เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 409 ชีวิตลึกลับ
ทันใดนั้น เมื่อเย่ฉางชิงเห็นเทพหลิวพยักหน้ารับ ใบหน้าของเขา
แม้จะเรียบนิ่ง แต่ภายในใจกลับรู ้สึกว้าวุ่นไปหมด
ที่แท้ !
ที่แท้ !
ที่แท้ !
‘ที่แท้ความฝันนั้นล้วนเป็ นเรื่องจริง ! ’
‘ตอนนั้นข้าเพียงแค่คิดประตูสวรรค์ก็เปิดออก แล้วเขาก็ก้าวเข้า
สู่ประตูสวรรค์ จากนั้นก็ได้มาถึงโลกเบื้องบนที่ผู้คนใฝ่ฝันถึง’
‘แต่เช่นนี้มันมิถูกต้องนี่นา ! ’‘หากทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง แล้วเหตุใดหลังจากที่ข้ามายังโลกใบ
นี้ ถึงได้สูญเสียพลังในการควบคุมทุกสิ่งไปเล่า ? ’
‘หากยังมีพลังที่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ เช่นนั้นข้ายัง
จะต้องมาบ าเพ็ญเพียรอีกท าไมกัน ! ’
‘วัน ๆ นั่งดื่มสุรา ชงชา ดีดพิณ มิดีกว่ารึ ? ’
‘หรือหากวันใดเบื่อหน่ายก็แค่ออกไปท่องสวรรค์บูรพา จากนั้นก็
เขียนโคลงกลอนทิ้งเอาไว้ให้คนยุคหลัง เช่นนี้มิดีกว่าหรือเยี่ยงไร ? ’
‘แต่ว่า ! เหตุใดข้าถึงสูญเสียพลังไร ้พ่ายไปได้ ! ’
‘หรือว่านั่นจะเป็ นเพียงการ ์ดประสบการณ์ใบหนึ่งเท่านั้น ? ’
‘มิดี ! การตั้งค่าแบบนี้มิดีเลยสักนิดเดียว ! ’
‘จริงสิ ! ’‘ยังมีท่านเทพฉางชิงนั่นอีกคน ? ’
‘เขาไปไหนแล้วล่ะ ? ’
‘ข้ามาที่สวรรค์บูรพาได้ครึ่งปีแล้ว เหตุใดจึงมิเห็นเขาปรากฏตัว
ขึ้นอีกเลยเล่า ? ’
จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
ภายในใจของเย่ฉางชิงที่ว้าวุ่นในตอนแรก ในที่สุดก็กลับมาสงบ
ได้อีกครั้ง
‘เดิมทีเขาก็มิได้เป็ นคนโลภมากมิรู ้จักพออยู่แล้ว การได้มายัง
สถานที่ที่เรียกว่าโลกเบื้องบน’
‘แม้จะต้องสูญเสียพลังไร ้พ่ายในการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไป
แต่เยี่ยงไรซะตอนนี้เขาก็สามารถบาเพ็ญเพียรได้แล้ว’‘อีกทั้งตัวเขาเองยังมีโชคมิน้อยอีกด้วย’
‘เริ่มต้นมาก็ได้เข้าไปบ าเพ็ญเพียรในส านักเซียนลึกลับอย่าง
สานักชิงหยาง ทั้งยังได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาเคล็ดเทพปีศาจโบราณ
และต่อมายังได้รู ้แจ้งภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุดอีกด้วย’
‘ต่อให้คุณสมบัติของเขาจะอ่อนด้อยไปหน่อย แต่มิแน่ว่าต่อไป
เขาอาจจะประสบความส าเร็จก็เป็ นได้’
คิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ จิตใจก็ค่อย ๆ
สงบลง
ทว่าวินาทีต่อมา จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้นอีกว่า “เสี่ยวหลิว เช่นนั้น
เจ้ารู ้หรือไม่ว่าตอนนี้ชิงเฟิงอยู่ที่ใดของแดนสวรรค์บูรพา ? ”
ซึ่งตอนที่เขาอยู่ในโลกบาเพ็ญเพียรใบก่อน บางทีอาจเป็ นเพราะ
