เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 115 วันขึ้นปีใหม่
ตอนที่ 115 วันขึ้นปีใหม่
เจ้าต้านและเจ้าหยาทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงสวัสดีปีใหม่ พี่สะใภ้รองจ้าวเป็นตัวแทนทุกคนให้เงินหลานชายและหลานสาวคนละสองเฟิน
พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวก็เช่นกัน
คนสุดท้ายคือเย่ฉูฉู่ เย่ฉูฉู่เองก็เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามได้อย่างนิ่งสงบ
เธอได้ถามจ้าวเหวินเทาเรื่องเงินอั่งเปามาก่อนแล้ว ได้ความว่าแต่ละคนให้สองเฟินก็พอ ดังนั้นเธอจึงให้คนละสองเฟิน
จ้าวเหวินเทามองด้วยรอยยิ้มตาหยี เขาหันไปอวยพรวันปีใหม่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ เย่ฉูฉู่เองก็อวยพรเช่นเดียวกัน
พี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามและสะใภ้สี่อารมณ์ดีไม่น้อยเลย ถึงอย่างไรก็ได้เงินอั่งเปาจากครอบครัวเจ้าหกมาแบบเปล่า ๆ
หลังจากให้เงินอั่งเปาแล้ว หลังจากนี้ก็กลับไปรับประทานเกี๊ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่บ้านตัวเอง
“กินเกี๊ยวกันเถอะ!” จ้าวเหวินเทาถือจานเกี๊ยวข้างละจานวางลงบนโต๊ะ
เย่ฉูฉู่ยกกับข้าวมาสองจาน จานแรกคือเต้าหู้คลุกซีอิ๊ว ส่วนอีกจานคือลูกท้อกระป๋อง
ในยุคสมัยนี้ อาหารกระป๋องที่อยู่ในฤดูหนาวของทางเหนือมีทั้งผลไม้และผัก ในเวลาเดียวกันก็เป็นหนึ่งในของขวัญราคาแพงที่นำไปเยี่ยมคนป่วยและเยี่ยมคนสูงอายุด้วย
กับข้าวครบแล้ว สองสามีภรรยาก็นั่งลงข้าง ๆ โต๊ะ มองหน้ากันและกัน
จ้าวเหวินเทาเพิ่งพบว่าภรรยาของเขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว
“ภรรยา สวัสดีวันปีใหม่นะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่ก็ยิ้มเช่นเดียวกัน “สวัสดีวันปีใหม่ด้วยเช่นกัน กินเสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุดใหม่ด้วยนะคะ”
จ้าวเหวินเทายิ้มตอบ
เย่ฉูฉู่คีบเกี๊ยวขึ้นมารับประทานหนึ่งคำ จากนั้นก็หยุดชะงัก
“ทำไมเหรอ?” จ้าวเหวินเทานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ภรรยา ไม่ใช่ใช่ไหม ชิ้นแรกก็กินโดนเงินแล้วเหรอ? โชคลาภดีเกินไปแล้วนะ”
เย่ฉูฉู่หัวเราะพรืด “แกล้งคุณต่างหากล่ะคะ จะกินโดนเงินง่าย ๆ ขนาดนั้นได้ยังไงกัน”
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “ภรรยากินน้ำลายผมมากไป ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนเจ้าเล่ห์ซะแล้ว”
เย่ฉูฉู่ยิ้มอย่างแง่งอนใส่เขาทีหนึ่ง
จ้าวเหวินเทาเองก็หิวจริง ๆ คืนนี้เขารับประทานสาลี่แช่แข็งไปเล็กน้อย นอกนั้นก็ไม่ได้รับประทานอะไร
