เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 378 มิใช่การต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อ แต่เป็ นการต่อสู้ กับจิตใจของคน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
- ตอนที่ 378 มิใช่การต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อ แต่เป็ นการต่อสู้ กับจิตใจของคน
เวลาสองเดือนผ่านไปไวราวโกหก
ในช่วงที่ผ่านมา หลี่ซิวหยวนได้ทาตามคาสั่งของนักพรตชิงอวิ๋น มาโดยตลอด
ยามกลางวันเขาจะอยู่ที่เขาด้านหลัง นั่งอยู่บนเนินตรงริมหน้าผา เพียงล าพัง และหันหลังให้แก่เย่ฉางชิง
รอจนเมื่อราตรีมาเยือน เขาก็จะกลับมายังสานักชิงหยางเพื่อ บ าเพ็ญเพียรต่อ
แน่นอนว่าเขาย่อมเลี่ยงมิได้ ที่จะถูกเย่ฉางชิงถามเกี่ยวกับ ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการบ าเพ็ญเพียร
และจนใจที่เขามิสามารถเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเองได้ จึงต้อง แสร ้งทาเป็ นผู้สูงส่งต่อหน้าศิษย์น้องเย่ผู้นี้ตลอดเวลา
หลายครั้งเขาจึงทาได้แค่เพียงกัดฟันทน ตอบคาถามที่บางครั้ง แม้แต่ตัวเขาเองก็มิเขาใจ แต่กลับต้องสรรหาคาที่ดูสูงส่งมาตอบศิษย์ น้องเย่ผู้นี้
แต่สุดท้าย สิ่งที่เขาคาดมิถึงก็คือ
คาพูดมั่วซั่วของเขา กลับทาให้ศิษย์น้องเย่ผู้นี้เกิดการรู ้แจ้งขึ้น หลายต่อหลายครั้งอีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดมิได้ที่จะเกิด ความสงสัย ในคาพูดมั่ว ๆ ของเองเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้ ทุกคืนเมื่อหลี่ซิวหยวนกลับไปยังสานักชิงหยาง หลังจากบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนกลางวันเสร็จเรียบร ้อยแล้ว
ก็อดมิได้ที่จะนาคาพูดของตัวเองกลับมาคิดใคร่ครวญอีกครั้ง หวังว่าจะสามารถเกิดความรู ้แจ้งเช่นศิษย์น้องเย่ได้บ้าง
ทว่าเมื่อเขาได้สติขึ้นมานั้น
จึงตระหนักได้ว่าศิษย์น้องเย่ผู้นั้นแท้จริงแล้วเก่งกาจมากเพียงใด ส่วนเขาหลี่ซิวหยวนนั้นเป็ นตัวอะไรกันแน่?
กระจอกจริง ๆ!
อีกด้านหนึ่ง
ส าหรับเย่ฉางชิงแล้ว
เวลาสองเดือนมานี้
ในตอนกลางวันจะมีศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนคอยอยู่เป็ นเพื่อน เช่นนั้นเขาจึงสามารถจมดิ่งอยู่กับการเปิดจุดเซินชางได้อย่างเต็มที่
ส่วนเวลาบาเพ็ญเพียรเมื่อพบปัญหาอะไร เขาเอ่ยถามกับศิษย์พี่ ใหญ่หลี่ซิวหยวนในทันที
สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ ทุกวันศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนจะนั่ง สมาธิอยู่ที่ริมหน้าผา ดูล้าลึกและสูงส่งยิ่งนัก
ทว่าทุกครั้งเมื่อเขามีคาถามเกี่ยวกับการบาเพ็ญเพียร ศิษย์พี่ ใหญ่ท่านนี้ก็มักจะตอบคาถามของเขาด้วยความใส่ใจ
มิหนาซ้ายังได้เอ่ยถามถึงความเข้าใจในการบ าเพ็ญเพียรของ เขาอยู่บ่อยครั้ง ดูเป็ นห่วงเป็ นใยการบาเพ็ญเพียรของเขาด้วยใจจริง
และเมื่อยามราตรีมาเยือน หลังจากที่ศิษย์พี่ใหญ่กลับไปแล้ว
เขาก็จะแบ่งเวลาสามสี่ชั่วยาม เพื่อใช ้ในการพิจารณาภาพกระบี่ ไร ้สิ้นสุด