เขาได้เผชิญกับหลายๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างร่วมกับตู๋กูชิงเฟิ ง ดังนั้น
ความรู ้สึกที่เขามีต่อตู๋กูชิงเฟิงจึงพิเศษกว่าคนอื่น ๆอีกทั้งช่วงที่บาเพ็ญเพียรอยู่ในสานักชิงหยาง
กลางดึกของทุกคืน ในหัวของเขามักมีภาพของสตรี ที่ในสายตา
ของนางมีเพียงเขาผู้นี้อยู่เสมอ
“เรียนนายท่าน ตู๋กูชิงเฟิงขึ้นมาสวรรค์ก่อนข้านานแล้วเจ้าค่ะ”
เทพหลิวเอ่ยต่ออย่างครุ่นคิดว่า “แต่ดูเหมือนว่าหากขึ้นมายัง
โลกเบื้องบนแล้ว ทุกคนก็จะปรากฏยังสถานที่ที่ต่างกันออกไปด้วย
เจ้าค่ะ”
“ดังนั้นจึงมิสามารถรู ้ได้ว่า เวลานี้ตู๋กูชิงเฟิงอยู่ที่ใดกันแน่เจ้าค่ะ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับรู ้ เพราะตามที่นักพรตชิงอวิ๋นบอกเอาไว้
แดนสวรรค์บูรพาจะแบ่งออกเป็ นสามพันแคว้น ซึ่งหลิงโจวก็เป็ นเพียง
แคว้น ๆ หนึ่ง ในสามพันแคว้นเท่านั้นอีกทั้งนับตั้งแต่เขามายังสวรรค์บูรพา ก็เอาแต่บาเพ็ญเพียรอยู่ใน
ส านักชิงหยางมาโดยตลอด ส าหรับเขาแล้วอย่าว่าแต่สามพันแคว้น
เลย แม้แต่หลิงโจวแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด เขาเองก็มิ
อาจรู ้ได้
“จริงสิ แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใดงั้นหรือ ? ”
ก่อนหน้านี้เทพหลิวกล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็ นภาพมายา และเรื่อง
จริงในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นเสี่ยวหลิวที่อยู่ตรงหน้าจะต้องมิใช่ตัวตนที่แท้จริงของนาง
อย่างแน่นอน คงเป็ นเพียงแค่ร่างแยกของนางเท่านั้น หรือกล่าวอีก
อย่างก็ร่างที่จิตวิญญาณสร ้างขึ้นนั่นเอง
เยี่ยงไรเขาก็ยังจาได้ดี ตอนอยู่โลกบาเพ็ญเพียรใบนั้น พลังของ
เทพหลิวนั้น เรียกได้ว่าเป็ นยอดฝีมือที่แท้จริงก็ว่าได้
บัดนี้เมื่อได้ขึ้นมายังโลกเบื้องบน คิดว่านางก็คงยังเก่งกาจอยู่เมื่อได้ยินดังนั้น เทพหลิวก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะสารภาพตาม
ตรงว่า “เรียนนายท่าน หลังจากที่ข้าขึ้นมายังโลกเบื้องบน ก็ถูกส่งไป
ยังส่วนลึกของแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ”
“เวลานี้แม้ว่าจะมิมีอันตรายใด ๆ แต่คงยากที่จะได้ออกมาในเร็ว
ๆ นี้เจ้าค่ะ”
เย่ฉางชิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พร ้อมมีท่าทางล าบากใจ
หากเป็ นโลกเบื้องล่าง เขาในตอนนี้ก็ยังคงเป็ นผู้ที่ไร ้พ่ายอยู่
เพียงแค่เขาคิด ก็คงสามารถช่วยเสี่ยวหลิวออกมาได้แล้ว
ทว่าบัดนี้เขากลับมีตบะบารมีเพียงระดับสร ้างรากฐานปราณขั้น
ท้ายเท่านั้น การจะช่วยเสี่ยวหลิวนั้นจึงเป็ นไปมิได้เลย และในความ
ทรงจาของเสี่ยวหลิว คาดว่าเขาก็ยังคงเป็ นผู้ที่ไร ้พ่ายอยู่
ด้วยเหตุนี้จึงทาให้การสนทนากันดูอึดอัดมิน้อย“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ! ”
เย่ฉางชิงใคร่ครวญอยู่สักพัก จึงเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ว่า “ตอนนี้
อิทธิฤทธิ์ของข้าถูกจากัด ยังมิสามารถไปช่วยเจ้าได้ชั่วคราว แต่ข้า
สัญญาว่าวันหน้าข้าจะไปช่วยเจ้าออกมาให้ได้ ด้วยตัวของข้าเอง”
“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ”
ทว่าหลังจากเทพหลิวได้ยินดังนั้น นางกลับส่ายหน้าไปมา “แม้
ตอนนี้ข้าจะมิสามารถออกไปภายนอกได้ แต่สาหรับข้าแล้วนี่ถือเป็ น
การขัดเกลาตนเองวิธีหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นนายท่านมิจาเป็ นต้องลงมือ
ใด ๆ สักวันหนึ่งข้าจะออกไปจากที่นี่และไปตามหานายท่านเองเจ้า
ค่ะ”
เย่ฉางชิงลูบปลายคางของตนเองเบา ๆ พลางพยักหน้าและเอ่ย
ว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงระวังตัวให้มากล่ะ”
จากนั้นร่างของเทพหลิวก็ค่อย ๆ เลือนรางลง และมิกี่อึดใจต่อมา
เทพหลิวก็ได้มลายหายไปในอากาศเห็นดังนั้นเย่ฉางชิงก็พ่นลมหายใจออกมา พลางเอ่ยอย่าง
ครุ่นคิดว่า “ในเมื่อสวรรค์บูรพาก็คือโลกเบื้องบนที่ใคร ๆ ก็มุ่งมั่นที่จะ
ขึ้นมาให้ได้ เช่นนั้นภายภาคหน้าคงได้พบคนคุ้นหน้าคุ้นตาอีกมาก
เป็ นแน่”
เอ่ยถึงตรงนี้ ในหัวของเย่ฉางชิงก็ปรากฏภาพของราชันทมิฬ
ถูสือซาน รวมถึงคนที่คุ้นเคยอีกมากหน้าหลายตา
…
ขณะเดียวกัน ณ แดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต ที่ตั้งอยู่ใจกลางของ
สวรรค์บูรพา เป็ นดินแดนที่เต็มไปด้วยบึงมรณะมากมาย มองออกไป
จะเห็นหมอกพิษอันรุนแรงพวยพุ่งออกมา ทุก ๆ ที่ล้วนถูกหมอกพิษ
ดังกล่าวปกคลุมไว้จนทั่ว
ทว่าก็ยังสามารถมองเห็นต้นไม้ยืนต้นตายที่มีรูปร่างประหลาด
เศษซากกระดูกที่กองรวมกันราวกับภูเขา รวมถึงกาแพงและซากปรักหักพังอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอาคารโบราณที่มี
สภาพทรุดโทรม
มิเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีค่ายกลสังหารมรณะอยู่ทั่วทุกพื้นที่
อีกด้วย
บางครั้งก็มีร่างประหลาดสูงใหญ่ส่งเสียงร ้องจนบาดหู พุ่งจากบึง
มรณะขึ้นไปฟ้ าหลายสิบจั้ง แต่ทว่าห้วงอากาศเบื้องบน ราวกับมีผนึก
บางอย่างขวางกั้นเอาไว้
ร่างประหลาดทะยานขึ้นไปจนถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็ปรากฏว่ามีสายฟ้ า
ฟาดฟันลงมาในทันที ลวดลายโบราณปรากฏ มีแสงสว่างวาบขึ้นมา
เกือบครึ่งแผ่นฟ้ า
มินานพลังปราณจากผนึกบางอย่างก็ปรากฏออกมา ก่อนจะพุ่ง
เข้าใส่ร่างประหลาดนั้นจนเลือดสาดกระเซ็น และร่วงลงมากระแทก
กับบึงมรณะอย่างแรงจากนั้นก็มีลาแสงโลหิตอันน่าสะพรึง ที่เต็มไปด้วยพลังปราณ