เกี๊ยวหนึ่งจานที่อยู่ตรงหน้าหายวับไปกับตา แต่ก็ไม่มีเหรียญปรากฏออกมาแม้แต่เหรียญเดียว
เย่ฉูฉู่รับประทานเกี๊ยวไปหนึ่งจาน ก็ไม่มีเช่นกัน
ทั้งสองคนจึงทำเกี๊ยวอีกสองจาน เริ่มรับประทาน ในที่สุดคราวนี้ก็กินโดนเหรียญแล้ว
เย่ฉูฉู่คายเหรียญห้าเฟินออกมาหนึ่งเหรียญ
“ภรรยาของผมมีโชค!” จ้าวเหวินเทารีบส่งคำอวยพรในทันที
“โชคของฉันก็คือโชคของสามีค่ะ” เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อมอวยพรกลับไป
สองสามีภรรยากินต่อไปได้ไม่นานเย่ฉูฉู่ก็รับประทานโดนเหรียญอีกหนึ่งเหรียญ
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ กล่าวว่า “คุณดูสิ ผมไม่มีโชคลาภเลยจริง ๆ โชคลาภไปอยู่บนตัวของภรรยาหมดแล้ว ภรรยาผมนำพาโชคลาภมาให้สามีขนาดนี้เลย!”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุณกินเยอะ ๆ ก็กินโดนเหรียญแล้ว แต่อย่ากินให้จุกล่ะ นี่ก็ดึกแล้วด้วย”
“นี่เกี๊ยวเจนะ หลังเที่ยงคืนผมยังต้องนั่งเฝ้ากะดึกอีก ไม่จุกหรอก” จ้าวเหวินเทายิ้มขณะรับประทานต่อไป
เพียงครู่หนึ่ง จ้าวเหวินเทาก็กินโดนเหรียญหนึ่งเหรียญ
“ภรรยาจ๋า ผมเองก็เป็นคนมีโชคลาภแล้ว” จ้าวเหวินเทายกเหรียญขึ้นมาให้ภรรยาดู กล่าวอย่างมีความสุข
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “หลังจากนี้คุณคงกินไม่โดนแล้วล่ะ”
ผลลัพธ์ที่ได้คือในจำนวนเหรียญหกเหรียญ เย่ฉูฉู่กินโดนไปห้าเหรียญ ส่วนจ้าวเหวินเทากินอิ่มจนขึ้นไปเอนตัวบนเตียงเตาพลางแค่นเสียงในลำคอ เขารับประทานโดนแค่หนึ่งเหรียญเท่านั้น
“ช่วยไม่ได้ ภรรยาของผมเป็นผู้นำโชคลาภมาให้สามี ผมกินไม่โดนก็ไม่เป็นไรหรอก ภรรยากินโดนก็เท่ากับผมได้เหมือนกันนั่นแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ตอนข้ามปีคุณก็กินแบบนี้เหรอ?”
จ้าวเหวินเทาตบท้องพลางกล่าว “ก่อนหน้านี้เหรอ เกี๊ยวมีจำนวนจำกัด ยังไม่ทันอิ่มก็หมดแล้ว”
การใช้ชีวิตมาจนถึงปีนี้ที่เขาตบแต่งภรรยาเพิ่งจะมีชีวิตที่มีความสุขแบบนี้ ปีที่แล้วไม่ได้รับประทานแบบนี้จริง ๆ
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “การใช้ชีวิตจะดีขึ้นทุกทุกปี พวกเราสามารถกินเกี๊ยวจนอิ่มได้ทุกปีเลยค่ะ”
จ้าวเหวินเทาจับมือนุ่ม ๆ ของภรรยา กล่าวว่า “ถูกต้อง ชีวิตของพวกเราจะดีขึ้นทุกทุกปี โชคของพวกเราก็จะมากขึ้นทุกทุกปีเช่นกัน!”
เขารู้สึกว่าภรรยาของตนเองคือผู้นำโชคลาภมาให้สามีจริง ๆ หลังจากแต่งภรรยาเข้ามา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด
ปีนี้ไม่เพียงแต่จะมีภรรยา แต่ยังมีลูกตัวน้อยด้วย แม้แต่เงินก็เก็บได้ตั้งหลายร้อยหยวน
นี่เป็นเรื่องที่เขาในปีที่แล้วจะกล้าคิดเหรอ?
