เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 373 หลี่ซิวหยวนเจ้าสอนบ้าอะไรกัน
จากนั้นลู่ซานหยางและนักพรตชิงอวิ๋นก็ได้ก้าวเข้าสู่ค่ายกล ที่ ปกคลุมไปทั่วทั้งเขาอวิ๋นชาง ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไป
เวลานี้นักพรตชิงอวิ๋นมิเพียงบนใบหน้าจะประดับเอาไว้ด้วย รอยยิ้ม ทว่าภายในใจเองก็เต็มไปด้วยความปลื้มปิติเช่นกัน
และทาให้เขาเริ่มรู ้สึกนับถือตัวเองขึ้นมามิน้อย
เพียงแค่บังเอิญไปเจอคนผู้หนึ่งที่มีรูปลักษณ์และลักษณะท่าทาง อันไร ้ที่เปรียบมาจากกลางป่า และรับเข้ามาเป็ นศิษย์
แต่ใครจะไปคิดว่า
ศิษย์ผู้นี้กลับเป็ นคนที่เก่งกาจราวกับภูตผี
มิเพียงสามารถรู ้แจ้งในวิถีต่าง ๆ ทั้งยังสามารถทาให้ราก วิญญาณของศิษย์ที่ไร ้ค่าคนอื่น ๆ เกิดการพัฒนาขึ้นได้ เปลี่ยนขยะ ให้กลายเป็ นสมบัติล้าค่า
เช่นนี้แล้วสามเดือนให้หลัง
สานักชิงหยางจะต้องได้เลื่อนระดับขึ้นไปอีกหลายขั้น และได้รับ ทรัพยากรบ าเพ็ญเพียรจ านวนมาก เพราะเย่ฉางชิงอย่างแน่นอน
อีกอย่างรากวิญญาณของศิษย์เหล่านี้ยังมีการพัฒนาขึ้นอย่าง มาก แม้จะยังมิเรียกว่ามีความโดดเด่นเหนือผู้ใด แต่ดูจากคุณสมบัติ แล้ว คิดว่าการเข้านิกายกระบี่สวรรค์สายนอกก็คงมิยากเกินไปนัก
อีกทั้งสานักชิงหยางในวันหน้าหากมีพวกเขาอยู่ อนาคตจะต้อง กลายเป็ นสานักระดับหนึ่ง ในบรรดาสานักที่พึ่งพิงนิกายกระบี่สวรรค์ อย่างแน่นอน
คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนักพรตชิงอวิ๋นก็เจิดจ้าขึ้นอีก หลายเท่า
จนนักพรตชิงอวิ๋นอดมิได้ที่จะท่องกวีบทหนึ่งออกมา เพื่อ ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวเองในเวลานี้
ทว่ากลับจนปัญญาเพราะตั้งแต่เด็กมาเขานั้นอ่านหนังสือน้อย มากจริง ๆ เช่นนั้นเขาจึงสลัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองลู่ซานหยางที่เดินตามมาทางด้านหลังก็ได้เอ่ยขึ้นว่า
“อาจารย์ ข้าลืมบอกท่านไปว่านับตั้งแต่วันที่ข้า ศิษย์พี่ใหญ่ และ ศิษย์พี่รอง ดื่มสุราชิงอี่ของศิษย์น้องเย่เข้าไป จู่ ๆ วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ก็ บอกกับข้าว่า เขาจะเข้าฌานเตรียมก้าวเข้าสู่แดนสร ้างแก่นแล้ว ขอรับ”
“ส่วนศิษย์พี่ชวี่เองก็บอกว่าจะเข้าฌานเตรียมบรรลุ…”
ลู่ซานหยางเอ่ยยังมิทันจบประโยค
นักพรตชิงอวิ๋นพลันชะงักฝีเท้าลง
“ซานหยาง เจ้าบอกว่าเหวินเซี่ยจะเข้าฌาน เพื่อบรรลุระดับเยี่ยง นั้นหรือ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นหันกลับมามองลู่ซานหยาง ด้วยท่าทางที่เต็มไป ด้วยความตื่นตกใจ
ชวี่เหวินเซี่ยอยู่ในระดับใดนั้น เขาย่อมรู ้ดีอยู่แก่ใจ
แต่บัดนี้
กลับจะบรรลุขึ้นอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? !
