เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 424 เอากระบี่หยกวิญญาณดาเล่มนั้นออกมา
ระหว่างที่เหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากันไปมา และกาลังคิดใคร่ครวญ
กันอยู่นั้น
ในที่สุดเหยาห้าวหยานก็นึกออก ถึงสาเหตุที่ซ่งจืออวี่มาปรากฏ
ตัวที่ตาหนักพันกระบี่ในเวลานี้
“ผู้อาวุโสเฉา เจ้าช่วยป้ อนโอสถฟื้นพลังให้แก่ซ่งจืออวี่หนึ่งเม็ดสิ
ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะถามเขา”
เหยาห้าวหยานเอ่ยกับผู้อาวุโสรูปร่างอ้วนท้วนผู้หนึ่ง
ผู้อาวุโสแซ่เฉาจึงพยักหน้ารับคาสั่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วนาขวด
หยกขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นก็เทโอสถฟื้นพลังเม็ดหนึ่ง
ออกมาจากขวดหยก พร ้อมยัดใส่ปากของซ่งจืออวี่จากนั้นเขาก็ได้ผสานพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของซ่งจืออวี่
เพื่อให้พลังวิญญาณไปกระตุ้นโอสถฟื้นพลังให้ออกฤทธิ์
จนเวลาผ่านไปได้หนึ่งเคอ
ร่างของซ่งจืออวี่ก็สั่นน้อย ๆ ในที่สุดก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา
เมื่อเห็นดังนั้น เหยาห้าวหยานที่ยังคงนั่งอยู่ด้านบนก็ได้เอ่ยถาม
เสียงเรียบ พร ้อมสีหน้าที่น่าเกรงขาม “ซ่งจืออวี่ เจ้ารู ้ความผิดของ
ตนเองหรือไม่ ? ”
ซ่งจืออวี่ใช ้แรงทั้งหมดพยุงตัวลุกขึ้น ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น
พร ้อมเงยหน้าขึ้นมองเหยาห้าวหยาน และเอ่ยขึ้นด้วยความตื่น
ตระหนกว่า “เรียนท่านประมุข ศิษย์มิทราบว่าตนเองนั้นทาสิ่งใดผิด
ขอรับ ? ”
เหยาห้าวหยานยิ้มเย็นชาออกมา พลางเอ่ยเสียงเข้มว่า “เจ้ามี
แผ่นหยกควบคุมค่ายกลอยู่กับตัว แต่บันไดเมฆากลับมีสตรียี่สิบกว่าคน สามารถขึ้นบันไดเมฆาไปจนถึงขั้นที่หกสิบได้สาเร็จ ทั้งหมดนี้
เป็ นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่ ? ”
ซ่งจืออวี่นิ่งงันไป ก่อนจะได้สติจึงอธิบายว่า “ท่านประมุข ความ
จริงแล้วศิษย์มาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้ขอรับ”
เหยาห้าวหยานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิ
ว่าทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร ! ”
ซ่งจืออวี่ใคร่ครวญอยู่สักพัก จากนั้นจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่
เกิดขึ้นบนบันไดเมฆาออกมา
จนเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
ทันทีที่สิ้นเสียงของซ่งจืออวี่
ยังมิทันที่เหยาห้าวหยานจะเอ่ยปาก เหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นกลับ
แย่งกันถามว่า“ซ่งจืออวี่ เจ้าคิดว่าพวกข้าแก่จนเลอะเลือนแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ค่ายกลบนบันไดเมฆานั่น ประมุขคนแรกของนิกายกระบี่สวรรค์
ของเราเป็ นผู้วางค่ายกลด้วยตนเองกับมือ ท่านบรรพจารย์ท่านนั้นมี
ตบะบารมีเช่นไร เจ้าก็คงรู ้ดีใช่หรือไม่ ? ”
“น่าขัน ช่างน่าขันสิ้นดี แผ่นหยกอยู่ในมือเจ้า แต่ค่ายกล
มากมายของบันไดเมฆากลับถูกบุรุษหนุ่มนามว่าเย่ฉางชิงผู้นั้นช่วง
ชิงไปได้ หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ออกไป ผู้ใดเขาจะเชื่อกัน ? ”
“ซ่งจืออวี่ เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดเป็ นอาจารย์ของเจ้า แล้วเจ้าจะ
ทาเป็ นมิเห็นพวกข้าอยู่ในสายตาได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ท่านประมุข ข้าขอให้ลงโทษศิษย์ผู้นี้อย่างหนักขอรับ ! ”
“……”“……”
ทันใดนั้น เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสสาดน้าลายใส่ พร ้อมชี้หน้า
กล่าวโทษ ถึงขนาดขึ้นเสียงด่าทอ
ซ่งจืออวี่แม้รู ้ว่าตนกาลังถูกใส่ร ้าย ทว่ากลับไร ้เรี่ยวแรงจะตอบโต้
‘ใช่แล้ว !’
