เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 96 พี่ต้นไม้ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว
ตอนที่ 96 พี่ต้นไม้ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว
ได้ยินดังนั้น ถูสือซานที่อยู่บนหลังของราชันทมิฬก็ค่อย ๆ ลืมตาดำขลับคู่นั้นขึ้น
ภาพที่เห็นเป็นทิวเขาและสายน้ำอันใสสะอาด หมอกจาง ๆ ล่องลอยอยู่ ราวกับสรวงสวรรค์ก็มิปาน
ทั้งยังมองเห็นบ้านเรือนอยู่ลิบ ๆ
แสดงว่าด้านหน้าของพวกเขาก็คือเมืองเสี่ยวฉือ
“ยอดฝีมือท่านนั้น… พำนักอยู่ที่นี่งั้นหรือ ? ”
สายตาของถูสือซานมองไปรอบ ๆ พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ราชันทมิฬพ่นลมหายใจออกมา ทั่วทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แม้เวลานี้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่มุมปากก็ยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
ในที่สุดก็กลับมาแล้ว เมื่อมาถึงที่นี่ภายในใจของเขาก็รู้สึกปลอดภัยยิ่ง
เวลานี้ต่อให้เหล่าบรรพชนที่อยู่ด้านในที่สุดของเทือกเขาแดนใต้ปรากฏตัวที่นี่ เขาก็มิได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าด้วยตบะบารมีอันลึกล้ำของนายท่าน แม้เหล่าผู้เป็นอมตะจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็เป็นได้เพียงพญามดปลวกก็เท่านั้น
ส่วนบรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณท่านนั้น เวลานี้กล่าวได้ว่ามิอยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันราชันทมิฬก็มิได้คิดจะเข้าไปในเมืองเสี่ยวฉือในทันทีทันใด
เขาตั้งใจหยุดพักเหนื่อยสักพัก ก่อนที่จะเข้าไปในเมืองเสี่ยวฉือ
“เด็กน้อย เจ้าลงมาก่อนให้ข้าได้พักสักครู่ แล้วพวกเราค่อยเข้าไปพบนายท่านกัน”
ราชันทมิฬย่อกายและหมอบลงกับพื้น
“ราชันทมิฬ เจ้าจะพักตรงนี้งั้นหรือ ? ”
ถูสือซานถามอย่างเป็นกังวล “หากมิสิ่งใดผิดพลาด ท่านบรรพบุรุษคงใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเราไปคารวะท่านยอดฝีมือก่อนจะดีกว่านะ”
“เด็กน้อย เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย”
ราชันทมิฬเงยหน้าขึ้นมองถูสือซาน แล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “นายท่านของข้าพักผ่อนอยู่ที่เมืองนี้ เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจะลองเกลี้ยกล่อมบรรพบุรุษของเจ้าดู มิเช่นนั้นหากนางเข้าไปรบกวนความสงบของนายท่านเข้า เกรงว่านางคงมิมีแม้แต่โอกาสที่จะออกไปจากที่นี่ได้อีก”
“สูด ! ”
ถูสือซานดวงตาเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
แม้ก่อนหน้านี้นางรู้สึกสงสัยในคำพูดของราชันทมิฬอยู่บ้าง
แต่ท่าทางมิเกรงกลัวของราชันทมิฬในเวลานี้ ทำให้นางเริ่มเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแล้วจริง ๆ
เพราะหลายแสนปีมานี้สายเลือดของนางบริสุทธิ์ยิ่งกว่าใครในเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ
อีกทั้งท่านบรรพบุรุษยังเคยกล่าวเอาไว้ว่า มีสัญญาณว่าสายเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้นางได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมาก
เช่นนั้นตลอดทางที่มาที่นี่ ด้วยเพราะสายเลือดที่บริสุทธิ์จึงทำให้นางสัมผัสได้ถึงไอพลังของท่านบรรพบุรุษ
คิดแล้วถูสือซานก็อดที่จะหันไปมองทางเมืองเสี่ยวฉือมิได้
“สือซานอยากจะพบยอดฝีมือผู้นี้โดยเร็ว”
ถูสือซานดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางครุ่นคิด
ราชันทมิฬได้ยินเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา พร้อมกับมองไปยังเมืองเสี่ยวฉือเช่นเดียวกัน
มินานร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็เหาะมาหาทั้งคู่
สุดท้ายก็หยุดลงห่างจากราชันทมิฬเพียงหนึ่งจั้ง
ผู้ที่มาก็คือถูซื่อผู้มีใบหน้างดงามหยดย้อย เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์
“เด็กน้อย ส่งภาพวาดของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”
ถูซื่อลอยตัวอยู่กลางอากาศ ท่าทางของนางงดงามยิ่ง แต่วาจาที่เอ่ยกลับเย็นชามิแพ้กัน
ราชันทมิฬแสยะยิ้มออกมา พลางหัวเราะอย่างมิใส่ใจ พร้อมกับส่ายศีรษะไปมา “จ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ มาถึงที่นี่แล้วเจ้าควรคิดให้ดีก่อนจะพูดกับข้านะ”
“หืม ? ”
ถูซื่อมองด้วยแววตาเย็นชา แล้วพูดอย่างเดือดดาลว่า “เด็กน้อย ข้ามิชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอ แต่การที่เจ้าอวดดีต่อหน้าข้าเช่นนี้ ดูจะกล้าเกินไปหน่อยกระมัง ? ”
เวลานี้ถูสือซานกะพริบดวงตาคู่งาม ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางขลาดกลัว “ท่านบรรพจารย์ ที่นี่เป็นเขตแดนนายท่านของราชันทมิฬ ท่านจะบุ่มบ่ามมิได้นะเจ้าคะ”
“ปีศาจที่ยิ่งใหญ่ระดับราชาปีศาจ แต่กลับคารวะมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเจ้านาย ช่างน่าขันยิ่งนัก”
ถูซื่อแค่นหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียร ? ”
ราชันทมิฬเอ่ยด้วยแววตาขบขัน “จ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ เจ้ารู้หรือไม่ว่านายท่านของข้าคือผู้ใด ? ”
ถูซื่อตะคอกออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “เป็นเซียนที่มาจากสรวงสวรรค์หรือเยี่ยงไร ? ! ”
ราชันทมิฬหรี่ตาลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เห็นแก่เด็กคนนี้ข้าจะขอเตือนเจ้าอีกครั้ง ทางที่ดีเจ้าอย่าได้มาสามหาวที่นี่จะดีกว่า อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจเช่นเจ้าเลย แม้แต่เหล่าบรรพชนที่อยู่ด้านในสุดของเทือกเขาแดนใต้ ก็มิได้อยู่ในสายตาของนายท่านของข้าแม้แต่น้อย ! ”
ถูซื่อยกมุมปากขึ้น ส่ายหน้าไปมา “เด็กน้อย ทางที่ดีเจ้าควรสำรวมไว้หน่อยจะดีกว่า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ารังแกเจ้ามิได้นะ”
“ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเจ้าก็มิเท่าไหร่นี่นา”
ราชันทมิฬหัวเราะเยาะแล้วเอ่ยต่อ “หากเจ้าอยากได้ภาพเทพมารของนายท่านจริง เจ้าก็มาชิงเอาไปก็แล้วกัน”
ขณะเดียวกัน ถูสือซานที่คืนสู่ร่างเดิมก็ได้กระโดดลงจากหลังของราชันทมิฬ พลางเอ่ยกับถูซื่ออย่างจริงจังว่า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านอย่าได้ลงมือเลยนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นแววตาจริงจังของถูสือซาน รวมทั้งท่าทางมิเกรงกลัวใด ๆ ของราชันทมิฬ ถูซื่อก็เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา
นางมีชีวิตมาเกือบล้านปี อุปสรรคใดบ้างที่มิเคยประสบ ยอดฝีมือเช่นใดบ้างที่มิเคยพบพาน
อีกทั้งกว่าจะมีตบะบารมีเช่นวันนี้ มิใช่อาศัยเพียงพรสวรรค์ของนางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการตัดสินใจของนางอีกด้วย
การที่ราชาปีศาจเล็กๆ ตนหนึ่งกล้าข่มขู่นางที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจ แสดงว่ามนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรที่หนุนหลังอยู่นั้นย่อมมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
อีกทั้งในเทือกเขาแดนใต้ตบะบารมีของราชาปีศาจนับว่าแก่กล้ามิน้อย เช่นนั้นย่อมมีความทะนงตนและเย่อหยิ่งเป็นธรรมดา
การจะคารวะมนุษย์เป็นเจ้านาย จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้อย่างเด็ดขาด
แต่บัดนี้ ปีศาจตนนี้กลับมิเพียงยอมอยู่ใต้อาณัติของมนุษย์ แต่กลับภูมิใจในตัวเจ้านายของมันเป็นอย่างมากอีกด้วย
‘แปลกมาก’
‘เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดไปเป็นแน่’
นางคิดว่าตนเองเข้าใจเหตุผลนี้ดี
และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่จนบัดนี้ นางก็ยังมิกล้าลงมือช่วงชิงภาพเทพมารมาจากมือของปีศาจตนนั้น
อีกทั้งตอนนี้ถูซื่อเองก็อยากจะรู้เต็มทีว่า
มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรและอยู่เบื้องหลังปีศาจตนนี้จะเก่งกาจเพียงใด ?
เช่นนั้นเวลานี้นางจึงอยากจะลองหยั่งเชิงดูเสียหน่อย
เยี่ยงไรเสีย นางก็เป็นถึงจ้าวปีศาจ แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะถูกพลังเต๋าครอบงำ แต่นางก็สามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน
คิดถึงตรงนี้รอบกายถูซื่อพลันเปล่งแสงออกมา และระเบิดพลังอันแข็งแกร่งขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่พร้อมจะทำลายล้างก็ได้พุ่งเข้าใส่ราชันทมิฬทันที
ราชันทมิฬดวงตาเบิกโพลง ร่างกายกำยำสั่นสะท้าน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาล
“จ้าวปีศาจ เจ้ากล้าขนาดนี้เชียวหรือ ! ”
ราชันทมิฬคำรามขึ้นอย่างกึกก้อง
ขณะเดียวกันเขาก็เพ่งสมาธิ ก่อนจะสำแดงภาพราชันทมิฬออกมาอย่างมิลังเล เพื่อต้านพลังอันน่ากลัวจากถูซื่อ
ทันใดนั้นก็มีเงาดำขนาดใหญ่พุ่งออกมา ก่อนที่พลังมหาศาลจะถูกแผ่ออกมาทำลายพลังอันน่ากลัวนั้นลงในพริบตา
ถูซื่อมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความยินดีที่สัมผัสได้ถึงไอพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ภาพราชันทมิฬแผ่ออกมา เป็นไอพลังเต๋าปกคลุม และซ่อนเร้นพลังปราณลึกลับ
‘มิผิดแน่ ! ’
‘มิผิดแน่ ๆ ! ’
‘นี่ก็คือภาพเทพมารในตำนาน ! ’
ในตอนนั้นเองถูซื่อก็สัมผัสได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง จนนางต้องขยับกายถอยหลังหลายร้อยจั้ง
ก่อนจะพบว่ามีใบหลิวสีทองใบหนึ่งค่อย ๆ ปลิวล่องลอยมาหาราชันทมิฬ
ราชันทมิฬเองก็เหมือนกับสัมผัสได้เช่นกัน จึงหันกลับไปมองพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ต้นไม้ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”