เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 142 สร้างบ้าน (2)
ช่วงนี้จ้าวเหวินเทาวิ่งเข้าเมืองเป็นหลายรอบ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบ้านชั้นเดียว ตึกอาคาร หอพัก หรืออาคารรูปแบบอื่น ๆ เขาก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ที่เขาตั้งใจจับตามองดูเพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดอยากจะสร้างบ้าน จะไม่ให้เขาจับตามองทางฝั่งนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?
เขาได้ฟังคำแนะนำจากผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีแผนในใจเกี่ยวกับการสร้างบ้านใหม่ของตัวเองมานานแล้ว เขาคำนวณอิฐจากแผนผังเขาวางไว้อย่างดี กำหนดไว้คร่าว ๆ ขนอิฐไปสองคันรถสี่ล้อ และให้โรงงานอิฐไปส่งที่บ้าน
การส่งของถึงบ้านก็ไม่ใช่การส่งให้เปล่า ๆ ทำแบบนี้ต้องให้เงินค่ารถอีก 1-2 หยวน แต่จ้าวเหวินเทากลับคิดว่ามันช่วยลดปัญหาได้ หากเขาขนอิฐสองคันรถไปบ้านด้วยตัวเองจะทำให้เสียเวลาขนาดไหนกัน?
รอจนกระทั่งน้องเขยเจรจากับโรงงานอิฐเสร็จ พี่ใหญ่เย่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนนี้ไม่มีใครซื้อเมล็ดพันธุ์แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนายยังยุ่งเรื่องอะไรอีก?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม พี่ใหญ่คนนี้เป็นคนซื่อจริง ๆ ทำการค้าขายจะขายแค่ของอย่างเดียวที่ไหนกันล่ะ
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ยังเป็นช่วงที่พืชผลยังไม่สุกแก่เต็มที่ก็จริง แต่ผักใบเขียวก็ยังขายได้ดี ผมลยนำเข้าผักใบเขียวมาขายนี่แหละ ระหว่างนั้นก็ยังมีเนื้อด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้มีแค่ต้นหอมและกุยช่ายที่เก็บได้แล้ว ผักกาดดอง ผักกาดขาว มันฝรั่งอะไรพวกนั้นที่อยู่ในฤดูหนาวก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว ที่สามารถกินได้ก็มีแค่หัวผักกาดดองเค็ม
แต่ต่อให้เป็นอาหารอันโอชะอย่างตับมังกรและถุงน้ำดีหงส์ก็ยังกินทุกวันไม่ลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหัวผักกาดดองเค็ม
แน่นอนว่าคนในชนบทไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ถึงอย่างไรก็เคยชินกับการกินไม่อิ่มมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของไม่อร่อย มีให้รับประทานก็พอแล้ว การเลือกกินเลือกดื่มถือว่าเป็นบาป
แต่คนในเมืองนั้นแตกต่างกัน พวกเขายังมีสิ่งที่แสวงหา หากสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้ พวกเขาก็คิดอยากมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
จ้าวเหวินเทามองเห็นถึงจุดนี้พอดี จึงรับซื้อผักสดมาจากหมู่บ้านไท่ผิง และขนเข้ามาในอำเภอ
ตอนนี้เขายุ่งจนมองไม่เห็นเงาแล้ว และเขาก็กำลังยุ่งกับงานนี้อยู่
แน่นอนว่ายังมีเนื้อด้วย ไช่ซื่อหู่ทางฝั่งนั้นในตอนนี้ก็มีงานส่วนตัวไม่น้อย ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ได้มาเล็กน้อยแค่ไม่กี่ชั่ง บางครั้งมากสุดก็ได้เนื้อมาหลายสิบชั่ง แถมยังเป็นเนื้อดี ๆ ทั้งหมด ทำให้จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าพวกเขาต้องมีช่องทางเป็นของตัวเอง
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากมายอะไร เขาก็แค่รับซื้อออกไปจากนั้นก็ขายทิ้ง ขายดีเป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ประจำ
ตอนนี้อากาศไม่หนาวจัดแล้ว และหิมะก็ไม่ตกแล้วด้วย ต่อให้ฝนจะตกก็ตกไม่หนัก และไม่กระทบต่อการขับรถ
