เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 175 ทองพันชั่ง
“เร็วเข้าเถอะ แม่ได้ยินฉูฉู่เล่าให้ฟังว่าแม่ของหล่อนบอกมาว่า หลังจากนี้อาจจะเริ่มการวางแผนครอบครัวในอนาคตแล้วนะ ยังไงก็ต้องทำเวลารู้ไหม?” คุณแม่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด
พี่สาวห้าจ้าวถึงกับมึนตึบ “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นอะไร หวยเหรินดีกับแกขนาดนี้ แกยังทนได้เหรอที่เขาไม่มีแม้แต่ลูกชาย? รีบท้องเถอะ ถ้าหลังจากนี้เป็นลูกชาย แกจะมีลูกอีกคนหรือไม่มีแม่จะไม่สนใจแล้ว แต่ถ้ายังได้ลูกสาว แกก็ต้องคลอดอีกคน ป้ารองของแกทางฝั่งนั้นก็ยังมีเวลาไปดูแลลูกได้ เร็วเข้านะ!” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่สาวห้าจ้าวพยักหน้า “ค่ะ ๆ ฉันจะกลับไปคลอดค่ะ ๆ”
หลังจากผ่านเที่ยงคืนไป พี่สะใภ้สี่จ้าวก็เริ่มปวดท้องคลอด จนกระทั่งตีสองกว่า ๆ พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงคลอดลูกออกมา
“อุแว้!”
เสียงร้องของเด็กดังตามมา ทุกคนจึงพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ลูกชายหรือเปล่าคะ!” ตอนที่เสียงเด็กร้อง พี่สะใภ้สี่จ้าวยังมีอาการกระดี๊กระด๊าอย่างมาก เอ่ยถามทันที
คุณแม่จ้าวที่เฝ้าอยู่ตลอดช่วยซับเหงื่อบนหน้าให้หล่อนด้วยใบหน้าที่สับสน ขณะหมอที่ทำคลอดเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ทองพันชั่ง!”
“ทองพันชั่งคืออะไรคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดจากจิตใต้สำนึก
“ลูกสาวค่ะ ยินดีด้วยนะคะ” พยาบาลพูดด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ ลูกสาวอีกแล้ว? พระเจ้า!” พี่สะใภ้สี่จ้าวตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเป็นลมสลบไป
“สะใภ้สี่!”
“สะใภ้สี่!”
คุณแม่จ้าวและแม่เฒ่าหยางต่างก็ร้อนใจ
หมอเข้ามาตรวจอาการพี่สะใภ้สี่จ้าวครู่หนึ่ง กล่าวว่า “คนไข้ไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกเหนื่อย พักนิดหน่อยก็หายแล้ว เด็กร่างกายแข็งแรงดี ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ”
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ คนแก่ในบ้านก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่มีความสุขสักหน่อย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
หลังจากพยาบาลทำความสะอาดให้เด็กทารกเสร็จก็วางไว้ โดยพื้นฐานก็ไม่มีอะไรแล้ว จึงเดินออกไป
เป็นเพราะยังมีพี่สาวห้าจ้าวอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือ คุณแม่จ้าวและแม่เฒ่าหยางจึงเดินมาที่ห้องพักข้าง ๆ
แต่ก็พบว่าพี่สี่จ้าวยืนอยู่ข้างนอกห้องคลอด กำลังจ้องมาที่พวกนางทั้งสองคน
“แม่ เมื่อกี้หมอบอกว่าได้ลูกสาวใช่ไหม?” พี่สี่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้อยๆ
คุณแม่จ้าวทราบดีว่าเขากำลังคิดอะไร ถึงเดินมากระซิบข้างเขาว่า “ลูกสาวแล้วทำไม? นั่นก็ลูกแกเหมือนกัน อย่าให้คลอดออกมาแล้วต้องกลายเป็นเรื่องขบขันของชาวบ้าน ภรรยาของแกทรมานมาทั้งคืนแล้ว แกก็อย่าทำให้ภรรยาต้องจุกอกมากไปกว่านี้เพราะเรื่องนี้!”
