เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 111 เด็กน้อยในภาพวาดปีใหม่
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 111 เด็กน้อยในภาพวาดปีใหม่
ตอนที่ 111 เด็กน้อยในภาพวาดปีใหม่
พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้ด่าลูกสาวทั้งสองคนแล้ว หล่อนทำตัวเป็นแม่ผู้มีความเมตตา จัดเตรียมอาหารไว้หกอย่างโดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากว่าตามคำพูดของหล่อน ก็บอกได้ว่าที่ทำอาหารเพิ่มอีกสองจานก็เพื่อลูกชาย แม้ว่าจะไม่ใช่อาหารดีอะไร แต่ปริมาณก็เพิ่มขึ้น ขอให้ประสบความสำเร็จราบรื่น ภายภาคหน้าทุกอย่างย่อมเป็นไปตามใจปรารถนา
อาหารมื้อเที่ยงนี้ให้ความรู้สึกของพิธีกรรมอย่างมาก
พวกพี่ชายได้กินอาหารอย่างดี แต่คนที่ได้กินดีที่สุดย่อมเป็นจ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่
จ้าวเหวินเทาลงครัวด้วยตัวเอง เขาไม่เพียงแค่รับประทานเป็น แต่เขายังทำอาหารเป็นด้วย โดยปกติแล้วเป็นเพราะขี้เกียจและไม่มีเวลา
วันข้ามปีเขารู้สึกมีความสุข และกลัวว่าภรรยาที่อุ้มท้องจะเหนื่อย เขาจึงลงมีดด้วยตัวเอง
เขาทำผัดสามฝอย (ผัดเต้าหู้ แครอทและเนื้อ) เห็ดหูหนูผัดไก่ บวบผัดไข่ น่องไก่ตุ๋นเห็ด ยำแตงกวาเย็น และยำสาหร่ายทะเลซอย
แม้ว่าผักใบเขียวจะถูกขายจนเกือบหมดและเหลือไว้เพียงแค่เล็กน้อย แต่มันก็เป็นผักใบเขียว ฤดูหนาวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการได้รับประทานผักใบเขียว ทั้งยังมีเนื้อด้วย
“ภรรยาจ๋า มาเถอะ คุณดื่มนี่นะ” จ้าวเหวินเทารินนมอัลมอนต์ให้ภรรยาหนึ่งแก้ว “ผมใช้น้ำร้อนอุ่นแล้ว ไม่เย็นแม้แต่นิดเดียว”
นมอัลมอนด์นี้เขาซื้อกลับมาจากในอำเภอ และเก็บไว้ดื่มสำหรับข้ามปีโดยเฉพาะ
เย่ฉูฉู่เองก็เป็นคนที่ใส่ใจในพิธีกรรมเป็นอย่างมาก เธอยกนมอัลมอนต์ขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าครอบครัว พวกเรามาชนแก้วกันเถอะค่ะ ปีนี้ลำบากคุณแล้ว”
ครั้นได้สบตาดวงตาแย้มยิ้มของภรรยาตนเอง จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกโล่งอกสุดแสน เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับแก้วของภรรยา “ภรรยาจ๋า คุณเองก็ลำบากเหมือนกัน!”
สองสามีภรรยาคนหนึ่งดื่มเหล้าหนึ่งคำ อีกคนดื่มนมอัลมอนต์หนึ่งคำ จากนั้นจึงรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
แม้จะพูดว่ากินกันสองคน แต่อันที่จริงแล้วมีถึงสามคน ต้องอย่าลืมว่าในท้องของเย่ฉูฉู่ยังมีอีกหนึ่งคน เด็กคนนี้ตัวไม่ใหญ่ แต่ก็กินจุมาก เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็กินไม่น้อยไปกว่าจ้าวเหวินเทาเลย อีกอย่างเป็นเพราะทั้งคู่ยังเป็นวัยหนุ่มสาว หลังจากรับประทานอาหารมื้อนี้เสร็จ อาหารก็หมดเกลี้ยง ข้าวก็ถูกกินหมดจนจานสะอาดเช่นกัน
หลังรับประทานอาหารเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็ถลกแขนเสื้อเริ่มล้างเครื่องครัว แม้ว่าจะแยกบ้านกันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังยึดตามกฎก่อนหน้านี้
กลางคืนรับประทานเป็นเกี๊ยวผัก
ตอนนี้เย่ฉูฉู่ตั้งครรภ์แล้ว จึงรู้สึกเหนื่อยง่ายมาก เพราะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงเอนตัวนอนบนเตียงเตาหลับไปหนึ่งตื่น
คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว และพบว่าจ้าวเหวินเทากำลังนอนหลับสบายอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองคนห่มผ้าผืนเดียวกัน
ช่วงกลางคืนต้องอยู่จนดึก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องหลังเที่ยงคืนถึงจะนอนได้ ดังนั้นในช่วงบ่ายทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็จะพักผ่อนเก็บแรง เพื่อให้กระปรี้กระเปร่าในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เธอไม่ได้เรียกจ้าวเหวินเทา เพราะรู้ว่าเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ตั้งแต่ตั้งครรภ์เธอก็ขี้เกียจขึ้นมากจริง ๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง โดยปกติแล้วเขาเป็นคนทำ จะไม่ให้เหนื่อยได้อย่างไร?
เธอลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง โพกผ้าบนศีรษะแล้วเดินออกไปถ่ายเบาข้างนอก ตอนที่กลับมาก็พบว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวกำลังยืนถูมืออยู่หน้าห้องของเธอ
“พี่สะใภ้สี่ ทำไมมายืนอยู่ที่นี่ล่ะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เย่ฉูฉู่มองพี่สะใภ้สี่ของเธอแล้วถามออกไปตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างเขินอาย “เมื่อกี้ฉันเข้าไปแล้ว เห็นน้องสามีหลับไปแล้ว เธอไม่อยู่ก็เลยออกมารอเธอข้างนอกนี่แหละ ฉันอยากจะถามเธอว่ายังมีรูปเด็กผู้ชายตัวอ้วนหรือเปล่า?”
“พี่สะใภ้สี่ซื้อไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
พี่สะใภ้สี่กล่าว “อย่าพูดถึงเลย พี่สี่ของเธอตาถั่วน่ะสิ! ฉันบอกให้เขาซื้อรูปเด็กผู้ชายอ้วนกลับมา เขาบอกว่าซื้อแล้ว ผลที่ได้กลับเป็นภาพเด็กผู้หญิง เธอดูเขาสิ ขนาดเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้หญิงยังแยกไม่ออกเลย!”
หล่อนโกรธแทบตายอยู่แล้ว ถ้ากระทบถึงลูกชายของหล่อน หล่อนจะจัดการเหล่าจ้าวสี่ผู้ไม่มีตาคนนั้น!
เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สี่ พี่ไม่ได้ดูให้ดีเหรอคะ?”
พี่สะใภ้สี่ยิ้มเยาะ “ฉันดูแล้ว ตอนนั้นดูไม่ออก เมื่อกี้ตอนที่แปะถึงได้เห็นว่าทำไมถึงได้ผูกจุกเล็ก ๆ สองข้าง เสื้อผ้านั่นก็เหมือนกัน ดันใส่เอี๊ยมสีแดงอีก ถ้าไม่มองให้ละเอียดจะไปมองออกได้ยังไงกัน? น้องสะใภ้หก ถ้าเธอมีต้องขายให้ฉันหนึ่งแผ่นนะ เขาบอกแล้วว่า ต้องแปะภาพเด็กผู้ชายอ้วน ๆ ไว้ที่หัวเตียง ถึงจะสามารถคลอดลูกชายตัวอ้วนได้ ราคาเท่าไรเดี๋ยวฉันจ่ายให้เธอเอง ฉันเอาเงินมาแล้ว!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวนำธนบัตรออกมาสองสามใบ เรื่องไหนที่เกี่ยวกับลูกชายหล่อนไม่กล้าประมาท เพราะกลัวว่าเย่ฉูฉู่จะไม่พอใจที่จะให้หล่อนจึงไม่กล้าเอาเปรียบ
“เงินน่ะไม่ต้องให้หรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สี่ ในห้องฉันมีสองแผ่น เดี๋ยวฉันให้พี่แผ่นหนึ่งก็แล้วกันนะ”
เย่ฉูฉู่เดินกลับไปเอาภาพวาดออกมา ทั้งยังใช้ตะเกียงน้ำมันส่องด้วย
“พี่ดูสิคะ นี่ใช่เด็กผู้ชายอ้วนที่พี่อยากได้หรือเปล่า?” เย่ฉูฉู่กล่าว
พี่สะใภ้สี่มองดูร่างกายมันวาวศีรษะแวววับที่อยู่บนรูปวาด หว่างขาทั้งสองข้างยังมีลูกวัวน้อยด้วย จึงพึงพอใจในทันที
“ใช่ ๆ ฉันอยากได้แบบนี้แหละ! นี่แหละถึงจะเรียกว่าภาพวาดเด็กผู้ชายตัวอ้วน!” พี่สะใภ้สี่กล่าวอย่างมีความสุข
“งั้นพี่เอากลับไปเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
พี่สะใภ้สี่ม้วนภาพอย่างระมัดระวัง หล่อนมองเย่ฉูฉู่พลางเอ่ยถาม “น้องสะใภ้หก เธอไม่เอาเงินจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันให้พี่สะใภ้สี่นั่นแหละค่ะ” แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะรู้สึกไม่ค่อยชอบหล่อนในบางครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นพี่สะใภ้ของเธอ นี่ก็เป็นวันข้ามปี อีกอย่างนี่ก็เป็นของที่เหลืออยู่ ถึงอย่างไรก็ต้องวางทิ้งไว้อยู่แล้ว จึงกล่าว “นี่ก็ดึกแล้ว พี่เอากลับไปแปะเถอะ”
พี่สะใภ้สี่รู้สึกว่าน้องสะใภ้หกไม่เลวเลย จึงกล่าว “ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
เย่ฉูฉู่ส่งพี่สะใภ้เข้าห้องไปแล้ว จ้าวเหวินเทาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เขามองภรรยาพลางกล่าว “ภรรยา เมื่อกี้เหมือนเสียงของพี่สะใภ้สี่เลย? หล่อนมาทำอะไรเหรอครับ”
เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สี่อยากได้ลูกชายแทบแย่แล้ว ซื้อภาพวาดปีใหม่ที่เป็นภาพเด็กผิดน่ะ ก็เลยมาถามฉัน ในบ้านของเรายังเหลืออีกแผ่นพอดี ก็เลยให้หล่อนไป”
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็หาวออกมา กล่าวว่า “ยิ่งอยากได้อะไรก็จะยิ่งไม่ได้สิ่งนั้น หล่อนเป็นแบบนี้ คงไม่ใช่ลูกชายแน่นอน!”
“คำพูดนี้ของคุณถ้าพี่สะใภ้สี่ได้ยินเข้า หล่อนคงได้ยืดท้องสู้กับคุณแน่” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ภรรยา ผมก็ไม่ได้พูดกับคนอื่นสักหน่อย ผมพูดกับคุณไง เอาเถอะ จะใช่ลูกชายหรือเปล่าก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ผมจะไปทำไส้เกี๊ยวแล้ว พวกเราจะได้ห่อเกี๊ยวกัน!”
“แต่ฉันกลับหวังว่าพี่สะใภ้สี่จะได้ลูกชายนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว แบบนี้ซานหยากับซื่อหยาก็จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นหน่อย
“ผมเองก็หวังว่าเขาจะได้ลูกชายเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่เต็มใจ “ภรรยา พวกเราอย่าไปกังวลเรื่องของหล่อนเลย เรามากังวลเรื่องเกี๊ยวของพวกเราเถอะ”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุณไปทำสิ ฉันไม่อยากทำงาน”
“ได้ ให้เหนียงเหนียงของข้าน้อยได้พักผ่อนเต็มที่ ข้าน้อยไปทำงานก่อนนะขอรับ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาใกล้จะได้เป็นพ่อคนอยู่แล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเป็นเด็กแบบนี้อีกนะ
พวกเขาสองคนใช้ผักดองหนึ่งหัวและเต้าหู้อีกครึ่งชิ้นก็พอแล้ว
จ้าวเหวินเทาหยิบผักดองออกมาจากโอ่งมาหนึ่งหัว ใช้น้ำร้อนล้างทำความสะอาด นำมาสับให้ละเอียด แล้วบีบเอาน้ำออก วางลงไปในกะละมัง จากนั้นหยิบเต้าหู้ออกมาหนึ่งก้อน
เต้าหู้นี้พี่สามจ้าวให้มา จ้าวเหวินเทาจึงต้องรับไว้ แม้ว่าพี่สามจ้าวจะไม่ได้มีอะไรดี แต่เต้าหู้ที่ทำก็อร่อยจริง ๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้รับประทานเต้าหู้ของใครที่ทำอร่อยกว่าของพี่สามจ้าว
เขาหั่นออกมาครึ่งหนึ่ง ก่อนจะหั่นให้เป็นลูกเต๋า ใส่ลงไปในผักดอง จากนั้นก็มอบให้ภรรยา
“ภรรยาจ๋า คุณคลุกไส้นะ ผมจะไปนวดแป้ง” จ้าวเหวินเทากล่าว จากนั้นก็ไปนวดแป้งต่อ
เย่ฉูฉู่เทเครื่องปรุงทุกชนิดลงไป ใช้ตะเกียบคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขณะถามว่า “จะกินแค่พวกเราเหรอ? พ่อกับแม่ล่ะคะ?”
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราข้ามปีใหม่นะ พ่อกับแม่บอกผมแล้วว่าให้กินกันเอง รอปีหน้าค่อยว่ากันใหม่” จ้าวเหวินเทาตักแป้งออกมาสองสามถ้วย เป็นแป้งขาวทั้งหมด หลังจากเทน้ำลงไปแล้วก็นวดคลึงให้เข้ากัน
……………………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หวังมากระวังผิดหวังนะคะพี่สะใภ้สี่
เหวินเทาแลเป็นสามีแห่งชาติมาก ภรรยาเหนื่อยก็ลงมือทำอาหารเองแบบไม่อิดออดเลย
ไหหม่า(海馬)