เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 114 ข้ามปี (2)
ตอนที่ 114 ข้ามปี (2)
นอกจากภาพวาดเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่สองแผ่นแล้ว บนตู้ข้าง ๆ หัวเตียงภายในห้องพี่รองจ้าวยังมีถาดชาและถาดใส่ของขนาดเล็กที่ทำจากกิ่งหลิววางอยู่ด้วย
ถาดชาและถาดใส่ของขนาดเล็กมีเมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง ลูกอม สาลี่แช่แข็งและลูกพลับแช่แข็งวางอยู่ เป็นอาหารจำพวกของว่างราคาถูก
“น้องสามี พวกเธอห่อเกี๊ยวเสร็จแล้วใช่ไหม?” พี่สะใภ้รองจ้าวกำลังหยิบชุดใหม่ที่พี่รองจ้าวและหล่อนต้องใส่อีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาก็พูดด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้เรียกให้กินของว่างอะไร
“ห่อเสร็จตั้งนานแล้วครับ พวกเราก็หลับไปพักหนึ่งแล้วด้วย” จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้กินของว่างเหล่านี้ ของว่างเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากอะไร ภรรยาของเขาก็เตรียมไว้ไม่น้อยแล้ว แต่ถึงจะไม่ได้หายากสำหรับเขาแต่กลับหายากสำหรับพี่สะใภ้รอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับประทานของของหล่อน กล่าวว่า “นี่ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมง พวกพี่รีบไปไหนเนี่ย”
“อาเล็ก ไม่ใช่ว่ารีบร้อนอะไรหรอกครับ รีบจุดประทัดเร็วหน่อยจะได้กินเกี๊ยวเร็วไง!” เถี่ยต้านกล่าว
“นั่นสิ อาเล็ก ผมหิวแล้วเนี่ย!” หลูต้านก็พูดขึ้น
“อาเล็ก อีกเดี๋ยวอาจะให้อั่งเปาพวกเราใช่ไหมคะ?” ต้าหยายิ้มตาหยี
เมื่อพูดถึงอั่งเปา เด็กทั้งสามคนก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
จ้าวเหวินเทายิ้ม จากนั้นก็ขยี้หัวเด็กแต่ละคน “ตั้งแต่อาเล็กของพวกเธออายุ 15 มีปีไหนบ้างที่อาไม่ให้อั่งเปาพวกเธอ? แต่ปีนี้อาไม่ได้ให้นะ เป็นอาสะใภ้เล็กของพวกเธอต่างหากล่ะที่ให้!”
ไม่ว่าจะอาเล็กหรืออาสะใภ้เล็กให้ พวกเขาก็ดีใจทั้งนั้น ขอแค่มีก็พอแล้ว!
ตอนที่กำลังพูดคุยด้วยรอยยิ้ม พี่สามจ้าวก็เดินเข้ามา เขามองจ้าวเหวินเทาพลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เจ้าหก นายยังไม่ออกมาช่วยอีก!”
“ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมง รีบเพื่อ?” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ
“ยังจะมารีบเพื่ออะไรอีก นี่มันห้าทุ่มแล้ว!” พี่สามจ้าวเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงเตาที่จุดไฟเผาอยู่ “อากาศหนาวจริง ๆ เลย!”
พี่สี่จ้าวเดินตามเข้ามา “ฉันได้ยินเขาจุดกันเกือบหมดแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวเถอะ”
จ้าวเหวินเทากล่าว “พวกพี่ยุ่งกันอยู่ครึ่งชั่วโมงไปทำอะไรกันเนี่ย?”
พี่สามจ้าวจ้องมองเขาปราดหนึ่ง “คนแบบนาย ต่อให้มีงานก็ไม่เห็นหรอก!”
จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเขา “จุดประทัดให้เสร็จก่อนเที่ยงคืนก็พอแล้ว”
“พอแล้ว นี่ก็ห้าทุ่มแล้ว ถึงเวลาจุดแล้ว ใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อย” พี่รองจ้าวกล่าว
พี่สามจ้าวกล่าว “เจ้าหก ประทัดของนายล่ะ?”
“เตรียมไว้แล้ว” จ้าวเหวินเทาสวมถุงมือผ้าฝ้าย จากนั้นก็เรียกหลานชายให้ไปหยิบประทัด
พี่สะใภ้รองจ้าวถามพี่รองจ้าว “ต้มน้ำตอนนี้เลยไหมคะ?”