หลังจากเริ่มค้าขายตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของปีที่แล้ว ตอนนี้เขาก็มีลูกค้าที่แน่นอน มีทั้งรายบุคคลและหน่วยงาน เรื่องช่องทางการขายจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
อีกอย่างหนึ่งนอกจากการรับซื้อผัก ก็ยังมีของป่าจากบนภูเขาด้วย
ยกตัวอย่างเช่นเห็ด ของเหล่านี้เป็นผลผลิตบนเขา เมื่อย้ายมาขายภายในเมือง ของเหล่านี้ก็ไม่เพียงแต่จะมีราคาขายในเมืองที่สูงเท่านั้น แถมยังมีเพียงไม่กี่คนที่ขาย ทำให้กำไรดีจนน่าตกใจ
นอกจากนี้ยังมีกระต่ายจากบนภูเขาด้วย
กระต่ายสืบพันธุ์เร็ว เพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนก็คลอดลูกออกมาแล้ว แม้ตอนนี้เขาจะยังเลี้ยงไว้ไม่มากพอ แต่จนถึงตอนนี้ก็ขายได้ 70-80 หยวนแล้ว นี่แค่ไม่กี่เดือนเองนะ? จริงๆ แล้วของสิ่งนี้ก็มีผลกำไรที่คนอื่นไม่เห็นอยู่เหมือนกัน
พี่ใหญ่เย่เห็นแค่ว่าจ้าวเหวินเทาใช้เงินมือเติบ แต่กลับไม่รู้เลยว่าช่องทางการหาเงินของจ้าวเหวินเทาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
ถ้าไม่มีความมั่นใจนี้ จ้าวเหวินเทาจะยอมเป็นหนี้เพื่อซื้ออิฐสร้างบ้านเหรอ? หรือจะให้เขาพึ่งพาเงินสนับสนุนจากแม่ยายจริง ๆ? หน้าเขาไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่างภรรยาของเขาก็ไม่มีทางยอมแน่นอน
กล้าขนอิฐนี้กลับไป เขาก็ต้องมีความมั่นใจอยู่แล้ว
แต่พี่ใหญ่เย่ไม่ใช่เย่หมิงเป่ย แม้จะทราบว่าพี่ใหญ่จะเป็นกังวลเรื่องเขา แต่จ้าวเหวินเทาก็ไม่สามารถเล่ารายละเอียดที่มากเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นหากให้อธิบายต่อก็คงจะยุ่งยากเกินไป จึงพูดแค่ว่าเขานำเข้าส่งออกผักใบเขียวและเนื้อ จากนั้นก็พูดอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ก่อนจะขับรถกลับบ้านไป
เพียงไม่นานเรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะสร้างบ้านก็เป็นที่รับรู้กันทั้งหมู่บ้าน
ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครเชื่อจริง ๆ ว่าเจ้าหกจ้าวคนไม่เอาถ่านคนนี้จะสร้างบ้าน ถึงอย่างไรการสร้างบ้านก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ!
ในวันเริ่มต้นเดือนห้า ซึ่งก็คือวันก่อนเทศกาลตวนอู่ รถบรรทุกสองคันจากโรงงานอิฐก็ขนย้ายอิฐมาส่งที่ลานบ้านของตระกูลจ้าวแล้ว
เรื่องนี้เป็นการยืนยันข่าวลือที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งหมู่บ้านถึงกับเกิดความโกลาหล!
ตอนนี้ใกล้จะถึงเทศกาลประจำเดือนห้าแล้ว ซึ่งก็คือเทศกาลตวนอู่
ทุกคนต่างก็ทำเวลากำจัดวัชพืช พี่รองจ้าวมีที่ดินเยอะ ปลูกข้าวฟ่างยี่สิบหมู่ แม้ว่าสองสามีภรรยาจะตื่นเช้ากลับดึก แต่ก็ยังถอนวัชพืชรอบแรกไม่เสร็จ
นี่ผ่านช่วงเที่ยงไปแล้ว ยังไม่เลิกงานกันเลย
ไม่เช่นนั้นจะมีคนพูดว่าทำการเกษตรเป็นเรื่องยุ่งยากเหรอ? มันเหน็ดเหนื่อยจริง ๆ!
“อ้าว เธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” ภรรยาของเหล่าหวังสามกินข้าวเที่ยงเสร็จก็กลับมาแล้ว เมื่อเห็นพี่สะใภ้รองจ้าวยังคงนั่งยอง ๆ ถอนวัชพืช หล่อนจึงเดินเข้ามาหา
พี่สะใภ้รองพูดโดยไม่เงยหน้ามอง “อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว เธอกินข้าวเสร็จแล้วเหรอ?”
“กินเสร็จแล้ว” ภรรยาเหล่าหวังสามกลับยังไม่ยอมไป แต่ยังพูดอีกว่า “เธอรู้รึยัง น้องสามีคนเล็กของเธอขนอิฐมาจะสร้างบ้านแล้วนะ!”
พี่สะใภ้รองจ้าวยังไม่ได้สติ “ใครจะสร้างบ้านแล้วนะ?”
“น้องสามีคนเล็กของเธอไง จ้าวเหวินเทา!” ภรรยาของเหล่าหวังสามกล่าวทันควันพลางพูดฉอดๆ ไปรอบหนึ่ง “เยี่ยมไปเลย เขาถึงกับสั่งอิฐสองคันรถบรรทุกมาจอดถึงบ้าน อิฐนั่นเป็นอิฐใหม่เอี่ยมทั้งหมดเลยด้วย ฉันเองก็ไปดูด้วยตาตัวเองมาแล้ว ยอดเยี่ยมจริง ๆ นั่นต้องใช้เงินหลายหยวนเลยมั้ง?!”
