เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 362 เฮอะ สตรี
ศิษย์น้องเย่ เจ้าต้องการภรรยาหรือไม่ ?
หลังจากชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยความเมา
เย่ฉางชิงถึงกับนิ่งงันไปทันที
‘นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไร ? ’
‘หรือนางคิดว่าคุณสมบัติของข้ายังดีมิพอ จึงต้องการให้ข้าไป จากสานักชิงหยางเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘’มิใช่หรอกกระมัง ! ’
‘ข้าเป็ นคนไร ้ค่าอยู่ที่โลกเซียนใบนั้นมาเกือบสิบปี’
‘มาถึงโลกเซียนใบนี้ ก็ยังกลายเป็ นคนไร ้ค่าอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘มิใช่สิ ! ’
‘มิควรจะเป็ นเช่นนั้น’
‘ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่าคุณสมบัติของข้านั้นมิได้ด้อยแต่อย่างใด มิ เช่นนั้นก็คงมิสามารถรู ้แจ้งเคล็ดเทพปีศาจโบราณและภาพกระบี่ไร ้ สิ้นสุดได้’
‘แต่ในเมื่อคุณสมบัติมิได้มีปัญหา เช่นนั้นเหตุใดศิษย์พี่ชวี่ถึง ต้องถามข้าเช่นนี้ด้วย ? ’
‘หรือว่า… หรือว่าศิษย์พี่ชวี่ต้องการที่จะเป็ นคู่บาเพ็ญเพียรกับข้า เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘มิสมเหตุสมผลเอาซะเลย ! ’
‘ส านักเซียนลึกลับอย่างส านักชิงหยาง’
‘แม้ภายในส านักจะมีศิษย์เพียงเก้าคน ทว่าแต่ละคนล้วนมีฝีมือ อันเก่งกาจ และตบะบารมีที่ลึกล้าสุดจะหยั่ง’
‘ส่วนข้าที่เพิ่งเริ่มบาเพ็ญเพียร…’
ทันใดนั้น เย่ฉางชิงก็อดมิได้ที่จะกุมขมับ และครุ่นคิดถึงปัญหานี้ ซ้าไปซ้ามา
เวลานี้หลังจากที่ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยถามออกไปเช่นนั้นแล้ว
ร่างทั้งร่างพลันซวนเซและล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะผล็อยหลับ ไปทันที
เมื่อเห็นภาพเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง
ตอนนี้ดูท่าเหมือนว่าศิษย์พี่ชวี่ผู้นี้คงจะเมาแล้วจริง ๆ
‘เช่นนั้นเมื่อครู่นี้ก็คงเป็ นเพียงคาถาม ที่ศิษย์พี่ชวี่พูดออกมา ด้วยความเมาสินะ’
‘ข้าคงเข้าใจถูกแล้วกระมัง ? ’
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก เย่ฉางชิงจึงมิเก็บมาคิดมากอะไรอีก เขาเพียงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะเริ่มพิจารณาภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุดอีกครั้ง
แต่ต้องยอมรับว่าเพราะคาพูดที่มิได้ตั้งใจของชวี่เหวินเซี่ย ตอนนี้เย่ฉางชิงจึงอดมิได้ที่จะกังวลถึงคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมา
เพราะนับตั้งแต่เข้ามาในสานักชิงหยาง เขายังมิได้ทดสอบ คุณสมบัติของตัวเองเลย
เช่นนั้นเขาจึงทาได้เพียงขยันเพิ่มขึ้นเป็ นสองเท่า พยายามมิทา ให้สิ่งที่ตนเองกังวลกลายเป็ นเรื่องจริง
เพียงพริบตาฟ้ าก็สว่างเสียแล้ว
เมื่อเย่ฉางชิงงีบไปครู่หนึ่งแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ก็พบว่าบัดนี้ศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนได้ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ริม หน้าผาแล้ว ช่างดูสูงส่งยิ่งนัก
“ศิษย์พี่ใหญ่”
เย่ฉางชิงจึงเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ด้วยใบหน้าที่แฝงเอาไว้ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ได้ยินเช่นนั้น หลี่ซิวหยวนก็ถอนสายตากลับมา พลางหมุนตัว มาหาพร ้อมเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “ศิษย์น้องเย่ วันนี้เจ้าก็บาเพ็ญ เพียรตามวิธีบนเคล็ดเทพปีศาจโบราณเถอะ”
“แต่เจ้าต้องระวังให้มาก เรื่องการบาเพ็ญเพียรจะต้องเป็ นไปตาม ขั้นตอน มิอาจรีบร ้อนเพื่อให้ได้ผลลัพธ ์ในเวลาอันสั้นได้ มิเช่นนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นมา การบาเพ็ญเพียรต่อจากนั้นก็จะได้รับ ผลกระทบไปด้วย”
