เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 357 รากวิญญาณรวมศูนย์ที่มิเคยพบเจอมาก่อน
ทันทีที่สิ้นเสียงของนักพรตชิงอวิ๋น
พลังปราณมหาศาลก็พวยพุ่งออกมา
เพียงเสี้ยววินาทีด้านบนศีรษะของหลี่ซิวหยวน ก็มีรอยประทับ โบราณปรากฎขึ้น
ทันทีที่พลังปราณมหาศาลพุ่งมา พร ้อมสะกดเขาเอาไว้แทบจะ ทันที
ต่อจากนั้น
“ปัง ! ”
ขณะที่หลี่ซิวหยวนยังมิทันที่จะตอบโต้ใด ๆ
ร่างกายของเขาพลันเกิดสั่นเทาอย่างรุนแรง จนต้องคุกเข่าลง ตรงหน้าของชวี่เหวินเซี่ย
‘นี่มัน ? ’
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’
ทันใดนั้น เมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของนักพรตชิงอวิ๋น
หลี่ซิวหยวนและชวี่เหวินเซี่ยต่างก็นิ่งอึ้งไป
ตอนนั้นเองนักพรตชิงอวิ๋นก็ได้เดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว พลางส่งเสียงค ารามดังก้อง
“หลี่ซิวหยวน เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก สานักชิงหยางเลี้ยงดูเจ้ามา ตั้งหลายปี บัดนี้เพียงแค่ได้รับวาสนาบางอย่างมา กลับกล้าลงมือกับ ศิษย์ร่วมสานักเลยเยี่ยงนั้นหรือ”
หลี่ซิวหยวน : “…….”
‘ใครบอกข้าได้บ้างว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ! ’
‘เหตุใดถึงกลายเป็ นการลงมือกับศิษย์ร่วมส านักไปได้ ? ’
‘ข้าเพียงแค่ต้องการให้ศิษย์น้องชวี่ได้รู ้ว่านับแต่นี้ไปข้ามิใช่คน ไร ้ประโยชน์อีกแล้ว’
‘เรื่องนี้ใหญ่โตเพียงนั้นเชียวหรือ ? ’
‘ข้ามิเคยรู ้มาก่อนเลยว่า ที่แท้แล้วอาจารย์จะลาเอียงถึงเพียงนี้ ! ’
ขณะเดียวกัน ชวี่เหวินเซี่ยก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เพราะเริ่ม เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้แล้ว
ที่แท้เป็ นเพราะหลี่ซิวหยวนได้รับโอกาสและวาสนาบางอย่างมา ถึงได้ตั้งใจมาฝึกกระบี่ถึงที่นี่
คิดถึงตรงนี้ มุมปากของชวี่เหวินเซี่ยก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะ หันไปมองหลี่ซิวหยวนที่กาลังมีสภาพสะบักสะบอม
“หลี่ซิวหยวน เป็ นเยี่ยงนี้นี่เอง”
ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยด้วยใบหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้มว่า “ถือว่าเจ้ายังโชคดี หากมิใช่เพราะตาเฒ่าชิงอวิ๋นรีบมาล่ะก็ วันนี้ข้าจะต้องทาให้เจ้ารู ้ ส านึกอย่างแน่นอน”
“อีกอย่างแค้นในวันนี้ ข้าจะขอจาเอาไว้”
หลี่ซิวหยวน “……”
ตอนนั้นเอง พวกนักพรตชิงอวิ๋นก็เดินมาที่ด้านหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าคิดมิถึงจริง ๆ ว่าท่านจะเป็ นคนเช่นนี้ ท่านทาให้ พวกเราผิดหวังจริง ๆ ! ”
“หลี่ซิวหยวน ข้าลู่ซานหยางมองเจ้าผิดไปจริง ๆ ตลอดเวลาข้า คอยอยู่ข้างเจ้า คิดมิถึงว่าเนื้อแท้เจ้าจะเป็ นคนสารเลวเช่นนี้ ! ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ สายตาของท่านคับแคบเกินไปกระมัง”