“ต้มเลย!” พี่รองจ้าวกล่าว
จ้าวเหวินเทาเหลือประทัดแขวนขนาดเล็กไว้สองสามอัน หนึ่งในนั้นมีความยาวสุดอยู่ที่ห้าร้อยนัด นี่เป็นประทัดไว้จุดตอนข้ามปี ส่วนอันอื่นไว้จุดตอนวันที่หนึ่ง วันที่ห้า และวันที่สิบห้า
นอกจากประทัดเล็กแล้ว ยังมีประทัดคู่สองสามถาด และดอกไม้ไฟ เก็บไว้สองสามถาดสำหรับจุดวันที่ห้าและสิบห้า ส่วนที่เหลือเขาบอกให้พวกหลานชายหยิบออกไปวางไว้รอบ ๆ หม้อใหญ่ที่อยู่กลางลานหน้าบ้าน อีกเดี๋ยวจะได้จุดง่าย ๆ
คุณพ่อจ้าวเองก็สวมชุดหนา ๆ ออกมาแล้ว เขาจุดไฟเข้ากับไม้ที่อยู่ในหม้อ พี่รองจ้าวจุดประทัดเล็ก พี่สามจ้าวนำกระดาษเงินกระดาษทองออกมาหนึ่งกอง ใช้ไฟจากไม้ที่อยู่ในหม้อเพื่อเผาส่วนหนึ่ง หลังจากเผาเสร็จ ก็โขกศีรษะคำนับ
พี่สี่จ้าวแบ่งกระดาษเงินกระดาษทองส่วนหนึ่งเผาที่ด้านหน้าประตูลาน ก่อนจะโขกศีรษะคำนับเช่นกัน
จ้าวเหวินเทาหยิบกระดาษออกไปเผาที่หน้าประตูบ้าน และโขกศีรษะคำนับด้วย
คุณพ่อจ้าวเองก็เผากระดาษและโขกศีรษะคำนับพร้อมลูกชาย
สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็น แต่ละปีก็ทำเช่นนี้ ขาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งก็ไม่ได้
คุณแม่จ้าวต้มน้ำจนเดือดแล้ว นางจึงออกมาเรียกบรรดาลูกสะใภ้รวมถึงเย่ฉูฉู่ ให้ไปเผากระดาษด้วยกัน
แต่ครั้งนี้กระดาษที่พวกหล่อนเผาคือกระดาษเหลือง เผาตรงจุดหนึ่งในลานบ้าน จากนั้นโขกศีรษะคำนับหนึ่งครั้ง พร้อมกับเสียงพึมพำจากคุณแม่จ้าว “เหล่าเทพเซียนทุกสารทิศ โปรดอวยพรให้ลูกหลานตระกูลจ้าวพบแต่ความสงบสุขร่างกายแข็งแรงด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
จนกระทั่งเข้ามาถึงในบ้านของคุณแม่จ้าว ก็โขกศีรษะและเผากระดาษลงตรงตำแหน่งป้ายบรรพบุรุษ
“เหล่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ข้ามปีแล้ว ขอให้พวกท่านอวยพรให้ทั้งครอบครัวสงบสุขปลอดภัยด้วยค่ะ!” คุณแม่จ้าวพูดจบก็ลุกขึ้น จากนั้นก็พาเหล่าลูกสะใภ้มาถึงด้านหน้าพระโพธิสัตว์และเทพประจำบ้านที่บูชา โขกศีรษะและเผากระดาษ คำพูดย่อมเป็นแบบเดิม คือขอให้สงบสุข
หลังจากบูชาเสร็จแล้ว คุณแม่จ้าวก็พูดกับลูกสะใภ้ “พวกเธอกลับไปกราบไหว้เทพประจำบ้านที่ห้องของตัวเองนะ อย่าลืมเผากระดาษเหลืองล่ะ”
เหล่าลูกสะใภ้จึงรีบไป
เย่ฉูฉู่กลับมาถึงบ้านก็พบว่าในห้องไม่มีกระดาษเหลืองแล้ว จึงกลับไปหาแม่สามีเพื่อขอกระดาษเหลือง คุณแม่จ้าวไม่ได้พูดอะไร และหยิบกระดาษเหลืองหนึ่งปึกให้เธอนำกลับไปเผาเยอะ ๆ
เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงต้องเผากระดาษเหลือง แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรให้มากมาย หลังจากกลับไปยืนตรงหน้าเทพประจำบ้านเธอก็เผาทั้งหมด และโขกศีรษะคำนับ
แม้เรื่องประเภทนี้จะดูน่าพิศวง แต่ก็ยังคงเป็นประโยคนั้น ที่ว่าจงเชื่อมั่นใจสิ่งที่ทำ และให้การบูชาด้วยความจริงใจ
ตอนนี้เองเสียงประทัดก็ดังขึ้น ปีนี้เป็นปีแรกที่แยกบ้าน พวกผู้ชายต่างก็ซื้อประทัดมาจุดกันเอง ตอนนี้พวกเขากำลังจุดประทัดจนเสียงดังต่อเนื่อง
หนึ่งพันกว่านัด สามารถพูดได้ว่าเป็นประทัดที่จุดยาวที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
ในระหว่างการจุดประทัดนี้ เหล่าผู้ชายต่างกำลังจุดประทัดคู่ ส่วนพวกเด็ก ๆ ก็จุดดอกไม้ไฟ เสียงดังอึกทึกครึกโครมไม่น้อย
“ดอกไม้ไฟนี้สวยจังเลย!”
“ของฉันอันนี้สวย!”