นี่ก็หมายความว่าศิษย์คนรองของเขาผู้นี้ ก็จะอยู่ระดับเดียวกับ เขาแล้วน่ะสิ ?
อีกทั้งคุณสมบัติของชวี่เหวินเซี่ยยังสูงส่งอย่างมาก หากก้าวเข้า สู่แดนก่อกาเนิดได้ล่ะก็ แม้แต่เขาที่เป็ นเจ้าสานักก็หาใช่คู่ต่อสู้ ของชวี่เหวินเซี่ย
แต่สิ่งที่สาคัญที่สุดก็คือ หากชวี่เหวินเซี่ยก้าวสู่แดนก่อกาเนิด แล้ว หากเกิดอยากจะประลองฝีมือกับเจ้าส านักเช่นเขาขึ้นมาเล่า
ชวี่เหวินเซี่ยมีนิสัยเป็ นเช่นไร เขาย่อมรู ้ดีกว่าใคร
แล้วจะท าเช่นไรดี ?
เยี่ยงไรเสียเขาก็เป็ นเจ้าสานักชิงหยาง
หากพ่ายแพ้ให้แก่ชวี่เหวินเซี่ย เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน !
ทันทีที่สิ้นเสียง ลู่ซานหยางก็ชะงักงัน ก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า “ศิษย์พี่ชวี่บอกไว้เช่นนั้นขอรับ”
นักพรตชิงอวิ๋นพยักหน้ารับ บัดนี้ใบหน้าชรานั้นนอกจากจะมิมี ความยินดีใด ๆ แล้ว ทว่ากลับยังแปรเปลี่ยนเป็ นเศร ้าสร ้อยอีกด้วย
ลู่ซานหยางอดมิได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างแปลกใจว่า “อาจารย์ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว พวกเรายังมิรู ้เลยว่าศิษย์พี่ชวี่แท้จริงแล้ว อยู่ ระดับใดกันแน่หรือขอรับ ? ”
เอ่ยถึงตรงนี้ลู่ซานหยางก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน “จริงด้วย ก่อนหน้านี้เห็นศิษย์พี่ชวี่สามารถเหาะเหินกลางอากาศได้ ก็หมายความว่าอย่างน้อยที่สุด ศิษย์พี่ชวี่จะต้องมีตบะบารมีอยู่แดน สร ้างแก่นเป็ นแน่”
“ทว่าตอนนี้นางยังบอกว่าจะเข้าฌานเพื่อบรรลุระดับ เช่นนั้นมิ เท่ากับนางจะทะลวงขึ้นไปสู่แดนก่อกาเนิดเยี่ยงนั้นหรือ…”
นักพรตชิงอวิ๋นมุมปากกระตุกขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้ว เอ่ยว่า “ใช่แล้ว เหวินเซี่ยเลือกที่จะบรรลุในเวลานี้ นางคงจะใกล้จะ เข้าสู่แดนก่อก าเนิดแล้ว”
“อาจารย์…”
ลู่ซานหยางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยจี้ใจดาว่า “ท่านบอกศิษย์ พี่ชวี่มีคุณสมบัติสูงส่งมิใช่หรือขอรับ หากนางก้าวสู่แดนก่อกาเนิด ได้ ท่านจะพ่ายแพ้นางหรือไม่ขอรับ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นปรายตามองลู่ซานหยาง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก แววตาของลู่ซานหยางพลันเปล่ง ประกายบางอย่างออกมา ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “อาจารย์ข้ารู ้แล้ว ขอรับ ด้วยนิสัยของศิษย์พี่ชวี่ ขอเพียงนางก้าวเข้าสู่แดนก่อกาเนิด ได้สาเร็จ ถึงตอนนั้นนางจะต้องขอประลองฝีมือกับท่านอย่างแน่นอน หากท่านเอาชนะศิษย์พี่ชวี่มิได้ ท่านจะต้องอับอายขายหน้าเป็ นแน่ ขอรับ”