“ศิษย์พี่รองแม้ปกติจะปากร ้าย แต่ก็เป็ นเพราะคุณสมบัติของเรา ยังดีมิพอ ตบะบารมียังต่าต้อยอยู่ ที่นางทาไปก็เพราะหวังดีต่อพวก เรา มิหนาซ้าท่านยังเป็ นถึงศิษย์เอกของสานักชิงหยางอีกด้วย”
“เฮ้อ โลกเสื่อมโทรมลงทุกวัน จิตใจคนสมัยนี้สู้แต่ก่อนมิได้จริง ๆ คิดมิถึงเลยว่าจะเป็ นเช่นนี้ ! ”
“อาจารย์ ศิษย์ขอบังอาจแนะน าว่า เราควรจะท าลายตบะบารมี ของศิษย์พี่ใหญ่เสีย ตีขาของเขาให้หัก จากนั้นก็ขับไล่ออกจาก ส านักชิงหยางเถอะขอรับ ! ”
“……”
“……”
ท่ามกลางเสียงประณามของศิษย์ร่วมส านัก
หลี่ซิวหยวนที่ถูกรอยประทับโบราณสะกดเอาไว้ บัดนี้ดวงตาเริ่ม แดงก่า เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน และต้องการที่จะอธิบายเรื่องเข้าใจ ผิดทั้งหมดนี้
แต่ก็ต้องจนใจเพราะรอยประทับโบราณที่ลอยอยู่บนศีรษะของ เขานั้นทรงพลังอย่างมาก ทาให้เขามิสามารถปริปากออกมาได้
แต่สุดท้าย นักพรตชิงอวิ๋นสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ก็มีสีหน้า เปลี่ยนไปในทันที
วินาทีต่อมา เขาจึงสะบัดแขนเสื้อขึ้นหนึ่งครั้ง ก่อนรอยประทับ โบราณที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหลี่ซิวหยวนจะจางหายไปในอากาศ
ขณะเดียวกัน หลี่ซิวหยวนที่ไร ้ซึ่งเรี่ยวแรงร่างกายสั่นเทา ก็ได้ ล้มลงกับพื้นภายในพริบตา
“อาจารย์ เรื่องมิได้เป็ นดังเช่นที่ท่านคิดขอรับ”
หลี่ซิวหยวนหันไปเอ่ยด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างคนไร ้เรี่ยวแรง
ขณะที่เขาบังเอิญเหลือบไปเห็นฉีชางหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แวว ตาพลันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“หลี่ซิวหยวน รีบบอกมา เจ้าได้รับวาสนาจากที่ใดมา ถึงได้กล้า คิดจะสังหารศิษย์พี่รองเช่นนี้ ! ”
ลู่ซานหยางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉีชางหยวนปรายตามองหลี่ซิวหยวน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยความโมโห
นักพรตชิงอวิ๋นโบกมือไปมา ก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า “ไอพลัง ของเจ้าเหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปถึงเพียงนี้ได้ ? ”
ได้ยินเช่นนั้น หลี่ซิวหยวนก็ยกยิ้มฝืดเฝื่อน ก่อนจะพ่นลมหายใจ ออกมาเฮือกใหญ่
“อาจารย์ ความจริงแล้วข้าเองก็มิรู ้ว่าเพราะเหตุใด รากวิญญาณ ของข้าถึงได้กลายเป็ นธาตุทอง อีกทั้งคุณภาพก็ยังเกิดการ พัฒนาขึ้นด้วยขอรับ”
“ห๊ะ ! ”
สิ้นเสียง มิเพียงศิษย์น้องคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่ นักพรตชิงอวิ๋นเองก็ถึงกับดวงตาเบิกกว้างขึ้นเช่นกัน
เดิมทีรากวิญญาณของหลี่ซิวหยวนเป็ นธาตุใดนั้น ทุกคนล้วนรู ้ ดีอยู่แก่ใจ
และด้วยเหตุนี้จึงทาให้ทุกคนแอบเรียกเขาว่าคนดื้อรั้นอยู่เป็ น ประจ า
แต่สิ่งที่ทาให้พวกเขาคิดมิถึงก็คือ
ธาตุรากวิญญาณของหลี่ซิวหยวน บัดนี้ได้เปลี่ยนจากธาตุไม้ เป็ นธาตุทองที่หาได้ยากแล้วอย่างนั้นหรือ
สวรรค์ !