การเคลื่อนไหวของพี่สะใภ้รองจ้าวหยุดชะงักทันใด จากนั้นในหัวของหล่อนก็เต็มไปด้วย ‘น้องสามีคนเล็กสร้างบ้านแล้ว น้องสามีคนเล็กสร้างบ้านแล้ว!’
หล่อนลุกพรวดพราด ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็รู้สึกได้ว่าโลกหมุนวูบ จากนั้นภาพตรงหน้าก็ตัดเป็นสีดำ ก่อนจะล้มพับลงกับพื้น
“สวรรค์! สะใภ้รองเธอเป็นอะไรเนี่ย! พี่รอง สะใภ้รองเป็นลมไปแล้ว!” พี่สะใภ้รองจ้าวเป็นลมล้มพับอยู่ในนาแบบนั้น ทำเอาภรรยาของเหล่าหวังสามตกใจจนตะโกนเสียงดังลั่น
พี่รองจ้าวที่กำลังกำจัดวัชพืชอยู่ทางนั้นได้ยินเข้าก็รีบวิ่งมาหา จากนั้นทั้งสองคนก็รีบตบรีบตีคนละไม้คนละมือ จากนั้นก็หยิกพี่สะใภ้รองจ้าว เพื่อปลุกให้หล่อนตื่นขึ้นมา
“หล่อนอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว รีบกลับไปเถอะ” ภรรยาของเหล่าหวังสามเห็นใบหน้าของพี่สะใภ้รองจ้าวซีดเซียวอมเขียวจึงรีบกล่าว
ภายในใจก็พูดว่าโชคดีจริง ๆ ที่พี่รองจ้าวอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่อให้หล่อนกระโดดลงไปในแม่น้ำก็ไม่สามารถชำระล้างความผิดได้!
พี่รองจ้าวเองก็ตกใจแทบแย่แล้ว เขาเห็นปากของภรรยากำลังพึมพำแต่กลับพูดไม่ออก จึงรีบแบกหล่อนขึ้นหลังวิ่งกลับบ้านไป
เป็นเพราะภรรยาของเหล่าหวังสามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่สะใภ้รองจ้าว จึงช่วยประคองพี่สะใภ้รองตามกลับมาที่บ้านด้วย
หลังจากเข้ามาในหมู่บ้านก็เจอแม่เฒ่าหยางกำลังจะลงไปทำนาพอดี
ภรรยาเหล่าหวังสามรีบกล่าว “ป้าจ๊ะ รีบดูอาการให้สะใภ้รองหน่อยสิ”
แม่เฒ่าหยางเห็นท่าทางเช่นนี้ของพี่สะใภ้รองจ้าว จึงรีบกล่าวว่า “นี่เรื่องด่วนเลยนะ? รีบกลับบ้านเร็วเข้า!”
เรื่องด่วนเป็นภาษาถิ่นของพวกเขาทางนี้ ความหมายคือการที่จู่ ๆ คนรุ่นสาวก็เป็นลมล้มพับไป ถ้าเปลี่ยนเป็นคนแก่แล้ว การที่คนๆ หนึ่งจะมีอาการหน้ามืดแบบนี้เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้!
พี่รองจ้าวเองก็เอ่ยรัวเร็ว “ป้ามาดูให้หน่อยเถอะ!”
“ได้!” แม่เฒ่าหยางเองก็เป็นคนกระตือรือร้น นางจึงเดินตามพี่รองจ้าวเข้ามาในบ้าน
ตอนนี้สติของพี่สะใภ้รองจ้าวก็ค่อย ๆ กลับมาแล้ว หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอิดโรย “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ดูสีหน้าของเธอสิแย่ขนาดไหนแล้ว ยังบอกไม่เป็นอะไรอีก” แม่เฒ่าหยางกล่าว “รีบไปหาผ้ากับเข็มมา!”
พี่รองจ้าวจึงไปนำตะกร้าใส่อุปกรณ์เย็บผ้าในบ้านมา
ภรรยาของเหล่าหวังสามหยิบผ้าออกมาหนึ่งเส้น จากนั้นมัดไว้ที่ตำแหน่งใต้ท้องแขนของพี่สะใภ้รองจ้าวเล็กน้อย
แม่เฒ่าหยางใช้นิ้วโป้งกดลงบนตำแหน่งที่สูงกว่าท้องแขนของพี่สะใภ้รองจ้าวเล็กน้อย เมื่อยกมือขึ้นก็พบว่ามีเข็มหนึ่งเล่ม
ตอนที่เข็มถูกดึงออก เลือดสีดำหนึ่งหยดพลันผุดออกมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สะใภ้รองเป็นอะไรไป จู่ๆ ได้ยินว่าเหวินเทาจะสร้างบ้านก็เป็นลมไปเลย ไม่ใช่ว่าอิจฉาจนเป็นลมหรอกนะ
ไหหม่า(海馬)