เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 169 ความสำคัญของฝีปาก
ไม่ต้องสนใจหรอกว่าทำไมจู่ ๆ เจ้าหกถึงได้ใจดีแบ่งปันเรื่องนี้ แต่พี่สามจ้าวคิดว่านี่เป็นช่องทางในการทำเงิน ในเมื่อเป็นเส้นทางทำเงิน ถ้าเช่นนั้นก็สามารถลองดูได้
“พี่สามไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะต้องหากระต่ายดี ๆ มาให้พี่แน่นอน กระต่ายตัวผู้ตัวเดียวเหนื่อยแย่ ยังไงก็ต้องสองตัวนะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนได้ยินก็หัวเราะออกมา บรรยากาศจึงเกิดความครึกครื้น
“น้องหก พวกเราก็จะเลี้ยงสี่คู่เหมือนกัน เหมือนกับน้องสามเลย!” พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นว่าพี่สามจ้าวคิดจะเลี้ยงจริง ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ขาดแคลนเงินเพราะตัวเองไปสร้างบ้าน ก็รีบพูดออกมา
พี่สี่จ้าวเห็นว่าพี่ชายทั้งสองคนคิดจะเลี้ยงกระต่าย นี่คือการสนับสนุนน้องชายเลยนะ
เขาเองก็ไม่สามารถยืนมองอย่างเดียวได้ จึงพูดว่า “ฉันขอกระต่ายหกคู่ เจ้าหก นายเลือกกระต่ายตัวผู้กับตัวเมียให้ฉันเลย!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดกระซิบ “หกคู่ไม่มากไปหน่อยเหรอ คู่เดียวก็คลอดลูกออกมาได้ 200-300 ตัวแล้ว หกคู่จะไปมีสถานที่เลี้ยงขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
“ก็เลี้ยงไปด้วยขายไปด้วยสิครับ รอให้มันโตก่อน ก็ขายไปทีละชุดได้” จ้าวเหวินเทากล่าว จากนั้นก็ถามว่า “แน่ใจแล้วใช่ไหม ถ้าแน่ใจผมจะได้จดชื่อไว้”
“แน่ใจ!” พี่สะใภ้สี่กัดฟันกล่าว
“ตกลง!” จ้าวเหวินเทาจดบันทึกลงในกระดาษ “มีใครอยากจะเลี้ยงอีกไหม?”
ทุกคนเห็นว่าพี่ชายของจ้าวเหวินเทาอยากจะเลี้ยงทั้งหมด อีกฝ่ายเป็นพี่น้องแท้ ๆ อยากจะเลี้ยงก็พอจะเข้าใจได้ แต่พวกเขาเป็นคนนอก จึงแอบเกิดความลังเล
ในตอนนี้ชุยต้าก็พูดขึ้นว่า “พี่หก ถ้าเลี้ยงแล้วขายไม่ออกจะทำยังไง?”
“ถูกต้อง ถ้าขายไม่ออกจะทำยังไง?” พี่สามจ้าวพูดตาม เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!
“ถูกต้อง ๆ ๆ เกือบจะถูกนายหลอกเข้าแล้ว แล้วถ้าขายไม่ออกจะทำยังไง?” พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบถาม
คนอื่น ๆ ก็ทยอยถามคำถามใหญ่นี้เช่นกัน
เมื่อเทียบกับการขายออกไป เรื่องอื่นสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่การที่จะขายได้หรือเปล่านี่สิที่เรียกว่าเรื่องใหญ่!
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คำถามของชุยต้าดีนะ ถึงเวลานั้นเมื่อกระต่ายโตแล้ว พวกคุณก็สามารถเอาไปขายเองได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนมาด่าว่าผมเอาเปรียบพวกคุณ แต่ถ้าเชื่อใจจ้าวเหวินเทาคนนี้ หากขายไม่ออกขึ้นมาจริงๆ ผมจะรับซื้อไว้เอง ยึดตามลักษณะภายนอก แต่ผมต้องการกระต่ายตัวเป็น ๆ ที่ร่างกายแข็งแรง ถ้าป่วยออด ๆ แอด ๆ ผมไม่รับนะ ขอพูดเตือนทุกคนไว้ก่อนเลย พวกคุณจะได้มีแผนในใจกันด้วย”
“แต่ถ้าถูกนายหลอกขึ้นมาจะทำยังไง ถึงเวลานั้นถ้านายไม่รับกระต่ายของพวกเราล่ะ?” สะใภ้จ้วงกล่าว
จ้าวเหวินเทาพูดอย่างใจกว้าง “พวกเราสามารถเซ็นสัญญาร่วมกันได้ ถ้าผมไม่รับกระต่ายที่ร่างกายแข็งแรงและถูกเลี้ยงดูจนตัวใหญ่เต็มวัยของพวกคุณ พวกคุณก็ไปฟ้องศาลเรื่องที่ผมไม่รักษาสัญญาได้เลย ถึงเวลานั้นผมจะยอมจ่ายชดเชยให้แม้ว่าจะล้มละลายก็ตาม!”