ปีที่แล้วแม้แต่จะคิดยังไม่กล้าคิดเลย แต่ปีนี้จ้าวเหวินเทากลับสามารถอยู่กับลูกเมียบนเตียงเตาร้อน ๆ ได้แล้ว ทั้งยังมีชีวิตแบบซ้ายมือมีไก่หนึ่งตัวขวามือมีเป็ดหนึ่งตัวด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ บนโต๊ะอาหารของบ้านพี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวก็เกิดขึ้นแล้ว แต่บ้านของพวกเขาคึกคักกว่าทางฝั่งจ้าวเหวินเทา เพราะมีเด็ก ๆ มาก
เด็ก ๆ ต่างก็กระตือรือร้นและตั้งตารอคอยที่จะได้รับประทานเกี๊ยวที่มีเหรียญเป็นอย่างมาก
รับประทานไม่โดนไม่ได้ ซึ่งคนเป็นแม่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องแอบนำเกี๊ยวของตัวเองใส่ลงไปในถ้วยของพวกเด็ก ๆ
จากนั้นก็พูดว่า ดูสิ ลูกกินโดนหรือยัง? ลูกชายของแม่หรือลูกสาวของแม่เป็นผู้โชคดีจริงๆ!
พวกเด็ก ๆ ดีใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองได้เป็นผู้มีโชคลาภ ทำให้ความรู้สึกของหนึ่งปีก็ดีตามไปด้วย หากเจอเรื่องที่ไม่สบายใจทำให้ทุกข์ใจ ก็จะนึกถึงเหรียญในช่วงข้ามปี ว่าปีนี้พวกเขาก็ได้รับพรแล้ว!
พ่อกับแม่เห็นลูก ๆ ดีใจมีความสุขก็รู้สึกดีใจมีความสุขมากกว่าตัวเองรับประทานโดนเหรียญเองเสียอีก
เกี๊ยวข้ามปีในมื้อนี้ พ่อและแม่ต่างก็แสดงออกถึงความรักและเมตตาเหล่านั้น
ปีก่อน ๆ คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวก็แอบใส่เหรียญให้พวกเด็ก ๆ แบบนี้ แต่ปีนี้ไม่ต้องแล้ว ผู้สูงวัยทั้งสองเองก็รับประทานโดนเหรียญเช่นกัน
คุณแม่จ้าวรับประทานโดนก่อน คุณพ่อจ้าวจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเองก็เป็นคนโชคดี”
คุณแม่จ้าวยิ้ม “พวกเราต่างก็เป็นคนโชคดี!”
คุณพ่อจ้าวเองก็แย้มยิ้ม
ลูกหลานเต็มบ้าน ทั้งยังได้รับประทานเกี๊ยวแป้งขาว และส้มกระป๋องอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าโชคดีแล้วอะไรกันที่เรียกว่าโชคดี?