แห่งการทาลายล้าง พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของบึงมรณะ
ทว่าขณะพุ่งขึ้นจนถึงระดับหนึ่งแล้ว กลับมลายหายไปอย่างไร ้
ร่องรอย……
แค่คิดก็รู ้แล้วว่านี่เป็ นภาพที่พิสดารมากเพียงใดกัน
ความตาย ความรกร ้าง ความมืดมน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่น่า
สะพรึงกลัวยิ่งนัก
ทว่าบึงมรณะในแถบนี้กลับมีทิวทัศน์ที่ต่างไป
มีเกาะร ้างที่ห่างไกลจากภายนอกตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
เพียงแต่เกาะแห่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างมากที่นี่มิเหมือนกับสถานที่อื่น ๆ ของบึงมรณะ ที่เต็มไปด้วยไอมรณะ
และไร ้ซึ่งร่องรอยของสิ่งมีชีวิต เพราะที่นี่ยังคงเขียวขจี ทุก ๆ พื้นที่
เต็มไปด้วยปราณวิญญาณอันเข้มข้น จนแทบจะแยกมิออก
มีต้นไม้โบราณลึกลับอันอุดมสมบูรณ์และเปล่งแสงสีเขียว
ออกมามิหยุด มียาวิเศษที่หายากอยู่มากมาย และมีไอหมอกจาง ๆ ที่
เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ
ทว่าสิ่งที่ทาให้คนคาดมิถึงมากที่สุดก็คือ เกาะร ้างแห่งนี้ถูก
เนรมิตขึ้นด้วยศิลาศูนย์วิญญาณ
แค่คิดก็รู ้แล้วว่าการจะสร ้างเกาะเช่นนี้ขึ้นมาได้นั้น จะต้องใช ้
ศิลาศูนย์วิญญาณจานวนมากมายเพียงใดและในเวลานี้ต้นหลิวที่ดู
น่าอัศจรรย์ต้นหนึ่ง ก็ได้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของเกาะร ้างแห่งนี้
กิ่งก้านมากมายโน้มลงมาพร ้อมแสงที่เจิดจ้าไป หมอกสีเขียว
ลอยวน มีสัญลักษณ์โบราณมากมายปกคลุมเอาไว้
ขณะเดียวกันก็แผ่ไอพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาด้วยเช่นกันเดาได้มิยากว่าต้นหลิวต้นนี้ก็ คือ ร่างจริงของเทพหลิวนั่นเอง
ในตอนนั้นเองก็ได้มีคลื่นแสงส่องออกมาเป็ นชั้น ๆ ก่อนที่เสียง
ลึกลับและเต็มไปด้วยความเย็นชาเสียงหนึ่งจะดังขึ้นทั่วทั้งเกาะภายใน
พริบตา
“นายท่านของข้าอยู่ที่สวรรค์บูรพาจริงด้วย เพียงแต่เวลานี้
อิทธิฤทธิ์ของเขาถูกจากัด จึงมิสามารถมาที่นี่ได้ มิเช่นนั้นต่อให้เป็ น
เจ้าก็มิอาจต่อกรกับเขาได้หรอก”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเทพหลิว จู่ ๆ ก็มีเสียงอันน่ากลัวที่ฟังดูแหบ
แห้งของคนมีอายุ แต่กลับสามารถสั่นคลอนจิตวิญญาณของคนได้
ดังขึ้น
“นายท่านของเจ้างั้นหรือ ? ”
“ข้าอยากจะรู ้นักว่าคนผู้นั้นเก่งกาจเพียงใดกัน จึงสามารถทาให้
ต้นหลิวต้นหนึ่งเกิดการพัฒนาเทียบเท่ากับต้นไม้แห่งมหามรรคาได้”“ฮ่า ๆ….”
“อีกอย่างข้าจะบอกเจ้าเอาบุญ เมื่อเส้นตายหนึ่งแสนปีมาถึง รอ
ให้ผนึกโบราณของที่นี่เปิดออก ต่อให้นายท่านมิมาหาเจ้าที่นี่ ข้าก็
จะไปพบนายท่านของเจ้า ด้วยตัวเองให้จงได้”
“……”
“……”