“ว้าว นี่คือจรวดพลุ!”
“จรวดพลุขึ้นไปแล้ว!”
ประทัดคู่เป็นประทัดที่ดังสองครั้ง หนึ่งอันมีความหนาเท่านิ้วโป้ง มีท่อยาว ตรงกลางมีเกลียว วางไว้ที่พื้นแล้วจุด ก็จะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะระเบิดออกจนเกิดเสียงดังหนึ่งครั้ง หลังจากขึ้นฟ้าแล้วก็จะดังอีกครั้ง
เหล่าหญิงสาวเผากระดาษและโขกศีรษะคำนับเสร็จแล้วก็เดินออกมาดูประทัดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับเข้าบ้านไปนึ่งเกี๊ยว
เย่ฉูฉู่ไม่ได้รู้สึกสนใจประทัด ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานก็มีแต่แม่และเหล่าพี่สะใภ้ออกไปดู ส่วนเธอนั้นไม่ได้ออกไป อากาศหนาวขนาดนั้น เสียงประทัดก็ฟังดูไม่ปลอดภัย ถ้าระเบิดใส่ตัวเธอจะทำอย่างไร? ดูเหมือนว่ามีเด็กผู้หญิงหลายคนทีเดียวที่ไม่ได้สนใจการจุดประทัด
หลังจากนึ่งเกี๊ยวเสร็จ ประทัดก็จุดหมดพอดี และเวลานี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว
จ้าวเหวินเทาเรียกเย่ฉูฉู่ออกมา กล่าวกับพ่อและแม่ด้วยรอยยิ้ม “พ่อครับแม่ครับ สวัสดีวันข้ามปี ลูกชาย ลูกสะใภ้รวมถึงหลานตัวน้อยที่ยังไม่เกิด ขอโขกศีรษะคารวะพ่อกับแม่นะครับ!”
ระหว่างที่พูดเขาก็คุกเข่าและโขกศีรษะหนึ่งครั้ง
ทันทีที่เย่ฉูฉู่เห็นว่ามีกฎนี้ด้วย เธอจึงคุกเข่าโขกศีรษะตามเขาไปด้วย
คุณแม่จ้าวรีบเข้ามาห้าม นางกลอกตาใส่ลูกชายด้วยรอยยิ้มปราดหนึ่ง กล่าวว่า “ฉูฉู่ เธอก็อย่าไปเรียนรู้จากเขา พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่เขาก็ชอบก่อปัญหาแบบนี้แหละ!”
จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้มออกมา
พี่รองจ้าว พี่สามจ้าว พี่สี่จ้าว พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สาม และพี่สะใภ้สี่ต่างก็เข้ามากล่าวสวัสดี
เห็นได้ชัด คนที่โขกศีรษะคำนับมีแค่จ้าวเหวินเทาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เย่ฉูฉู่คลี่ยิ้ม
พี่รองจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต้านเจ้าหยาทั้งหลาย โขกศีรษะคารวะคุณปู่กับคุณย่าด้วย!”
เจ้าต้านและเจ้าหยาทั้งหมดรีบก้าวเท้ามาข้างหน้าพร้อมตะโกนว่า “สวัสดีวันปีใหม่ครับ/ค่ะ คุณปู่คุณย่า!” จากนั้นก็พร้อมใจกันคุกเข่าลง โขกศีรษะกล่าวอวยพรปีใหม่ต่อหน้าคุณปู่และคุณย่า
นี่คือมารยาทของทางเหนือ ที่ผู้อาวุโสต้องได้รับการโขกศีรษะคำนับจากคนรุ่นหลัง
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวย่อมมีความสุข เรียกพวกหลานชายและหลานสาวให้ลุกขึ้น “พวกเธอเองก็มีความสุขในวันปีใหม่นะ! มา นี่เป็นเงินอั่งเปาของปู่กับย่าให้พวกเธอ”
คุณแม่จ้าวพูดพลางหยิบกระเป๋าผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า ในนั้นมีเหรียญส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินห้าเฟินทั้งหมด นางแบ่งให้หลานคนละหนึ่งเหรียญ
“ขอบคุณครับ/ค่ะ คุณปู่คุณย่า!” พวกเด็ก ๆ มองโลกในแง่ดีมาก ต่างพากันส่งเสียงดัง
พี่สามจ้าวพูดกับลูกชายและลูกสาวของตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ไปสวัสดีปีใหม่ลุง ป้า กับพวกอา ๆ อีก!” ครอบครัวอื่นไม่สามารถเอาเปรียบได้ แต่สามารถทำกับครอบครัวเจ้าหกได้
พี่สะใภ้สี่จ้าวก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ซานหยาซื่อหยารีบไปสวัสดีวันปีใหม่สิ!” หล่อนเองก็มีความคิดนี้เช่นกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สามกับพี่สะใภ้สี่คิดจะให้ลูกๆ ทำอะไรครอบครัวเหวินเทาคะ
ไหหม่า(海馬)