‘ตอนที่เย่ฉางชิงใช ้พลังค่ายกลสร ้างแรงกดดันบนบันไดเมฆาใส่
ร่างของเขา’
‘ตอนนั้นเขาเองก็รู ้สึกยากจะเชื่อเช่นกัน’
‘แต่ในเมื่อความจริงเป็ นเช่นนี้’
‘เขาจะท าอันใดได้ ! ’‘หรือจะบอกให้ตาเฒ่าเหล่านี้ไปทดสอบด้วยตนเอง ที่บันไดเมฆา
เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘ต่อให้สามารถทาได้จริง หากจู่ ๆ อีกฝ่ ายกลับทาไขสือขึ้นมาจะ
ท าเช่นไรได้ ! ’
‘เลอะเลือน ! ’
‘ช่างเลอะเลือนจริง ๆ ! ’
ตอนนั้นเอง เหยาห้าวหยานก็โบกมือไปมา ก่อนจะสะบัดแขน
ข้างหนึ่ง ทาให้ภาพที่เกิดขึ้นบนบันไดเมฆาในตอนนี้ปรากฏขึ้นมา ก็
พบว่าในตอนนี้ศิษย์ที่กาลังปีนบันไดแต่ละคนมีสีหน้าซีดขาว เหงื่อ
ไหลโซมกาย ตัวสั่นเทาไปตาม ๆ กัน
แค่เห็นก็รู ้แล้วว่า ค่ายกลบนบันไดเมฆานั้น สร ้างแรงกดดัน
ให้กับพวกเขามากเพียงใด โดยแตกต่างจากศิษย์หญิงกลุ่มก่อนหน้า
นี้โดยสิ้นเชิง“ซ่งจืออวี่ ทุกคนต่างรู ้ดีว่าข้าและผู้อาวุโสสูงสุดมิค่อยลงรอยกัน
แต่ข้าก็มิถึงกับอยากลากเด็กเช่นเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง”
เหยาห้าวหยานลุกขึ้นยืน แล้วปรายตามองซ่งจืออวี่ที่มีสีหน้า
เขียวคล้า “ส่วนเจ้าทาผิดกฎของสานักข้อใดบ้าง ข้าคงมิต้องเอ่ยให้
มากความกระมัง”
“ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจจะลบความทรงจาบางส่วนของเจ้า จากนั้น
ขับเจ้าออกจากการเป็ นศิษย์สายในเสีย นับแต่นี้ต่อไปห้ามก้าวเข้า
มาในสานักแม้อีกเพียงครึ่งก้าว เจ้ามีอันใดจะพูดหรือไม่ ? ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ขอบตาของซ่งจืออวี่ก็แดงก่า ท่าทางเต็มไปด้วย
ความเศร ้าโศก
“ท่านประมุข ขอ……โอกาสให้ศิษย์อีกครั้งเถอะขอรับ”
ซ่งจืออวี่พลันน้าตาไหลอาบแก้ม พร ้อมกับคร่าครวญออกมา
เสียงดังขณะเดียวกัน ภายในหัวของเขาตอนนี้ กลับมีคาเตือนของหล
วนผิงก่อนหน้านี้ ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หากสร ้างความแค้นกับคนผู้นี้ เจ้าจะแปดเปื้อนผลกรรมที่มิ
สามารถรับไหว”
‘หรือว่านี่จะเป็ นผลกรรมที่มาจากเย่ฉางชิงเยี่ยงนั้นหรือ ?’
‘นี่มันเร็วเกินไปกระมัง !’