ทาให้การบาเพ็ญเพียรของเย่ฉางชิงช่วงนี้ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก
เวลาเพียงสองเดือน
เขาสามารถเปิดจุดเซินชางของตนเพิ่มได้อีกสามตาแหน่งแล้ว ขาดเพียงตาแหน่งสุดท้ายอีกแค่ตาแหน่งเดียว เขาก็จะสามารถเริ่ม ฝึกวิชาได้แล้ว
มิเพียงเท่านั้น ความรู ้แจ้งในภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุดของเขา ก็ ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน
เมื่อมิกี่วันก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็สามารถพิจารณาภาพกระบี่ ไร ้สิ้นสุด ในส่วนเรียบง่ายไปซับซ ้อนได้อย่างสมบูรณ์
และตอนนี้ก็ได้เริ่มพิจารณาภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุด ในส่วนที่ซับซ ้อน ไปเรียบง่ายแล้วเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อเขาพิจารณาส่วนแรกของภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุด ได้อย่างสมบูรณ์ และกาลังเริ่มพิจารณาในส่วนซับซ ้อนไปง่ายต่อนั้น
ในคืนหนึ่ง
เมื่อเขาชักกระบี่จื่อชิงออกมาเป็ นครั้งแรก และเริ่มออกท่ากระบี่
วินาทีนั้นเขารู ้สึกราวกับตัวเองนั้นได้ครองแก่นแท้ของวิถีกระบี่ก็ มิปาน
มิว่าจะเป็ นท่ากระบี่ พลังกระบี่ ไอกระบี่ หรือเจตจานงแห่งกระบี่ ล้วนสามารถควบคุมให้เป็ นไปตามที่ใจเขาปรารถนาได้ทุกสิ่ง
นอกจากนี้เขายังมีความรู ้สึกที่พิเศษอีกอย่างนั่นก็คือ
ระหว่างที่กาลังฝึกเพลงกระบี่อยู่นั้น เขาเหมือนรับรู ้ได้ถึงระดับอัน ไร ้เทียมทานที่กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเป็ นกระบี่ได้จริง ๆ อีก ด้วย
………………………….
วันนี้
เมื่อแสงแรกของวันโผล่พ้นขอบฟ้ า
ณ เขาด้านหลังของส านักชิงหยาง
เวลานี้เต็มไปด้วยหมอกที่ปกคลุมหนาแน่น ต้นหญ้าและต้นไม้ โบราณต่างเขียวชอุ่ม
ด้านหน้าของแผ่นหินทรงกระบี่อันสูงตระหง่าน ที่ถูกพายุและฝน กระหน่าจนเหลือเพียงโครงร่าง
บัดนี้ได้ร่างผอมสูงร่างหนึ่ง กาลังนั่งสมาธิอยู่อย่างสงบ
ผมดายาวพลิ้วไหวน้อย ๆ ชุดคลุมสีเขียวขยับเบา ๆ รอบกายมี แสงหลากหลายสีสันไหลเวียนราวกับเทพก็มิปาน
โดยเฉพาะนิมิตที่ปกคลุมอยู่บนกายของเขานั้น ดูน่าสะพรึงกลัว อย่างยิ่ง
ในนิมิตยังคงเป็ นร่างขนาดใหญ่ที่หันหลังให้กับกลุ่มคน และทา ให้คนอดมิได้ที่จะรู ้สึกเลื่อมใสจนอยากจะกราบกรานร่างนั้น
เพียงแต่สิ่งที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ก็คือ
โดยรอบของร่างที่พิสดารและใหญ่โตร่างนั้น บัดนี้กลับมีถ้า สวรรค์อันน่ากลัวปรากฏขึ้นมาถึงห้าถ้า
สีเขียวชอุ่ม เจริญงอกงาม เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังอันไร ้ที่สิ้นสุด
สีแดงดุจเลือด ร ้อนระอุจนยากจะทานทน ราวกับปล่องภูเขาไฟ ขนาดใหญ่
สีฟ้ าดุจทะเล ไอพลังชุ่มชื่น เหมือนกับโลกและท้องทะเล
สีเหลืองมืดมน เต็มไปด้วยความขุ่นมัว ดั่งเช่นดินแดนแห่งความ ตาย
แสงสีทองระยิบระยับ เจิดจ้าแสบตา ราวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ถ้าสวรรค์ทั้งห้า สอดคล้องกับธาตุทั้งห้าที่ต่างกัน
ราวกับหน้าต่างของโลกทั้งห้าใบ
ทว่ากลับเห็นได้อย่างชัดเจน!
ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึง ปราณ วิญญาณที่บริสุทธิ์จานวนมหาศาล ที่ปะทุออกมาจากถ้าสวรรค์ทั้งห้า อย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ปราณวิญญาณมหาศาลที่ทะลักออกมาจากถ้าสวรรค์ ทั้งห้านี้ ต่างไหลไปรวมกันที่ตาแหน่งตรงกลาง เพื่อเปิดถ้าสวรรค์ที่ สามารถรองรับปราณวิญญาณห้าธาตุได้พร ้อมกันขึ้นมาใหม่
นิมิตเช่นนี้ช่างน่าตื่นตระหนกยิ่งนัก!
ราวกับจะท าให้เขาด้านหลังของส านักชิงหยาง กลายเป็ น สถานที่บาเพ็ญเพียรของบุคคลที่ไร ้เทียมทานก็มิปาน
ตอนนั้นเอง นักพรตชิงอวิ๋นที่เดิมต้องการจะมาเกลี้ยกล่อมเย่ฉาง ชิง ให้ไปเข้าร่วมการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์ ก็ได้ปรากฏตัว ขึ้นที่เขาด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเขาได้เห็นภาพตรงหน้า ร่างทั้งร่างพลันนิ่งงันราวกับถูก สายฟ้ าฟาด บนใบหน้าชรานั้นบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความตื่น ตระหนก
“นี่คือการเปิดจุดเซินชางห้าตาแหน่งของฉางชิงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง ! ”
นักพรตชิงอวิ๋นใจสั่นสะท้านขึ้นมา อดมิได้ที่จะลอบถอนใจ ออกมา “ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าซิวหยวนนั้นพูดเกินจริงเกินไป แต่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพียงแค่นิมิตที่ปรากฏตรงหน้า ก็ทาให้ข้าอดมิได้ที่ จะรู ้สึกเลื่อมใสจนอยากกราบกรานจริง ๆ ”
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
นักพรตชิงอวิ๋นก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ และค่อย ๆ สลบสติ อารมณ์ของตนเองลง
“ฉางชิง ช่วงนี้การบาเพ็ญเพียรเป็ นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นลูบหน้าของตนเองหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเอามือไพล่ หลังก่อนจะเดินเข้าไปหาเย่ฉางชิงอย่างมิรีบร ้อน
ทันทีที่สิ้นเสียง นิมิตอันน่ากลัวนั้นก็ค่อย ๆ มลายหายไป เย่ฉาง ชิงจึงได้ลืมตาคู่สวยนั้นขึ้นมา
“ท่านเจ้าส านัก”
เมื่อพบว่าเป็ นนักพรตชิงอวิ๋น เย่ฉางชิงก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมา ในทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เรียนท่านเจ้าสานัก ศิษย์ใช ้เวลาสองเดือน ในที่สุดก็สามารถ เปิดจุดเซินชางตาแหน่งที่ห้าได้แล้วขอรับ”
เย่ฉางชิงโค้งคานับให้แก่นักพรตชิงอวิ๋น จากนั้นจึงเอ่ยต่ออีกว่า “แต่ช่วงนี้ศิษย์พบว่า หากต้องการที่จะเปิดจุดเซินชางตาแหน่งที่หก คาดว่ายังต้องใช ้เวลาอีกครึ่งปีขอรับ”
ได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของนักพรตชิงอวิ๋นก็นิ่งค้างไป แววตามีประกายผิดหวังพาดผ่านอย่างห้ามมิได้
เปิดจุดเซินชางตาแหน่งที่หก ยังต้องใช ้เวลาอีกครึ่งปีเชียวหรือ ?
แต่อีกเพียงครึ่งเดือน ฉางชิงก็ต้องเดินทางไปนิกายกระบี่สวรรค์ เพื่อเข้าร่วมการทดสอบแล้ว
และหากฉางชิงมิสามารถเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ได้ เช่น นั้นชวี่เหวินเซี่ยก็มีโอกาสสูงที่จะสละสิทธิ์เช่นกัน
เช่นนั้นจะต้องกลายเป็ นเรื่องใหญ่แน่ ๆ !
ยิ่งไปกว่านั้นหากฉางชิงอยู่สานักชิงหยางต่อไป จะต้อง กลายเป็ นภัยต่อส านักอย่างแน่นอน
ที่สาคัญหากวันหนึ่งความทรงจ าและตบะบารมีของฉางชิงถูก ปลดผนึกออก และเขาเกิดเอาผิดขึ้นมา ต่อให้สานักชิงหยาง กลายเป็ นสานักเซียนใหญ่อันดับห้าของหลิงโจวก็ยากที่จะรับมือได้ อยู่ดี
มิได้ !