หลังจากรับประทานเกี๊ยวเสร็จแล้วก็ไม่ได้ล้างจาน แค่นำไปวางแช่น้ำไว้ด้านนอกห้องก็พอแล้ว หลังจากรับประทานอาหารในช่วงส่งท้ายปีเก่าจะไม่ทำความสะอาด ความหมายนี้ก็คือเหลือความโชคดีไว้ และเหลือไว้จนถึงเช้าวันที่หนึ่งของปี
เวลาที่เหลืออยู่คือการอยู่ข้ามคืน มองไฟที่อยู่ในเตาขนาดใหญ่ด้านนอกอย่าให้มอดดับ จนกระทั่งฟ้าสว่าง ไฟดับแล้วก็พักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นคนที่มาสวัสดีปีใหม่ก็จะมาหาถึงบ้าน
คนที่อยู่ในหมู่บ้านแทบจะมีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติทั้งหมด ครอบครัวและตระกูลของตัวเอง เหล่าลูกหลานก็จะมาสวัสดีวันปีใหม่ผู้อาวุโส รวมถึงเดินทางไปบ้านของกันและกันเพื่ออวยพรวันปีใหม่
สรุปได้ว่า วันอวยพรปีใหม่ก็คือวันที่หนึ่งของวันนี้
เด็ก ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขายุ่งยิ่งกว่า อวยพรปีใหม่นี้พวกเขาต่างก็ยินดีที่จะทำ อย่างแรกคือมีอั่งเปา ต่อให้ไม่มีก็จะได้รับลูกอมหรือเมล็ดแตงอร่อย ๆ ส่วนหนึ่งมา
ไม่เช่นนั้นวันที่พวกเด็ก ๆ ชอบมากที่สุดจะเป็นวันปีใหม่ได้อย่างไรกันล่ะ?
ตอนเช้านำเกี๊ยวฉลองข้ามปีมาอุ่นนิดหน่อย หลังจากกินเสร็จแล้ว เจ้าต้านและเจ้าหยาทั้งหลายก็วิ่งออกไปรวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ
จากนั้นก็ไปตะโกนโหวกเหวกเพื่ออวยพรวันปีใหม่
พี่รองจ้าวตะโกนเรียกพี่สามจ้าว พี่สี่จ้าว และจ้าวเหวินเทาให้ไปอวยพรวันปีใหม่เหล่าอาวุโสที่เป็นญาติภายในหมู่บ้าน
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวก็ไปอวยพรปีใหม่ถึงบ้านด้วยเช่นกัน มีแค่พี่สะใภ้สี่และเย่ฉูฉู่ที่ตั้งครรภ์ จึงอยู่รอที่บ้าน
เย่ฉูฉู่ยังดีหน่อย ตรงที่ปีที่แล้วเพิ่งจะตบแต่งเข้ามา นอกจากเฮ่อซงจือที่มีความสัมพันธ์เป็นอันดีแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่พิเศษอะไร
แต่พี่สะใภ้สี่แอบอัดอั้นตันใจเล็ก ๆ สหายที่อยู่ข้างนอกมีมากมายจะตายไป แต่ด้านนอกถนนลื่น หากลื่นล้มหน้าคะมำขึ้นมาคงไม่สนุกแน่
ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากรออยู่ในบ้าน
หล่อนเองก็คิดอยากจะพูดคุยกับเย่ฉูฉู่ด้วย
แต่เย่ฉูฉู่ไม่ได้คิดจะคุยกับหล่อนขนาดนั้น เพราะทุกครั้งที่คุยกับพี่สะใภ้สี่ หล่อนก็เอาแต่พูดเกี่ยวกับลูกชายอยู่ตลอด
ยกตัวอย่างเช่น “น้องสะใภ้หก ภาพวาดปีใหม่รูปเด็กผู้ชายที่เธอให้ฉันวันนั้น ฉันฝันถึงด้วยนะ ฝันว่าเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนนั้นตะโกนเรียกฉันว่าแม่ ทำเอาฉันมีความสุขเชียวล่ะ ไม่ใช่เรื่องที่เจอได้ง่าย ๆ เลยจริง ๆ!”
เย่ฉูฉู่ “…”
พอเถอะ…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถือเป็นธรรมเนียมปีใหม่ที่สนุกสนานครื้นเครงอย่างหนึ่งเลยนะคะ แต่ก็แลกมาด้วยการนอนไม่พอ
ดีแล้วค่ะฉูฉู่ที่ไม่คิดอยากคุยกับพี่สะใภ้สี่ ไม่อย่างนั้นคงได้ยินเจ้าหล่อนโม้เรื่องลูกชายไปอีกนาน
ไหหม่า(海馬)