ชุยต้ายิ้ม “ดูพี่หกพูดเข้าสิ ใครจะไปฟ้องพี่ ผมเชื่อพี่ ไม่ต้องเซ็นสัญญาหรอก!”
“ไม่ได้ ต้องเซ็นสัญญา นี่เป็นเรื่องปกติ” จ้าวเหวินเทายืนกราน
คนเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งที่มาสินค้าของเขาหลังจากนี้ จะไม่เซ็นสัญญาได้อย่างไรกัน? ต้องเซ็นสิ!
“ตกลง ผมเชื่อพี่หก งั้นผมขอเลี้ยงด้วย ผมขอหกตัวแล้วกันนะ หก-หกหมายถึงสำเร็จราบรื่นยิ่ง! ขอให้โชคดี” ชุยต้ากล่าว
“ตกลง!” จ้าวเหวินเทาจดบันทึก
“พี่หก แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงิน ขอติดไว้ก่อนได้ไหม?” ชุยต้าพูดอีกครั้ง
“ติดไว้ก่อนก็ได้!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ “แต่พูดอย่างเดียวมันก็ดูน่าเกลียดเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามหลัง หากติดเงินไว้ก็ต้องเซ็นสัญญาด้วยนะ แล้วก็ต้องเอาของมาเป็นหลักค้ำประกันด้วย ถึงเวลาถ้านายไม่ให้เงินฉันขึ้นมา ให้ฉันควักกระเป๋าตัวเอง แบบนั้นฉันไม่ทำหรอก!”
“ดูพี่หกพูดเข้าสิ ผมดูเป็นคนแบบนั้นเหรอ? ตกลง เซ็นสัญญาก็ได้ ของที่ใช้เป็นหลักค้ำประกันใช้เป็นข้าวได้ไหม?” ชุยต้ากล่าว
“ได้!” จ้าวเหวินเทาตอบตกลง ในชนบทก็ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นอยู่แล้ว
พ่อของชุยต้าร้อนใจ เขาจับแขนลูกชายพลางกล่าว “แกทำอะไรของแกเนี่ย ทำไมถึงเอาข้าวไปเป็นหลักค้ำประกัน!”
ชุยต้าพูดอย่างหงุดหงิด “พ่อไม่ต้องมายุ่งหรอก นี่เป็นเรื่องของผม!”
“นี่แกวอนหาที่ตายสินะ!” พ่อของชุยต้าพูดด้วยความโกรธ
“เหอะ ถ้าไม่มีผมที่จัดการให้ในปีนี้ ทั้งบ้านคงได้หิวตายไปนานแล้ว!” ชุยต้าตอกกลับไป
“ฉันสนับสนุนพี่ให้เลี้ยงกระต่ายนะ!” เหล่าชุยรองพูดหนึ่งประโยค เมื่อเห็นว่าพ่อถลึงตาใส่ ก็รีบหดหัวไปซ่อนหลังพี่ชายของเขา
“ไอ้ลูกเนรคุณ พวกแกสองตัวมันเนรคุณ!” พ่อชุยต้ากระทืบเท้าพร้อมกับก่นด่า
อาชุยรองที่เป็นน้องชายของเขาจึงพูดโน้มน้าวว่า “พี่ใหญ่ นี่เป็นการค้างจ่ายนะ ไม่ได้ควักเงินออกไปทันทีสักหน่อย ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว”
พ่อของชุยต้าเชื่อฟังน้องชายของตัวเองที่สุด เขาจึงหยุดด่าทันที “ไม่เสียหายจริงเหรอ?”
“จริงสิ พี่เชื่อฉัน เลี้ยงเถอะ ฉันเองก็จะเลี้ยงสามสี่ตัวเหมือนกัน ถึงเวลานั้นพี่ช่วยฉันดูก็แล้วกัน” อาชุยรองกล่าวขณะมีแผนในใจ
พ่อชุยต้ารีบพยักหน้า “ได้!”
ทุกคนเห็นก็พากันดูถูกอาชุยรอง นี่เป็นการใช้งานพี่ชายตัวเองแบบเปล่า ๆ อีกแล้ว คอยดูเถอะ ให้พ่อชุยต้าช่วยเลี้ยงกระต่าย ถึงเวลานั้นเงินสักหยวนก็คงไม่ให้!