อีกทั้งตามกฎของนิกายกระบี่สวรรค์ หากถูกขับออกจากการ
เป็ นศิษย์สายใน นั่นหมายความว่าจะมิมีโอกาสกลับเข้ามาได้อีกแล้ว
และหากต้องออกจากนิกายกระบี่สวรรค์ ก็จะต้องถูกลบความ
ทรงจา ทาลายตบะบารมี และเรื่องนี้ก็จะเกี่ยวพันไปถึงสานักสิงหยุน
อีกด้วยเมื่อได้ยินดังนั้น เหยาห้าวหยานก็ท าได้เพียงแค่ส่ายหน้าไปมา
ก่อนจะออกคาสั่งว่า “เด็ก ๆ นาตัวซ่งจืออวี่ไปยังหอคุมกฎ และลบ
ความทรงจาบางส่วนของเขาเสีย จากนั้นให้ขับออกจากการเป็ นศิษย์
สายในด้วย ! ”
ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีร่างมากมายปรากฏขึ้นภายในตาหนัก
พันกระบี่อย่างเหิมเกริม
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มาก็คือผู้อาวุโสสูงสุด เหลิ่งซินหานและผู้อาวุโส
อีกกลุ่มหนึ่ง
“ท่านประมุขช่างมีอ านาจล้นฟ้ าจริง ๆ ”
เหลิ่งซินหานยืนเอามือไพล่หลัง พลางเอ่ยกับเหยาห้าวหยาน
อย่างมิเกรงกลัวใด ๆ “ซ่งจืออวี่ต่อให้จะทาผิดใหญ่หลวงเพียงใด เขา
ก็เป็ นศิษย์ของข้า พวกเจ้าจะลงโทษเขาก็ควรจะบอกให้ข้ารู ้ก่อนมิใช่
หรือ ? ”เหยาห้าวหยานมุมปากกระตุกเล็กน้อย พลางตอบกลับอย่างมิ
แยแสว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด ซ่งจืออวี่ใช ้แผ่นหยกควบคุมเพื่อประโยชน์
ส่วนตัว ปรับเปลี่ยนค่ายกลบันไดเมฆา ทาให้ศิษย์หญิงกลุ่มหนึ่งก้าว
ขึ้นบันไดเมฆาหกสิบขั้นได้อย่างสบาย สิ่งนี้หมายความว่าเยี่ยงไรนั้น
คิดว่าคงมิต้องให้ข้าอธิบายอันใดให้มากความกระมัง ? ”
เมื่อได้ฟังคากล่าวเหล่านี้ แววตาของเหลิ่งซินหานมีประกาย
วาววับขึ้นมาในทันใด
และเขาได้หันไปส่งสายตาให้กับซ่งจืออวี่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ว่า “ท่านประมุข หากสิ่งที่ซ่งจืออวี่พูดมาล้วนเป็ นความจริงเล่า ? ”
เหยาห้าวหยานมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดวงตาพลันวาวโรจน์ขึ้น
เห็นได้ชัดว่าต่อให้จะรู ้ว่าซ่งจืออวี่ทาผิดใหญ่หลวง เหลิ่งซินหาน
ก็ยังปกป้ องเขาอยู่ดี
เจ้าจะมิเปิดโอกาสให้ข้าบ้างจริง ๆ น่ะหรือ ?ช่างเถอะ !
หากปล่อยให้เหลิ่งซินหานก่อกวนเช่นนี้ต่อไป ประมุขอย่างข้าจะ
เอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก !
“ผู้อาวุโสสูงสุด เช่นนั้นเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ หลักฐานที่ว่าสิ่งที่
ซ่งจืออวี่พูดมาล้วนเป็ นความจริง ? ”
เหยาห้าวหยานระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาในทันที สายตา
จ้องเขม็งไปที่เหลิ่งซินหาน พร ้อมกับคารามก้อง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหลิ่งซินหานก็หัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยเสียง
เรียบว่า “หากข้าเองก็ได้ดูการทดสอบบันไดเมฆาอยู่ตลอดเล่า ? ”
“เจ้า ! ”
ใบหน้าของเหยาห้าวหยานพลันเต็มไปด้วยความเดือดดาล
สายตาจ้องเขม็งไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดเหลิ่งซินหานเห็นได้ชัดว่าวันนี้หากมิฉีกหน้าเหลิ่งซินหานเสีย เช่นนั้นก็มิมี
ทางลงโทษซ่งจืออวี่ตามกฎได้
ส่วนเขาที่เป็ นประมุขของที่นี่ก็จะต้องสูญเสียอานาจในการ
ปกครองเช่นกัน
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก เหยาห้าวหยานก็เอ่ยขึ้นเสียงดังว่า