เอ่ยถึงตรงนี้ หลี่ซิวหยวนก็เหลือบมองเย่ฉางชิงเล็กน้อย ก่อนจะ เอ่ยต่ออีกว่า “อีกอย่างช่วงนี้ศิษย์พี่จะเข้าฌานสักระยะ เช่นนั้นจึงจะมิ อาจมาคอยดูเจ้าบ าเพ็ญเพียรได้สักพัก แต่เจ้าจะละเลยการบ าเพ็ญ เพียรมิได้อย่างเด็ดขาดนะ”
ต้องบอกว่าเมื่อวานนี้ เมื่อหลี่ซิวหยวนกลับไปบาเพ็ญเพียรแล้ว เขานั้นรู ้สึกมีความสุขอย่างมาก
สมแล้วที่เป็ นรากวิญญาณธาตุทองขั้นกลาง
ข้อสงสัยมากมายในวิถีกระบี่ที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ หลังจาก เมื่อวานเขาได้บาเพ็ญเพียรไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็สามารถหาคาตอบ และแก้ไขได้จนหมดแล้ว
มิเพียงเท่านั้น ระดับที่เขาหยุดชะงักมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ปรากฏ สัญญาณของการบรรลุขึ้นแล้ว
เชื่อว่าอีกสองเดือนจะต้องสามารถหลอมจินตาน และก้าวเข้าสู่ แดนสร ้างแก่นที่เฝ้ าฝันถึงได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ชวี่เหวินเซี่ยก็เคยบอกเอาไว้ว่า
ต่อให้เขาอยากที่จะสอนอะไรผิด ๆ ให้กับศิษย์น้องเย่ผู้นี้ ก็ทา อะไรคนผู้นี้มิได้อยู่ดี
ในเมื่อเป็ นเช่นนั้นก็ปล่อยให้ศิษย์น้องเย่บาเพ็ญเพียรอยู่ที่เขา ด้านหลัง ส่วนเขาก็สามารถไปบาเพ็ญเพียรที่สานักชิงหยางได้แล้ว
เยี่ยงไรเสียด้วยคุณสมบัติของศิษย์น้องเย่ ย่อมมิเกิดปัญหาอะไร ระหว่างการบ าเพ็ญเพียรอยู่แล้ว
และช่วงนี้ก็ถือเป็ นโอกาสดี ที่อาจารย์มิอยู่เพราะไปเมืองหลานซี หลายวันอีกด้วย
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็ประสานมือให้พลางเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าทราบแล้วขอรับ”
หลี่ซิวหยวนพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินจากไปทันที
หลังจากมองดูหลี่ซิวหยวนจากไปจนลับตาแล้ว
เย่ฉางชิงก็ถอนสายตากลับมา พร ้อมกับอดมิได้ที่จะมองไปยังถ้า ใต้หน้าผา
เพราะศิษย์พี่ชวี่ผู้นั้นหลังจากดื่มสุราชิงอี่จอกนั้นไป ดูเหมือนว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังมิตื่นขึ้นมาเลย
“ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน”
เย่ฉางชิงมีสีหน้าแน่วแน่ พลางพึมพากับตัวเองว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ ใหญ่เป็ นคนบอกเอง เช่นนั้นนับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าก็จะเริ่มเปิดจุดเซิน ฉางแล้ว”
เอ่ยเพียงเท่านั้น เย่ฉางชิงก็นั่งสมาธิกับพื้นทันที ดวงตาปิดลง พร ้อมประสานมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้านหน้า
“ปราณวิญญาณบริสุทธิ์ อวัยวะภายในทั้งหกให้กาเนิดแสงทั้ง สาม”
“จิตตั้งมั่นภายในมิแปรผัน ด้านบนเป็ นซานเจียวด้านล่างเป็ น ของเหลว”
“พลังปราณไหลเวียนร่างกายสะอาด อวัยวะตันทั้งห้า1 ก็เช่นกัน”
“……”
“……”
เย่ฉางชิงเริ่มท่องคาถาในเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณ
ทันใดนั้น ปราณวิญญาณธาตุไม้ที่ปกคลุมรอบกายพลันพุ่งเข้า สู่ร่าง ก่อนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปมิกี่อึดใจ
ปราณวิญญาณธาตุไม้มากมายก็ได้ไหลไปรวมกันในส่วนหนึ่ง ของร่างกาย ก่อนจะก่อเกิดเป็ นพายุหมุน เหมือนจุดเซินฉางต าแหน่ง ที่หนึ่งของเย่ฉางชิงกาลังจะถูกเปิดขึ้น
แต่สิ่งที่ทาให้เย่ฉางชิงเกิดความสงสัยก็คือ
ตามค าแนะน าในเคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณ
ระหว่างการเปิดจุดเซินฉาง
หากประมาทเพียงเล็กน้อยอาจท าให้ดับสูญได้แล้ว ยังต้องอดทน ต่อความเจ็บปวดที่คนธรรมดามิสามารถทานทนได้อีกด้วย
ทว่าร่างกายของเขากลับมิมีสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น และมิมี ความรู ้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย มิหนาซ้ายังรู ้สึกเบาสบายมากอีกด้วย
ต้องยอมรับว่าขั้นตอนนี้ค่อนข้างช ้าเป็ นอย่างมาก
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม
เมื่อแสงแดดที่อบอุ่นสาดส่องลงมากระทบร่างของเย่ฉางชิง
จู่ ๆ ก็มีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏกายขึ้นเงียบ ๆ ที่เขาด้านหลัง
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มาก็คือ ศิษย์คนที่ห้าของสานักชิงหยาง
ฉีชางหยวน
แต่ขณะที่เขากาลังแอบอยู่ใต้ต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง เพื่อลอบ สารวจก่อนจะตัดสินใจว่าจะไปพบศิษย์น้องเย่ผู้นี้หรือไม่นั้น
วินาทีต่อมา ระหว่างที่ฉีชางหยวนเฝ้ ามองเย่ฉางชิงอยู่ไกล ๆ นั้น
ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างขึ้น สีหน้าเต็มไปความเหลือเชื่อ
เวลานี้เย่ฉางชิงกาลังนั่งสมาธิอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองข้างปิด สนิท รอบกายมีแสงสีเขียวหมุนวนอยู่
ผมสีดายาวสนิท รวมทั้งใบหน้าที่หล่อเหลาไร ้ที่เปรียบ
จึงทาให้เขาดูราวกับเซียนที่แท้จริงนั่งอยู่ตรงนั้น และน่าเกรงขาม จนอดที่จะหวาดกลัวมิได้
แต่สิ่งที่น่าตื่นตระหนกไปมากกว่านั้นก็คือ
ในเวลานี้ด้านหลังของเย่ฉางชิงยังถูกปกคลุมไว้ด้วยภาพมายา ที่ดูลึกลับอย่างมากอีกด้วย
ในภาพมายานั้นมีคนผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้กับทุกคน รอบกายมี พลังอันปั่นป่วนพวยพุ่งออกมา สัญลักษณ์โบราณปรากฎขึ้น ราวกับ จักรพรรดิแห่งยุค อีกทั้งยังแผ่ความน่าเกรงขามที่ชวนหวาดหวั่น ออกมา แม้จะจับต้องมิได้ก็ตาม
เมื่อเห็นภาพอันน่าตื่นตระหนกเช่นนี้
ฉีชางหยวนจึงลอบกลืนน้าลายลงคอ พลางเอ่ยกับตัวเองด้วย เสียงอันสั่นเทาว่า “คิดมิถึงว่าที่ศิษย์น้องจื่อเหยาพูดมาจะเป็ นความ จริง ศิษย์น้องเย่ผู้นี้เป็ นบุคคลที่ไร ้เทียมทานจริง ๆ ด้วย…”
ตอนนั้นเอง ระหว่างที่ฉีชางหยวนกาลังทอดถอนใจอยู่นั้น
ก็พบว่าบัดนี้ได้มีสตรีที่สวมอาภรณ์สีแดงนางหนึ่ง เดินโงนเงนอ อกมาจากถ้าที่อยู่ข้าง ๆ
เดาได้มิยาก เพราะคนผู้นั้นก็คือ ชวี่เหวินเซี่ย
จากนั้นเหมือนกับว่าชวี่เหวินเซี่ยได้เอ่ยอะไรบางอย่างออกมา เย่ ฉางชิงจึงหยุดสิ่งที่ทาอยู่ลงทันที
อีกทั้งใบหน้าทั้งสองยังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม โดยเฉพาะขณะที่ สบตากันนั้น ดูราวกับคู่รักก็มิปาน
เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดวงตาของฉีชางหยวนก็เบิกกว้างขึ้น ทันที ร่างทั้งร่างพลันแข็งค้าง
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’
‘เหตุใดชวี่เหวินเซี่ยถึงได้มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นนี้ได้ ? ’
‘หรือว่าพวกเขาสองคนจะมีความความสัมพันธ ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน ? ’
‘อีกทั้งชวี่เหวินเซี่ยยังมีท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ! ’
‘สวรรค์ ! ’
‘ไร ้สามัญสานึกสิ้นดี ! ’
‘ช่างบาดตายิ่งนัก ! ’
‘มิได้ ! ’
‘เรื่องนี้ต้องรายงานให้อาจารย์ทราบ’
‘หากพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ ์ที่ลึกซึ้งไปมากกว่านี้ และ เกิดมีศิษย์หลานโผล่ขึ้นมาเรื่องนี้ต้องยุ่งแน่ ๆ ’
‘อืม ! ’
‘ต้องรีบรายงานให้อาจารย์ทราบ ! ’
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ฉีชางหยวนก็เผยสีหน้าดูแคลน ออกมา
“เฮอะ สตรี ! ”
ฉีชางหยวนแค่นเสียงออกมา “คิดมิถึงว่าชวี่เหวินเซี่ยผู้มี คุณสมบัติสูงส่งและเย่อหยิ่ง จะเป็ นสตรีที่ไร ้ยางอายเช่นนี้ไปได้”
1 อวัยวะตันทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต