เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 425 วาสนาและหายนะ
กระบี่หยกวิญญาณดา ?
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาห้าวหยานก็นิ่งไปเล็กน้อย พร ้อมเผยสีหน้า
สงสัยออกมา เพราะกระบี่หยกวิญญาณดาเป็ นของประจากายของ
ประมุข
การที่บรรพจารย์ขงท่านนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งยัง
มิถามถึงเหตุผลว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ เขาและผู้อาวุโสสูงสุดถึงกาลัง
ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
กลับกันดูเหมือนว่าเขาตั้งใจมาที่นี่ เพื่อมาเอากระบี่หยก
วิญญาณด าโดยเฉพาะ
“เหยาห้าวหยาน เจ้าคงมิได้ทากระบี่หยกวิญญาณดาหายหรอก
กระมัง ? ”เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของเหยาห้าวหยาน ขงซิงเจี้ยนก็อดมิได้ที่จะ
เอ่ยถามขึ้นมา พลางขมวดคิ้วมุ่น
ทันทีที่สิ้นเสียง เหยาห้าวหยานพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบ
อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านบรรพจารย์ กระบี่หยกวิญญาณดาเป็ น
ของประจากายของประมุขนิกายกระบี่สวรรค์ ศิษย์จะทาหายได้เยี่ยง
ไรเล่าขอรับ”
เอ่ยเพียงเท่านั้น เหยาห้าวหยานก็เพ่งสมาธิ พร ้อมหยิบกล่องผ้า
ไหมกล่องหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ และส่งให้ขงซิงเจี้ยนด้วย
มือทั้งสองข้าง
ขงซิงเจี้ยนถลึงตาใส่เหยาห้าวหยาน ก่อนจะหยิบกล่องผ้าไหม
ขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ แบฝ่ามืออีกข้างหนึ่งทันใดนั้นหมอกแสงอันเจิดจ้าก็พวยพุ่งออกมากลางฝ่ ามือ ก่อน
จะปรากฏกล่องสีดา ที่ปกคลุมเอาไปด้วยสัญลักษณ์โบราณมากมาย
กล่องหนึ่ง
“ท่านบรรพจารย์ สิ่งนี้คืออันใดหรือขอรับ ? ”
เหยาห้าวหยานพินิจพิจารณากล่องสีด าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
ถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยสงสัย
ขงซิงเจี้ยนนากล่องดาลึกลับวางลงบนโต๊ะไม้ด้านข้าง จากนั้นก็
หยิบกระบี่หยกวิญญาณดาในกล่องผ้าไหมออกมาอย่างระมัดระวัง
“หากข้าเดามิผิดแล้วล่ะก็ กล่องดากล่องนี้คงเป็ นของที่ท่าน
ประมุขรุ่นแรกทิ้งเอาไว้”
หลังจากนั้นขงซิงเจี้ยนได้ใช ้นิ้วลูบสันกระบี่หยกวิญญาณดาไป
พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “แต่ข้าคิดหาทุกวิธีแล้ว ก็มิสามารถเปิด
กล่องดาใบนี้ได้ หลายปีมานี้จึงได้แต่เก็บเอาไว้ในแหวนเก็บสมบัติ”“ทว่าเมื่อครู่กล่องดาใบนี้กลับส่งกระแสจิตออกมา บอกข้าว่าต้อง
ใช ้กระบี่หยกวิญญาณดา ถึงจะเปิดกล่องดาใบนี้ได้”
สิ้นเสียง เหยาห้าวหยานหลังจากลังเลอยู่สักพัก จึงเอ่ยออกมา
อย่างเกรงใจว่า “ท่านบรรพจารย์ เช่นนั้นศิษย์ต้องหลบออกไปก่อน
หรือไม่ขอรับ ? ”
“มิจาเป็ น ! ” ขงซิงเจี้ยนเอ่ยโดยมิลังเล
“เจ้าเป็ นประมุขของนิกายกระบี่สวรรค์ ในเมื่อกล่องดาใบนี้เป็ น
ของท่านประมุขรุ่นแรกที่ทิ้งเอาไว้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่เพื่อเป็ น
พยานด้วย”
เหยาห้าวหยานนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยความ
หนักแน่น
วินาทีต่อมา ขงซิงเจี้ยนก็ได้จับด้ามกระบี่หยกวิญญาณดาเอาไว้
ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางออกมา ลูบไล้ไปบนสันกระบี่
หยกวิญญาณด าเบา ๆเปรี้ยง !
คลื่นแสงพลันเปล่งประกายออกมา
กระบี่หยกวิญญาณดาที่สืบทอดกันมามิรู ้กี่ยุคกี่สมัยเล่มนี้ ราว
กับว่าในที่สุดก็ถูกเปิดผนึกบางอย่างออกก็มิปาน
ทันใดนั้น เมื่อผนึกก็ถูกเปิดออก และบนกระบี่หยกวิญญาณดา
พลันมีไอพลังสีด าจาง ๆ แผ่ออกมา
ในขณะเดียวกันก็มีพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
“คิดมิถึงว่ากระบี่หยกวิญญาณดาเล่มนี้ จะเป็ นกระบี่เซียน ! ”
ขงซิงเจี้ยนและเหยาห้าวหยานสบตากันเล็กน้อย ใบหน้าเผย
รอยยิ้มยินดีออกมามินานขงซิงเจี้ยนก็ได้ผสานพลังวิญญาณ เข้าไปในกระบี่หยก
วิญญาณด าโดยมิลังเล
หลังจากนั้นไอกระบี่สีดาอันรุนแรงสายหนึ่ง ก็ฟาดฟันใส่กล่องสี
ดาลึกลับใบนั้นในทันที
ทันใดนั้น หลังจากไอกระบี่สีดาอันรุนแรงได้ฟาดฟันลงบนกล่อง
สีดาลึกลับ ผนึกมากมายที่ถูกวางเอาไว้บนกล่องสีด า ก็ถูกเปิดออก
ภายในพริบตา
จากนั้นกล่องสีดาก็เปิดออกมาเอง ก่อนจะมีหมอกแสงอันเจิดจ้า
กลุ่มใหญ่ปะทุออกมา
ตอนนั้นเอง ภายในหมอกแสงก็ได้ปรากฏร่างที่ดูเลือนรางร่าง
หนึ่งขึ้น
“เมื่อกล่องใบนี้ถูกเปิ ดออก แสดงว่าคนผู้นั้นได้ก้าวขึ้นบันได
เมฆาถึงขั้นที่หนึ่งร ้อย และเข้าไปในโลกใบเล็กด้านบน รวมทั้งเปิด
ต าหนักเทพวาสนาได้ส าเร็จแล้ว ”“ศิษย์รุ่นหลังของนิกายกระบี่สวรรค์จงจาเอาไว้ ตาหนักเทพ
วาสนาเป็ นสิ่งที่ข้าแลกมาด้วยการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเผาต่าง ๆ ใน
สวรรค์บูรพา แล้วนาออกมาจากแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตโบราณ
แห่งหนึ่ง”
“อีกทั้งบนตาหนักเทพวาสนา ยังมีรอยประทับจิตวิญญาณ
ดั้งเดิมของผู้แข็งแกร่งเผ่าต่าง ๆ อยู่ หากตาหนักเทพวาสนาถูกเปิด
ออก ชนรุ่นหลังของเผ่าต่าง ๆ ในสวรรค์บูรพาก็จะรับรู ้ได้ในทันที
ดังนั้นนี่จึงเป็ นทั้งโอกาส วาสนา และยังเป็ นหายนะของพวกเจ้าด้วย”
เอ่ยเพียงเท่านั้น หมอกแสงก็ค่อย ๆ หายไป กล่องสีดาลึกลับใบ
นั้นก็แตกสลายในเสี้ยววินาที จนสุดท้ายก็กลายเป็ นเพียงผงเหล็ก
กองเล็ก ๆ กองหนึ่งเท่านั้น
ทว่าในเวลานี้ภายในตาหนักพันกระบี่ขนาดใหญ่กลับไร ้ซึ่งเสียง
ใด ๆ ถึงขนาดเข็มหล่นก็ยังสามารถได้ยินส่วนขงซิงเจี้ยนและเหยาห้าวหยานนั้น กลับยังยืนนิ่งและมีสีหน้า
ตกตะลึงอยู่เช่นนั้น ราวกับว่ามิรู ้จะทาเช่นไรดี
คาดเดาได้มิยากว่าร่างอันเลือนรางร่างนั้น แท้จริงก็คือสาสน์ที่
ท่านประมุขรุ่นแรกทิ้งเอาไว้ แต่สิ่งที่เรียกว่าโลกใบเล็ก และตาหนัก
เทพวาสนามันคือสิ่งใดกัน ?
ยังมีโอกาสและวาสนาอันใดอีก !
แล้วหายนะนั้นคืออันใด !
ท่านบรรพบุรุษของพวกเรามิได้มีความรู ้ที่ลึกซึ้ง ท่านอย่าพูดอัน
ใดที่มันคลุมเครือเช่นนี้จะได้หรือไม่ ?
พวกข้ามิเห็นจะเข้าใจเลย !