มิว่าอย่างไรก็มิสามารถให้ฉางชิงอยู่ส านักชิงหยางต่อไปได้อีก แล้ว ต้องให้เขาออกจากสานักไปโดยเร็วที่สุด
คิดได้เช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นจึงพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วย ท่าทางเคร่งขรึมว่า “ฉางชิง ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีเรื่องสาคัญที่จะ ปรึกษาเจ้า”
เย่ฉางชิงผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเอ่ยว่า “ท่านเจ้าส านักเชิญ เอ่ยมาได้เลยขอรับ”
นักพรตชิงอวิ๋นค่อย ๆ หมุนตัวกลับมา ก่อนจะทอดมองออกไป พลางเอ่ยด้วยน้าเสียงจริงจังว่า “ฉางชิง ข้าวางแผนจะให้เจ้าไป บาเพ็ญเพียรที่อื่น”
“ห๊ะ ? ”
เย่ฉางชิงมีสีหน้าท่าทางประหลาดใจ ก่อนจะถามอย่างมิเข้าใจว่า “ท่านเจ้าส านัก เพราะเหตุใดเล่าขอรับ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นยังคงมองตรงไปข้างหน้า “เพราะตอนนี้สานัก ชิงหยางมิได้เหมือนแต่ก่อน แม้จะเร ้นกายมานาน แต่ทรัพยากรใน การบาเพ็ญเพียรของที่นี่เยี่ยงไรเสียก็มีจากัด”
“แน่นอนว่าเจ้าเองก็มิต้องเสียใจไป เนื่องจากเจ้ารู ้แจ้งแผ่นหิน ทรงกระบี่นี้แล้ว เช่นนั้นข้าได้เลือกนิกายกระบี่สวรรค์ ที่เป็ นหนึ่งในสี่ ส านักเซียนใหญ่ของหลิงโจวเอาไว้ให้เจ้าแล้ว”
“นิกายกระบี่สวรรค์แต่ไหนแต่ไรมานั้นสืบทอดวิถีกระบี่เป็ นหลัก ด้วยคุณสมบัติวิถีกระบี่ของเจ้า คิดว่าคงจะเหมาะสมที่สุดแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง หนึ่งในสี่สานักเซียนใหญ่ของหลิงโจว ?
นิกายกระบี่สวรรค์ !
ร่างกายเย่ฉางชิงสั่นเทาน้อย ๆ อดมิได้ที่จะเผยสีหน้าผิดหวัง ออกมา
หลังจากที่ตนเองได้รู ้แจ้งในภาพเทพปีศาจโบราณ รวมทั้งแผ่น หินทรงกระบี่
ช่วงที่ผ่านมายังมีศิษย์พี่แวะเวียนมาพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับวิถีต่าง ๆ อยู่ตลอด เห็นได้ชัดว่าก าลังทดสอบเขาอยู่
และแม้ว่าเขาจะเกิดความรู ้แจ้งในวิถีต่าง ๆ บ้างมิมากก็น้อย แต่ก็ ยังมิเก่งพอในตาของพวกเขาอยู่ดีสินะ
‘เฮ้อ ! ’
‘เป็ นเพราะคุณสมบัติของข้าดีมิพอ มิสามารถบ าเพ็ญเพียรใน ส านักเซียนลึกลับอย่างส านักชิงหยางต่อได้อีกแล้ว’
‘คงทาได้เพียงไปบาเพ็ญเพียรที่นิกายกระบี่สวรรค์ ตามที่ อาจารย์บอกเท่านั้นสินะ’
‘และข้าก็ควรจะพอใจได้แล้ว’
‘สามารถอยู่บาเพ็ญเพียรที่สานักเซียนลึกลับมาได้นานถึงขนาด นี้ ก็นับว่าเป็ นโอกาสและวาสนาในโลกนี้ของข้าแล้ว’
คิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ ก่อนจะประสานมือ ขึ้นคาราวะ “ท่านเจ้าสานัก ฉางชิงทราบแล้วขอรับ”
ได้ยินเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็นิ่งงัน ก่อนจะถอนสายตากลับมา พร ้อมเอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างจริงจังว่า
“ฉางชิง เจ้าต้องจ าเอาไว้ว่าความจริงแล้วในโลกเซียน หาได้ ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดเอาไว้ไม่ บางครามิใช่การต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อ แต่เป็ นการต่อสู้กับจิตใจของคน สานักชิงหยางนั้นเล็กเกินไปสาหรับ เจ้า เช่นนั้นเจ้าจงตั้งใจไปฝึกฝนที่อื่นให้ดี”
สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็มีสีหน้าสงสัยขึ้นมาอย่างอดมิได้
‘เหตุใดค าพูดของท่านเจ้าส านัก ฟังดูแล้วถึงคุ้นหูนัก ? ’