เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 162 แม่ยายเอาไก่มาให้
“คุณพูดอะไรของคุณ? แต่งงานกับผมซวยตรงไหน ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณจะได้อยู่บ้านใหม่หลังนี้เหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะผม ทั้งคุณทั้งลูกจะได้กินหรูอยู่สบายเหรอ? ถ้าไม่ใช่ผม…”
พี่สะใภ้สามจ้าวพูดแทรกคำพูดยืดยาวของพี่สามจ้าว “ค่ะ ๆๆ แต่งงานกับคุณแล้วสุสานบรรพบุรุษแปดชั่วอายุคนของฉันคงเกิดเรื่องใหญ่ดี ๆ พอใจหรือยังคะ รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปทำนาอีก จะพูดมากมายขนาดนั้นไปทำไม!”
พี่สะใภ้สามจ้าวพูดหนึ่งประโยคอย่างเหลืออด ก่อนจะพลิกตัวเพื่อเข้านอน
พี่สามจ้าวกลับไม่มีความสุข “ยัยหญิงแก่พวกนี้นี่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ผมกำลังวางแผนว่าจะใช้ชีวิตให้ดีได้ยังไงอยู่ คุณนี่ดีจริง ๆ เอาแต่นอน ทำอย่างกับชีวิตนี้มีแค่ผมคนเดียวอย่างนั้นแหละ!”
พี่สะใภ้สามจ้าวกลับไม่สนใจเขา หล่อนนอนหลับไปแล้ว
พี่สามจ้าวจึงคิดกับตัวเอง เขาคิดว่าเจ้าหกคงได้เงินมานิดหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นหากขาดแคลนเงินก็ไม่สามารถที่จะดึงเงินออกมามากมายขนาดนั้นได้ เขาหาเงินได้อย่างไรกันนะ เลี้ยงกระต่ายเหรอ?
พูดถึงตรงนี้พี่สามจ้าวก็เริ่มใจเต้นขึ้นมา จริงสิ เจ้าหกเลี้ยงกระต่ายได้ เขาเองก็เลี้ยงได้เหมือนกัน เจ้าสิ่งนี้กินแค่หญ้าเอง
พอดีเลย ตอนนี้อากาศร้อนไม่สามารถทำเต้าหู้ได้ พวกเด็ก ๆ ก็ว่างอยู่ ให้พวกเขาจึงไปเก็บหญ้าบนเขามาให้กระต่ายกิน ถูกต้อง ทำตามนี้แหละ!
ต้องยอมรับว่าพี่สามจ้าวใจเต้นเพราะบ้านใหม่ของจ้าวเหวินเทาแล้ว
กำแพงบ้านสีขาวหิมะ พื้นบ้านสีแดงสด ไหนจะเครื่องทำความร้อนใหม่เอี่ยมเงาวับนั่นอีก ดีขนาดไหนกันนะ?
ย้อนกลับมาดูบ้านหลังนี้ของเขาอีกครั้ง จากเดิมที่คิดว่าสวยงาม ผลลัพธ์เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว บ้านใหม่ของเขาดูไม่จืดเลย!
เขาจึงกลั้นใจ ปีหน้าเขาเองก็จะทำให้บ้านเป็นแบบนั้นเหมือนกัน!
หลังจากพี่รองจ้าวและพี่สามจ้าวสร้างบ้านใหม่แล้ว พวกเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านกันก่อน
ตอนนี้จ้าวเหวินเทาเองก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่แล้ว บ้านตระกูลจ้าวจึงเหลือแค่คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าว รวมถึงบ้านของพี่สี่จ้าว
สถานที่จึงกว้างขวางขึ้นไม่น้อยเลยจริง ๆ
พี่สะใภ้สี่จ้าวบอกให้พี่สี่จ้าวนำของที่พังแล้วย้ายไปอยู่ในห้องพี่รองจ้าวและพี่สามจ้าว ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะกลายเป็นอาณาเขตของพวกเขาไปแล้ว
พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงเกิดแผนขึ้นมา “พ่อของลูก คุณคิดว่าหลังพี่รอง พี่สามแล้วก็น้องหกย้ายออกไปหมดแล้ว บ้านหลังนี้ก็เป็นของพวกเราแล้วใช่ไหมคะ?”