หลังจากเงียบกันอยู่สักพัก เหยาห้าวหยานก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อน
เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ท่านบรรพจารย์สิ่งท่านประมุขรุ่นแรกบอกเอาไว้ หมายความว่าในอนาคตอันใกล้นิกายกระบี่สวรรค์ของ
เรา จะกลายเป็ นศัตรูกับเผ่าต่าง ๆ ทั่วทั้งสวรรค์บูรพาเยี่ยงนั้นหรือ
ขอรับ ? ”
ขงซิงเจี้ยนได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ราวกับยังตื่นตระหนกมิหาย
“ตามความหมายของท่านบรรพบุรุษ ก็คงเป็ นเช่นนั้น”
เหยาห้าวหยานจึงเอ่ยถามอีกว่า “แต่โอกาสและวาสนาที่ท่าน
บรรพบุรุษกล่าวถึงคืออันใดหรือขอรับ ? ”
ขงซิงเจี้ยนคลึงที่หว่างคิ้ว ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายขึ้น
“จริงด้วย ! ”
ขงซิงเจี้ยนจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ฟังจากที่ท่านบรรพบุรุษกล่าวแล้ว
ตอนนี้คงมีผู้ที่สามารถก้าวขึ้นไป ถึงบันไดเมฆาขั้นที่ร ้อยได้สาเร็จ
แล้ว เจ้ารู ้หรือไม่ว่าเป็ นผู้ใด ? ”ก่อนหน้านี้ขงซิงเจี้ยนกาลังทาความเข้าใจในอักษรพู่กันภาพนั้น
ที่เย่ฉางชิงทิ้งเอาไว้ จึงมิได้สนใจการทดสอบศิษย์ในครั้งนี้มากนัก
แต่มิรู ้ว่าด้วยเหตุใด จู่ ๆ กล่องด าลึกลับในแหวนเก็บสมบัติ ก็เกิด
ความเปลี่ยนแปลงขึ้น จนทาให้เขาเสียสมาธิขณะกาลังรู ้แจ้ง
เหยาห้าวหยานเอ่ยขึ้น พร ้อมกันนั้นยังได้เล่าเรื่องราวทั้งหมด ที่
ซ่งจืออวี่ได้เล่าเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้ฟังอีกด้วย
จนประโยคสุดท้ายจบลง เหยาห้าวหยานจึงได้เอ่ยถามเพื่อหยั่ง
เชิงว่า “ท่านบรรพจารย์ ท่านคิดว่าสิ่งที่ซ่งจืออวี่ผู้นี้เล่ามา เป็ นความ
จริงหรือเรื่องโกหกขอรับ ? ”
ขงซิงเจี้ยนนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะพึมพาออกมาว่า “เรื่องนี้
น่าจะ……น่าจะเป็ นไปมิได้”
ทว่าขณะที่ขงซิงเจี้ยนเอ่ยประโยคออกมา ภายในใจของเขาเอง
ก็มิมั่นใจนัก เพราะบุรุษหนุ่มนามว่า เย่ฉางชิงผู้นั้น ยังมิต้องเอ่ยถึงว่า
แท้จริงแล้วเป็ นผู้ใดกันแน่เพียงแค่ภาพอักษรพู่กันที่มอบให้เขาภาพนั้น ก็พอจะทาให้เขา
ใช ้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อทาความเข้าใจและรู ้แจ้งได้แล้ว
‘แล้วบุคคลเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดที่สามารถขวางทางของเขาได้อีก ?’
เมื่อคิดได้ดังนั้น ขงซิงเจี้ยนพลันคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ราวกับว่า
จู่ ๆ ก็เข้าใจในคาพูดของท่านบรรพบุรุษขึ้นมา
สิ่งที่เรียกว่าโอกาสและวาสนา
หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ คงมาจากเย่ฉางชิงผู้ที่ไร ้เทียมทานผู้
นี้เป็ นแน่ !
ส่วนที่เรียกว่าหายนะ บางทีอาจเป็ นเพียงบททดสอบ
คิดถึงตรงนี้ มุมปากของขงซิงเจี้ยนก็ค่อย ๆ โค้งขึ้น สีหน้าดู
อ่อนโยนลงในทันที“เหยาห้าวหยาน เจ้าจงจ าเอาไว้”
ขงซิงเจี้ยนกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้าเสียงเคร่งขรึมว่า
“คนที่ขึ้นบันไดเมฆาหกสิบขั้นได้พร ้อมกับเย่ฉางชิง มิว่าคุณสมบัติ
จะเป็ นเช่นไร ก็จงให้พวกนางเข้ามาบ าเพ็ญเพียรในส านักเสีย”
“โดยเฉพาะสตรีนามว่าชวี่เหวินเซี่ย คนผู้นี้มีพรสวรรค์สูงส่ง อีก
ทั้งยังเข้าตาบรรพจารย์หนิงของเจ้าอีกด้วย ดังนั้นเจ้าคงจะรู ้นะว่าควร
ท าเช่นไร ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาห้าวหยานก็พยักหน้ารับคาโดยมิลังเล ทว่า
จากนั้นก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
การรับศิษย์สายในสิบกว่าคนในคราเดียวกัน ดูแปลกเกินไป
หน่อยกระมัง !
“ท่านบรรพจารย์……”ขณะที่เหยาห้าวหยานเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
ขงซิงเจี้ยนที่ก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ก็ได้หายวับไป
เรียบร ้อยแล้ว
“ท่านบรรพจารย์ทาเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ เพราะเหตุใดกันแน่ ?”
เหยาห้าวหยานเม้มริมฝี ปากแน่น แต่ก็ยังเดินตรงออกไปนอก
ต าหนัก