นี่เป็ นวาสนาที่ยิ่งใหญ่เพียงใดกัน จึงสามารถเปลี่ยนแปลงธาตุ รากวิญญาณของคนผู้หนึ่งได้ !
น่าเหลือเชื่อ !
ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก !
ตอนนั้นเองชวี่เหวินเซี่ยก็เดินมาตรงหน้าของหลี่ซิวหยวน ก่อน จะปล่อยพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของหลี่ซิวหยวน
ผ่านไปมิกี่อึดใจ
ดวงตาของชวี่เหวินเซี่ยพลันเบิกกว้างขึ้น ท่าทางเต็มไปด้วย ความตื่นตกใจ
‘มิน่าเชื่อ ! ’
‘ธาตุรากวิญญาณของหลี่ซิวหยวนได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ อีกทั้ง คุณภาพก็เกิดการพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน’
‘แต่ว่า ! ’
‘นี่เป็ นไปได้เยี่ยงไรกัน ! ’
หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ชวี่เหวินเซี่ยก็เงยหน้าขึ้นมอง นักพรตชิงอวิ๋น ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
นักพรตชิงอวิ๋นดวงตาเป็ นประกายขึ้นมาในทันที ก่อนจะหันไป เอ่ยว่า “ชางหยวน ซานหยาง พาซิวหยวนไปที่พักของอาจารย์ อาจารย์มีเรื่องจะสอบถามเขา”
ฉีชางหยวนและลู่ซานหยางสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรง เข้าไปมัดหลี่ซิวหยวนเอาไว้
จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
หลังจากที่หลี่ซิวหยวนได้กินโอสถบ ารุงปราณแล้ว ร่างกายก็ ค่อย ๆ ดีขึ้น
อีกทั้งจากการสืบสาวราวเรื่องของนักพรตชิงอวิ๋นและชวี่เหวิน เซี่ย
เขาจึงจาต้องเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ รวมทั้งรายละเอียดมากมาย ออกมาจนหมด
“อาจารย์ เรื่องทั้งหมดก็เป็ นเช่นนี้ขอรับ”
หลี่ซิวหยวนชาเลืองมองชวี่เหวินเซี่ยที่มีสีหน้าเข้ม พลางเอ่ย ออกมาอย่างอึกอักว่า “ศิษย์มิได้คิดจะทาร ้ายศิษย์น้องชวี่จริง ๆ นะ ขอรับ อีกทั้งด้วยคุณสมบัติของศิษย์น้องชวี่แล้ว ต่อให้ศิษย์มี ความคิดเช่นนั้นจริง ก็มิอาจทาได้อยู่ดี”
นักพรตชิงอวิ๋นพยักหน้ารับรู ้ พลางมองชวี่เหวินเซี่ยขณะลูบ หนวดของตนเอง
“เหวินเซี่ย เจ้าคิดว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยถามอย่างครุ่นคิด
“แม้ข้าจะมิรู ้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธาตุรากวิญญาณของหลี่ซิว หยวนกันแน่”
ชวี่เหวินเซี่ยขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางส่ายหน้าไปมา “แต่ว่าข้า มั่นใจว่า โลกนี้มิมีสิ่งที่พลิกฟ้ าเช่นนี้อยู่จริงหรอก”
“รากวิญญาณเป็ นสิ่งที่มีมาแต่กาเนิด ธาตุและคุณภาพก็เช่นกัน การจะเปลี่ยนแปลงธาตุและคุณภาพของรากวิญญาณในคนผู้หนึ่ง ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น มิมีทางเป็ นไปได้เด็ดขาด และมิควรมี อานาจที่พลิกฟ้ าเช่นนี้อยู่”
