลองกันนั้น
ฉีชางหยวนก็ได้นา นักพรตชิงอวิ๋นรวมทั้งศิษย์อีกหลายคน เดิน เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์ชั่ว เจ้าคิดจะฝ่าฝืนกฎของสานักหรือเยี่ยงไร ? ”
เมื่อเห็นหลี่ซิวหยวนกาลังจะออกกระบี่ นักพรตชิงอวิ๋นพลัน คารามขึ้นมาทันที