“แต่ว่าเยี่ยงไรเสียท่านก็มีตบะบารมีแดนก่อกาเนิดมาหลายปีแล้ว หากรากวิญญาณของท่านเกิดการพัฒนาเช่นเดียวกับพวกเรา รอ ให้ถึงตอนนั้นศิษย์พี่ชวี่อาจจะมิสามารถเอาชนะอาจารย์ก็ได้นะ ขอรับ”
สิ้นเสียงแม้ใบหน้าของนักพรตชิงอวิ๋นจะยังเรียบนิ่งเช่นเดิม แต่ก็ ยังอดมิได้ที่จะใจสั่นขึ้นมา
‘จริงด้วย ! ’
‘เหตุใดข้าถึงคิดมิออกนะ ! ’
‘ต้องยอมรับว่าแม้คุณสมบัติของข้าจะแย่กว่าเหวินเซี่ย แต่หาก รากวิญญาณเกิดการพัฒนาขึ้นมา’
‘ต่อให้เหวินเซี่ยมาขอท้าประลอง ข้าอาจจะเอาชนะนางก็ได้’
‘อีกอย่างข้าก็หยุดชะงักอยู่ในแดนก่อก าเนิดมานานเกินไปแล้ว’
‘ความคิดดี ! ’
‘ความคิดนี้ดีจริง ๆ ! ’
“ซานหยาง เจ้าขึ้นเขาไปก่อน อาจารย์จะไปดูว่าฉางชิงบาเพ็ญ เพียรคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนที่รอบกายจะปรากฏแสงเจิด จ้าออกมา พร ้อมพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ มุ่งหน้าไปทางเขาด้านหลัง
เห็นนักพรตชิงอวิ๋นจากไปแล้ว
ลู่ซานหยางก็ได้แต่ชะงักงัน พลางทอดถอนใจออกมาอย่างห้าม มิได้ “อาจารย์มิเพียงแต่มีสายตาคับแคบ แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเจ้า เล่ห์ขึ้นอีกด้วย”
……………………..
มินานนักพรตชิงอวิ๋นก็มาปรากฏตัวยังเขาด้านหลัง
เดิมที่เขาคิดว่าจะมาแสดงท่าทางวางอานาจต่อหน้าเย่ฉางชิงเสีย หน่อย
แต่เมื่อได้เห็นนิมิตที่เกิดขึ้นด้านหลังของเย่ฉางชิงแล้ว ร่างทั้งร่าง ของเขาราวกับถูกสายฟ้ าฟาด จนแทบจะร่วงลงมากองกับพื้น
เมื่อพบว่านิมิตด้านหลังของเย่ฉางชิงนั้น มีร่างขนาดใหญ่ร่าง หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่
เขากาลังนั่งหันหลังให้กับผู้คน แสงอันศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนไปทั่ว ร่างกาย พลังโกลาหลไหลเวียน แผ่ความน่ าเกรงขามอันน่ า สะพรึงกลัวที่มองมิเห็นกลุ่มหนึ่งออกมา
แต่สิ่งที่น่าตื่นตระหนกมากที่สุดก็คือ
ด้านบนศีรษะของเขาเหมือนกับมีถ้าสวรรค์โบราณถ้าหนึ่ง ปรากฏขึ้น
ภายในถ้านั้นมีแสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นริบหรี่ พลังโกลาหล พวยพุ่ง ราวกับแฝงเอาไว้ด้วยแหล่งก าเนิดของหลักการเต๋าใน ต านาน
แค่มองเพียงแวบเดียว ก็เหมือนกับจะถูกกลืนกินจิตวิญญาณ เข้าไปก็มิปาน
มิเพียงเท่านั้น ร่างอันใหญ่โตร่างนั้นเวลานี้ ดูเหมือนว่ากาลังจะ เปิดถ้าสวรรค์อีกถ้าหนึ่งอยู่
ถ้าสวรรค์นี้แม้จะเป็ นเพียงโครงร่างคร่าว ๆ แต่ก็ยังคงน่ า สะพรึงกลัวและทาให้เกิดความรู ้สึกหวาดหวั่นเป็ นอย่างมาก
แค่คิดก็รู ้แล้วว่าภาพที่เห็นนี้จะส่งผลต่อจิตใจของนักพรตชิงอวิ๋น มากเพียงใด !