ได้ยินเช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นก็พยักหน้าเห็นด้วย พร ้อมเอ่ยว่า “เรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ ข้าเองก็มิเคยได้ยินมาก่อน และมิเชื่อว่า โลกนี้จะมีสิ่งที่ไร ้เทียมทานเช่นนี้อยู่จริง ๆ ”
“อาจารย์ เช่นนั้นนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ ? ”
หลี่ซิวหยวนกวาดสายตามองทุกคน พลางเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “พวกท่านก็เห็นแล้ว รากวิญญาณธาตุไม้ของข้า เปลี่ยนเป็ นธาตุ ทองได้จริง ๆ อีกทั้งคุณภาพก็พัฒนาขึ้นเป็ นขั้นกลางอีกด้วย”
ได้ยินเช่นนั้น ชวี่เหวินเซี่ยก็อดมิได้ที่จะกลอกตาใส่หลี่ซิวหยวน แต่ก็ไร ้แรงจะโต้ตอบ
“ซิวหยวน เจ้ามิต้องตระหนกไปหรอก”
นักพรตชิงอวิ๋นยิ้มออกมา พร ้อมกับเอ่ยกับหลี่ซิวหยวนว่า “ราก วิญญาณธาตุไม้ของเจ้าเปลี่ยนเป็ นธาตุทอง และคุณภาพก็ พัฒนาขึ้นเป็ นขั้นกลาง”
“เช่นนี้เจ้าก็สามารถบาเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ได้อย่างสบายใจแล้ว ขอเพียงมุ่งมั่นต่อไปภายภาคหน้าจะต้องประสบความสาเร็จบนวิถี กระบี่อย่างแน่นอน”
หลี่ซิวหยวนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า “แต่ว่า… อาจารย์…”
ตอนนั้นเอง นักพรตชิงอวิ๋นและชวี่เหวินเซี่ยเหมือนจะสัมผัสได้ ถึงอะไรบางอย่าง พลันมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ”
“ปราณวิญญาณธาตุต่าง ๆ เกิดการสั่นสะเทือน นี่มันเกิดอะไร ขึ้นกันแน่ ! ”
“อาจารย์ ศิษย์น้องเย่เวลานี้กาลังค้นหาลมปราณอยู่ การ เปลี่ยนแปลงนี้คงมิเกี่ยวกับเขาหรอกกระมัง ? ”
“อะไรนะ ! ”
“เหตุใดเจ้าถึงมิรีบบอก ! ”
“อาจารย์ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับศิษย์น้องเย่จริง ๆ หรือขอรับ ? ”
“ปราณวิญญาณธาตุต่าง ๆ เกิดการสั่นสะเทือน หากเกี่ยวข้อง กับศิษย์น้องเย่จริง ๆ เช่นนั้นรากวิญญาณของเขาเป็ นธาตุอะไรกัน แน่ขอรับ ? ”
“หากทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์น้องเล็กผู้นั้นจริง เช่นนั้นราก วิญญาณของเขาก็เป็ นไปได้สูง ที่จะเป็ น… รากวิญญาณรวมศูนย์ใน ต านาน”
“ศิษย์น้องชวี่ รากวิญญาณรวมศูนย์… มันคือสิ่งใดงั้นหรือ ? ”
“แม้จะเคยได้ยินเรื่องเล่ามาบ้าง แต่ก็ยังมิเคยพบและมิรู ้ว่าราก วิญญาณรวมศูนย์นี้ ความจริงแล้วเป็ นเช่นไรกันแน่”
“อาจารย์ ท่านเองก็มิทราบหรือขอรับ ? ”
“……”
“……”