“คิดอะไรของคุณ บ้านหลังนี้เป็นของพ่อกับแม่ จะเป็นของพวกเราได้ยังไง” พี่สี่จ้าวพูดด้วยท่าทางงุนงง
“เป็นของพ่อกับแม่นั่นแหละ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ใช่ แต่อนาคตล่ะ? บ้านหลังนี้จะเป็นของใคร?” พี่สะใภ้สี่จ้าวคิดไปไกลแล้ว
“พ่อกับแม่เตรียมที่ดินไว้ให้พวกเราแล้วเหมือนกัน คุณยังอยากได้ที่นี่เหรอ?” พี่สี่จ้าวกล่าว “บ้านหลังนี้พ่อกับแม่อยากให้ใครก็ให้คนนั้นแหละ”
“ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ถ้างั้นก็ต้องเป็นของน้องหกแล้วแหละ” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พ่อกับแม่รักน้องหกมากกว่า ถึงเวลานั้นต่อให้น้องหกใช้ชีวิตได้ไม่ดีมากกว่านี้ ติดหนี้ก้อนโต งั้นบ้านหลังนี้ก็ต้องถูกยึดเพราะต้องใช้หนี้น่ะสิ?”
“อืม บางทีอาจจะขายคุณเพื่อใช้หนี้ด้วย” พี่สี่จ้าวสำลักไปหนึ่งประโยค ภรรยาของเขาช่างคิดมากจริง ๆ เจ้าหกกล้าทำแบบนั้นก็ต้องมีปัญญาคืนอยู่แล้ว อีกอย่างไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่มีทางที่จะเอาบ้านหลังนี้ไปใช้หนี้อยู่ดี เอาไปใช้หนี้แล้วพ่อกับแม่จะอยู่ที่ไหน?
“ดูท่าทางตายด้านนั้นของคุณสิ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณนอนเถอะ ลูกชายของเราควรพักผ่อนแล้ว” พี่สี่จ้าวไม่อยากรับมือกับหล่อนแล้ว จึงพูดออกมา
นี่เป็นวิธีที่ดี เพราะทำให้พี่สะใภ้สี่จ้าวเงียบลงในทันใด
เพียงแต่ภายในใจกำลังคิดอยู่ว่าพวกเขาจะออกไปสร้างบ้านกันดีไหมนะ? หรือว่าจะอยู่ที่นี่ตลอดไปรอจนวันนั้นที่พ่อแม่สามีไม่อยู่แล้ว?
ถ้าอยู่จนถึงตอนนั้น บ้านหลังนี้ก็จะเป็นของพวกเขาแล้วสินะ?
ถึงอย่างไรคนอื่น ๆ ก็ย้ายออกไปแล้ว หรือว่าคนพวกนั้นจะย้ายกลับมาอยู่ในบ้านหลังเล็กแห่งนี้กับพวกเขา?
ถ้าเป็นแบบนี้ ครอบครัวของหล่อนก็คงถูกเอาเปรียบจริง ๆ แล้ว
เพราะถ้าปรับแต่งบ้านให้ดีและเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็ไม่ต้องสร้างบ้านใหม่แล้ว!
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวไม่ได้ทราบถึงความคิดต่าง ๆ นานาของบรรดาลูกชายและลูกสะใภ้ สิ่งเดียวที่ทราบก็คือ บ้านของลูกชายคนเล็กหลังนั้นดีขนาดนั้น ทำให้ติดหนี้ไปไม่น้อย ทั้งยังทำให้ขาดแคลนเงินอีกมากด้วย
“ไม่ต้องกังวลแล้ว เขาจะเป็นพ่อคนแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว” คุณพ่อจ้าวได้ยินคุณแม่จ้าวพูดแบบนี้ จึงกล่าวปลอบใจ “ตอนนี้คุณยังมีชีวิตอยู่ ถ้าคุณตายขึ้นมาล่ะ ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปได้เหรอ?”
“ตอนนี้ก็ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ” คุณแม่จ้าวพูดพลางถอนหายใจ “ฉันเองก็รู้ว่าเป็นกังวลไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าลูกคนนี้นับวันก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“ต่อให้กล้าหาญมากกว่านี้เขาก็มีแผนในใจ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ เขาก็ยังมีของพวกนั้นที่เก็บได้อีกตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีปัญญาจ่ายคืนอีก?” คุณพ่อจ้าวไม่ได้กังวลใจมากมายอะไร
“ก็จริงนะคะ” คุณแม่จ้าวลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อถูกเตือนถึงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลูกชายให้สร้อยข้อมือเงินกับนางหนึ่งเส้นด้วย ส่วนของชิ้นอื่น ๆ คาดว่าก็คงมีราคาสูงมาก ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายจริง ๆ ก็ยังมีของเหล่านี้อยู่
สองสามีภรรยาเล็กที่อยู่ในบ้านใหม่ไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตเลย
พวกเขารับประทานอาหารค่ำ จากนั้นก็นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
ลูกลิงเองก็กินและดื่มจนอิ่มแปล้แล้ว มันจึงนอนขาชี้ฟ้าอยู่ในบ้านของตัวเอง มันก็นอนหลับสนิทเช่นกัน จากนั้นคนสองคนและลิงอีกหนึ่งตัวก็นอนหลับจนฟ้าสว่าง
จ้าวเหวินเทารับประทานอาหารเช้าแล้วก็ขับรถออกไป
ส่วนเย่ฉูฉู่นำเยียนจือแบบครีมที่เธอทำไว้อย่างดีออกมาแต่งหน้าอยู่ตรงหน้ากระจก ในตอนนี้คุณแม่เย่ก็หิ้วไก่ที่ทำความสะอาดไว้อย่างดีมาหนึ่งตัว
“แม่ มาได้ยังไงคะเนี่ย?” เย่ฉูฉู่ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้พวกเขาพักอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน จึงใกล้กับบ้านแม่ขึ้นมาอีกหนึ่งก้าว
“ช้าหน่อย” คุณแม่จ้าวรีบเดินเข้ามาประคองเย่ฉูฉู่ไว้ “อย่าล้มเชียวล่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ”
“แม่ ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็พอจะรู้ดี รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่ประคองแขนของแม่เพื่อให้เข้ามาด้านใน “แม่ เอาไก่มาทำไมเนี่ย ใหญ่ขนาดนี้ฉันกินไม่หมดหรอก อากาศแบบนี้ถ้ากินไม่หมดก็คงเน่าเสีย”
คุณแม่เย่เดินเข้ามาพลางกวาดสำรวจภายในบ้าน ดูแค่จากข้างนอกนางก็พึงพอใจมากแล้ว พอได้เข้ามาเห็นในบ้าน ยิ่งทำให้นางพึงพอใจเข้าไปใหญ่
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว จึงกล่าวว่า “แกกินไม่หมดก็ยังมีเหวินเทาไม่ใช่เหรอ ออกไปทำงานนอกบ้าน ก็ต้องได้กินของบำรุงดี ๆ หน่อย”
“ก็ได้ค่ะ รอให้เขากลับมาฉันจะบอกเขาให้ ว่าแม่ยายของเขาเอาไก่มาให้เขาอีกแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่เย่เองก็อารมณ์ดีมาก กล่าวว่า “พาแม่ไปดูรอบ ๆ หน่อย”
“เรื่องนี้จะขาดได้ยังไงกันล่ะคะ ฉันต้องพาแม่ไปดูรอบ ๆ อยู่แล้ว” เย่ฉูฉู่ยิ้ม “จริงด้วย พ่อไม่ได้มากับแม่เหรอ”
“พ่อแกไม่ว่างอยู่แล้ว ในนายังมีงานให้ทำตั้งเยอะแยะขนาดนั้น” คุณแม่เย่กล่าว ระหว่างที่ดูบ้านใหม่ของลูกสาวและลูกเขย นางก็เอ่ยปากชมไปพลาง “บ้านหลังนี้ใครให้ทำแบบนี้เหรอ? เก็บกวาดได้ไม่เลวเลยจริง ๆ เหมือนกับสวนดอกไม้ในตำราเลย ชีวิตชนชั้นนายทุนน้อยของจริง ถ้าพี่สะใภ้สามของแกได้เห็น ต้องชอบบ้านหลังนี้ของพวกแกแน่นอน”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ดีสิ ไร้ที่ติเลย” คุณแม่เย่พยักหน้า ไม่มีที่ติจริง ๆ ดีมากเลย
“แกดูก๊อกน้ำพวกนี้สิ มีก๊อกน้ำนี้หลังจากนี้ทำอะไรก็สะดวกแล้ว” คุณแม่เย่กล่าว
คุณแม่เย่เป็นคนมีประสบการณ์ แค่ได้มองก็เห็นความสะดวกสบายของบ้านหลังนี้ทันที โดยเฉพาะก๊อกน้ำ นี่คือของดีเลยล่ะ!
แม้ตอนนี้ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง แต่หมู่บ้านไท่ผิงทางฝั่งนั้นก็มีไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว ไฟฟ้าทางฝั่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้นแหละ
ถึงเวลานั้นถ้าค่อยมาติดตั้งก็จะยุ่งยากแล้ว ตอนนี้ใช้โอกาสทำพร้อมกับบ้านใหม่ ติดตั้งมันพร้อมกันเสียเลย!
นอกจากก๊อกน้ำแล้ว เครื่องทำความร้อนนี้ก็ไม่เลวเลย ทั้งสะอาดและอบอุ่น!
ตอนที่นางเข้าอำเภอก็เคยเห็นมาก่อน นี่เป็นของดีอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรผู้หญิงก็กลัวความหนาว เมื่อถึงฤดูหนาวก็รู้สึกเป็นทุกข์แล้ว มีเครื่องทำความร้อนแล้วจะรู้สึกดีขึ้นมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะเลี้ยงกระต่ายตามเจ้าหกเหรอคะพี่สาม ลงทุนดี ๆ นะคะ ทำตามทั้งที่ไม่มีความรู้จะเสี่ยงเจ๊งเอานะคะ
พี่สี่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังเมียอะ
ไหหม่า(海馬)