“น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”
นักพรตชิงอวิ๋นอดมิได้ที่จะส่ายหน้าไปมา ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ฉางชิงแท้จริงแล้วเป็ นใครกันแน่ เหตุใดด้านหลังของเขาจึงปรากฏ นิมิตอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ ราวกับปาฏิหาริย์ก็มิปาน ! ”
เอ่ยถึงตรงนี้ นักพรตชิงอวิ๋นก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ หรือว่าฉางชิงจะเป็ นยอดฝี มือผู้ไร ้เทียมทาน ที่ได้ผนึก ความทรงจาและตบะบารมีของตนเอาไว้ จากนั้นก็ออกมาท่องโลก เพื่อสัมผัสกับเส้นทางการบาเพ็ญเพียรอีกครา ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นยังได้พึมพากับตัวเองอีกว่า “ใช่แล้ว มิผิดแน่ ต้อง เป็ นเช่นนี้แน่ ! ”
คิดได้เช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นก็ค่อย ๆ โรยตัวลงไป
ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็เกิดรู ้สึกลังเลขึ้นมา
เพราะครั้งนี้ที่ลงเขาไปเมืองหลานซีนั้น
ประการแรก ก็เพื่อไปเข้าร่วมการประชุมของนิกายกระบี่สวรรค์ อีกประการหนึ่งก็เพื่อไปจัดหาทรัพยากรที่ใช ้ในการบาเพ็ญเพียร ให้แก่เย่ฉางชิง
แต่จู่ ๆ เขาก็รู ้สึกว่าทรัพยากรในการบาเพ็ญเพียรที่เขาเตรียม มานั้นยังดีมิพอ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นักพรตชิงอวิ๋นก็อดมิได้ที่จะทอดถอน ใจออกมา “แม้ข้าจะรู ้ว่าทรัพยากรในการบาเพ็ญเพียรในมือเหล่านี้ อาจจะมิสามารถช่วยอะไรฉางชิงได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็นับว่าเป็ น น้าใจของข้าและสานักชิงหยางก็แล้วกัน”
“อีกทั้งข้าปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจขนาดนี้ คิดว่าวันหน้า ต่อให้ความทรงจ าและตบะบารมีของเขาถูกปลดผนึกออกแล้ว เขาก็ คงจะจดจาน้าใจในครานี้ได้อยู่”
คิดได้เช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นก็เอามือไพล่หลัง พร ้อมกับเดินตรง เข้าไปอย่างมิลังเลใด ๆ อีก
“ฉางชิง ช่วงนี้การบาเพ็ญเพียรเป็ นเช่นไรบ้าง ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นเดินมาตรงหน้าของเย่ฉางชิงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้าเสียงอ่อนโยน
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็หยุดการเปิดจุดเซินชางลง จากนั้น นิมิตที่ปกคลุมรอบกายพลันมลายหายไป
“ท่านเจ้าส านัก”
เย่ฉางชิงลืมตาขึ้น พร ้อมกับรีบลุกขึ้นยืนและประสานมือคารวะ นักพรตชิงอวิ๋นทันที “เย่ฉางชิงคารวะท่านเจ้าสานัก”
“ฉางชิง มิจ าเป็ นต้องมากพิธี”
นักพรตชิงอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือไปมาอย่างฝืน ๆ “ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าพวกเราเหล่าผู้บาเพ็ญเพียรตั้งจิตมั่นสู่ มรรคา พิธีรีตองเหล่านี้มิต้องใส่ใจให้มาก”
เย่ฉางชิงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้แก่นักพรตชิ งอวิ๋นน้อย ๆ
“เรียนท่านเจ้าสานัก ศิษย์ทาตามคาสั่งของศิษย์พี่ใหญ่ หลังจาก เสริมปราณให้แข็งแกร่งสาเร็จแล้ว จึงได้เริ่มฝึกเคล็ดวิชาเทพปีศาจ โบราณขอรับ”
เย่ฉางชิงเอ่ยตามตรง “แต่ว่าศิษย์นั้นโง่เขลา ฝึกมาจนถึงบัดนี้ จุดเซินชางตาแหน่งที่สองยังมิสามารถเปิดได้สาเร็จ”
ได้ยินเช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นมีก็ชะงักไปทันที พร ้อมกับเผยสี หน้าสงสัยออกมา
‘เคล็ดวิชาเทพปีศาจโบราณ ? ’
‘จุดเซินชาง ? ’
‘จุดเซินชางตาแหน่งที่สอง ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’
‘ช่วงที่ผ่านมาหลี่ซิวหยวนสอนอะไรให้กันแน่ ! ’
คิดได้เช่นนั้น แม้ใบหน้าของนักพรตชิงอวิ๋นจะยังเรียบนิ่งดังเดิม ทว่าภายในใจกลับรู ้สึกโมโหเป็ นอย่างมาก