“เด็ก ๆ นาตัวซ่งจืออวี่ไปลงโทษที่หอคุมกฎเดี๋ยวนี้ ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ศิษย์หอคุมกฎที่มีท่าทางเย็นชากลุ่มหนึ่ง ก็ทยอย
เข้ามายังตาหนักพันกระบี่
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเหลิ่งซินหานยกยิ้มออกมา พร ้อม
กับก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ท่านประมุข ทาเช่นนี้ดูจะเป็ นการใช ้
อ านาจในทางมิชอบไปหน่อยกระมัง ! ”ผู้อาวุโสอีกท่านจึงเอ่ยว่า “ต้องยอมรับว่าซ่งจืออวี่บกพร่องต่อ
หน้าที่ก็จริง แต่ข้ามองว่ายังมิถึงขั้นต้องขับออกจากการเป็ นศิษย์
สายใน”
เหยาห้าวหยานจึงเอ่ยด้วยความเดือดดาลว่า “พวกเจ้าต้องการที่
จะก่อกบฏเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หากท่านประมุขใช ้อ านาจรังแกผู้อื่น จนมิสนกฎของนิกาย
กระบี่สวรรค์”
เหลิ่งซินหานเอ่ยขึ้น พร ้อมยิ้มเยาะออกมา “ข้ามองว่า เช่นนั้นก็
เชิญเหล่าท่านบรรพจารย์ออกมา เลือกประมุขคนใหม่เสีย ท่านเห็น
เป็ นเช่นไร ? ”
เหยาห้าวหยานแค่นเสียงเย็นชาออกมา พลางเอ่ยด้วยท่าทาง
แน่วแน่ “ต่อให้เลือกประมุขคนใหม่ วันนี้ข้าก็ต้องส่งตัวซ่งจืออวี่ไปหอ
คุมกฎให้ได้”
วินาทีนี้ เขารู ้สึกโมโหมากจริง ๆทันใดนั้นพลังวิญญาณภายในร่างจึงพลุ่งพล่านขึ้น พลังปราณ
รอบกายปะทุออกมา ท่าทางพร ้อมลงมือได้ตลอดเวลา
ทว่าเหลิ่งซินหานยังคงเอ่ยต่ออย่างมิแยแสว่า “เช่นนั้นข้าจะดูสิ
ว่า วันนี้จะมีผู้ใดกล้าลงมือ ! ”
วินาทีต่อมา ระหว่างที่ศิษย์หอคุมกฎกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างกายของเหลิ่งซินหานก็ก้าวออกมา
พร ้อม ๆ กัน บนกายของพวกเขาในเวลานี้ได้ระเบิดพลังอันแข็งแกร่ง
ออกมาด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสที่สนับสนุนเหยาห้าวหยานเองต่างลุกขึ้น
ยืน พลังปราณรอบกายปะทุขึ้น เตรียมลงมือในทันที
ทว่าเมื่อมีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นตาหนักพันกระบี่พลันไร ้ซึ่งเสียงใด ๆ บรรยากาศเต็มไปด้วย
ความเงียบสงัด
ผู้ที่มาก็คือท่านบรรพจารย์ ขงซิงเจี้ยน
“พวกเจ้าก าลังท าอันใดกัน ? ”
เมื่อเห็นดังนั้น ขงซิงเจี้ยนที่ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม พลัน
แปรเปลี่ยนเป็ นเย็นชาลงในพริบตา พร ้อมกับคารามออกมาเสียงดัง
ลั่น
“ผู้น้อยคารวะท่านบรรพจารย์ขง”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็หมอบลงบนพื้น ท่าทางเต็มไปด้วยความ
หวาดกลัว“ข้ามิสนว่าก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเจ้าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ แต่
บัดนี้กาลังมีการทดสอบศิษย์อยู่ พวกเจ้ากลับมาต่อสู้กันเองที่นี่ ล้วน
ต้องถูกลงโทษสถานหนักอย่างมิมีข้อยกเว้น”
หลังจากนั้นขงซิงเจี้ยนจึงสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง พร ้อมเอ่ย
ออกมาด้วยท่าทางมิพอใจ “บัดนี้ข้าขอสั่งพวกเจ้าให้ไปรับศิษย์ที่
ผ่านการทดสอบทั้งสองรอบ หากผู้ใดกล้าชักช ้า ข้าจะปลดพวกเจ้า
ออกซะ รวมทั้งลบความทรงจาของพวกเจ้าเสีย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนต่างก็สบตากัน ก่อนจะออกจากตาหนัก
พันกระบี่ไปอย่างรวดเร็ว
มินาน หลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว ขงซิงเจี้ยนก็ได้เอ่ย
กับเหยาห้าวหยานว่า “นากระบี่หยกวิญญาณดาเล่มนั้นออกมา”