พ่อของชุยต้าคนนี้เป็นคนมีตาแต่หามีแววไม่ ใจร้ายกับลูกชายตัวเอง แต่ใจดีกับน้องชาย เป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้ภรรยาของเขาโกรธแทบตาย ชีวิตของครอบครัวตัวเองก็แย่ลงทุกวัน จะกินจะดื่มยังต้องไปขอเขากิน ตอนนี้ลูกชายสองคนก็เกือบจะหนีไปเพราะความโกรธอยู่แล้ว น้องชายของเขามีลูกมีเมียมีเตียงอุ่นให้นอน ชีวิตเฟื่องฟูดีวันดีคืน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่!
เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ชายน้องชาย พวกเขาเป็นคนนอกเข้าไปยุ่งก็ไม่ดีนัก
พอมีชุยต้าเป็นคนนำ ทุกคนก็แสดงออกว่าจะเลี้ยงกระต่ายด้วย
น้อยสุดคือสองตัว มากสุดคือหกตัว ไม่มีใครกล้าเลี้ยงเยอะ แต่แค่นำมารวม ๆ กันก็เป็นหลายร้อยตัวแล้ว แน่นอนว่ามีบางคนเป็นแค่ผู้ชม
จ้าวเหวินเทาใช้โอกาสที่ทุกคนเห็นด้วย รีบตีเหล็กตั้งแต่ตอนที่ยังร้อน หยิบสัญญาออกมาให้ทุกคนเซ็นชื่อ
เลขาเห็นทุกคนตอบรับกันอย่างดี ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลายปีแล้วที่ในหมู่บ้านไม่ได้ทำเรื่องใหญ่แบบนี้ เลขาจึงแอบนอนไม่หลับอยู่เหมือนกัน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปที่สำนักงานการไฟฟ้าเพื่อหารือเกี่ยวกับการปล่อยกระแสไฟฟ้า
คนในหมู่บ้านของเขาต้องการรวมตัวกันเพื่อเลี้ยงกระต่าย เรื่องใหญ่แบบนี้ จะไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้อย่างไรกันล่ะ?
เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้ามาจะทำอะไรก็สะดวก ต้องมีไฟฟ้าใช้สิ
จ้าวเหวินเทารับประทานอาหารเช้าแล้ว เขาพูดกับเย่ฉูฉู่ว่า “ภรรยา คุณรอผมอยู่ที่บ้านนะ”
“คุณไปทำธุระของคุณให้เต็มที่เถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันอยู่บ้านไม่มีอะไรต้องกังวล” เย่ฉูฉู่กล่าว
เมื่อคืนเธอไม่ได้ไปร่วมประชุมเพราะหลับไปก่อนแล้ว ท้องใหญ่แบบนี้ทำให้ง่วงง่ายมาก
จ้าวเหวินเทาจึงขับรถออกจากบ้าน
ไปทำอะไรน่ะเหรอ? ก็ต้องไปขนกระต่ายน่ะสิ
แน่นอนว่าคนที่บอกว่าจะเลี้ยงกระต่ายเมื่อคืน ก็มีบางส่วนที่มาหาตั้งแต่เช้าบอกว่าไม่เลี้ยงแล้ว ให้ยกเลิกรายชื่อ
จ้าวเหวินเทาไม่ได้บังคับ จึงยกเลิกสัญญา ณ ที่แห่งนั้น ทั้งยังประกาศว่าถ้าไม่เลี้ยงตอนนี้หลังจากนั้นอย่ากลับใจมาหาเขาบอกว่าจะเลี้ยงอีกแล้วนะ
คนแบบนี้มีไม่กี่คน ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังมีจิตวิญญาณในการทำสัญญาเป็นอย่างมาก
จ้าวเหวินเทาออกจากบ้านไปได้ไม่นาน เฮ่อซงจือก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยมาหาเย่ฉูฉู่ที่นี่
หล่อนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จากนั้นก็พูดด้วยความสงสัยว่า “เลี้ยงกระต่ายได้เงินเยอะขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?”
เย่ฉูฉู่กล่าว “ต้องเลี้ยงให้ดีด้วยนะ เลี้ยงให้ราบรื่น ถ้าเลี้ยงไม่ดี มันป่วยเป็นโรคขึ้นมาก็จบเห่ แถมยังขาดทุนด้วย”
เฮ่อซงจือกล่าว “ว่าแล้วเชียวว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”
“เมื่อวานตอนที่เหวินเทาไปพูด เขาไม่ได้พูดให้ชัดเจนเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถาม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฝีปากเหวินเทาเป็นเอกมาก พูดแปบเดียวหว่านล้อมคนให้เลี้ยงกระต่ายกันได้หลายคนเลย
ไหหม่า(海馬)