แม่เฒ่าหยางก็พูดว่า “ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่แม่และลูกปลอดภัยแล้ว เธอเองก็อย่าคิดมาก อีกอย่าง ใช่ว่าจะคลอดอีกคนไม่ได้ พวกเธอก็อายุยังน้อย อยากได้ลูกชายมันจะไปยากตรงไหน? รอให้พักฟื้นร่างกายแล้วค่อยมีอีกคนก็ได้เหมือนกัน”
แม้พี่สี่จ้าวจะไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ และเขาก็รักซานหยาซื่อหยา แต่ภายในใจก็แอบหดหู่อยู่เหมือนกัน
ที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะปากของพี่สะใภ้สี่นั่นแหละ
หลังจากตั้งครรภ์ก็เอาแต่พูดว่าเป็นลูกชาย เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่แน่เขาอาจจะได้ลูกชายจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าพอคลอดออกมาจะได้ลูกสาว
“แม่ พวกแม่ไปพักผ่อนเถอะ ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว” พี่สี่จ้าวพูด
ส่วนจ้าวเหวินเทานั้นหลับลึกไปนานแล้ว จึงไม่รู้เรื่องที่พี่สะใภ้สี่จ้าวคลอด
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นตอนที่ตื่นขึ้นมาถึงได้ทราบเรื่องนี้
จ้าวเหวินเทากล่าว “ลูกสาวก็ดีนะ เอาใจใส่ดี พี่สี่ พี่ก็อย่ารังเกียจเลย”
พี่สี่จ้าวไม่ได้พูดอะไร
“น้องสะใภ้เป็นยังไงบ้าง?” พี่สาวห้าจ้าวนำของกินมาให้ตั้งแต่เช้าพลางเอ่ยถาม
เมื่อคืนหล่อนกลับไปก่อน เพราะที่บ้านยังมีลูกสาวรออยู่ หล่อนล็อคประตูไว้ก่อนออกจากบ้านแต่ก็ไม่กล้าออกมานานเกินไป จึงต้องรีบกลับ
เป็นเพราะที่บ้านพี่สาวใหญ่จ้าวมีคนเยอะจึงไม่ต้องกังวล ดังนั้นเมื่อคืนพี่สาวใหญ่จ้าวจึงอยู่ดูแลที่นี่
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่สาวห้าจ้าวพยักหน้า “งั้นก็ดีเลย แม่ แม่กับคนอื่น ๆ มากินข้าวก่อนเถอะค่ะ”
พี่สาวห้าจ้าวจึงเข้ามาดูอาการน้องสะใภ้สี่
ตอนนี้สะใภ้สี่ยังคงหลับอยู่ ส่วนทารกได้รับอาบน้ำและถูกอุ้มกลับมาวางข้าง ๆ หล่อนแล้ว
เด็กมีน้ำหนัก 6.6 ชั่ง ถือว่าร่างกายแข็งแรงมาก ดีกว่าซานหยาและซื่อหยาเสียอีก นี่เป็นเพราะว่าตอนที่ตั้งครรภ์พี่สะใภ้สี่จ้าวดูแลลูกเหมือนลูกชายมาโดยตลอด จึงให้ความใส่ใจกับโภชนาการ
พี่สาวห้าจ้าวมองเด็กน้อยด้วยความรัก หล่อนกระซิบคุยกับพี่สาวใหญ่จ้าวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “พี่สาวใหญ่ ดูเด็กคนนี้สิดีมากเลยนะคะ”
พี่สาวใหญ่จ้าวพยักหน้า “ใช่ เด็กคนนี้ตัวใหญ่เชียว” หล่อนมองน้องสะใภ้สี่ที่กำลังนอนหลับก็แอบถอนหายใจออกมา เป็นเพราะหล่อนทราบดีว่า ต่อให้เด็กดีกว่านี้ ก็ไม่ใช่ลูกชายอย่างที่สะใภ้สี่ต้องการ
พี่สาวห้าจ้าวมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็พาพี่สาวใหญ่จ้าวออกไปรับประทานอาหารเช้า
พี่สาวห้าจ้าวนั่งลงข้าง ๆ คุณแม่จ้าวพลางเอ่ยถาม “แม่ หมอว่ายังไงบ้างคะ จะได้ออกจากโรงพยาบาลตอนไหน?”
คุณแม่จ้าวกล่าว “อีกเดี๋ยวว่าจะไปถามหมออยู่เหมือนกัน”
หลังจากถามหมอ หมอก็แจ้งว่าวันนี้สามารถกลับบ้านได้แล้ว
เมื่อพร้อมแล้วจ้าวเหวินเทาจึงขับรถพาทุกคนไปส่งที่บ้าน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็เร่งรีบอยู่กับการเก็บเกี่ยว ในหมู่บ้านนอกจากเด็กเล็กก็ไม่มีใครว่าง
แต่เมื่อกลับมานอนพักที่บ้าน พี่สะใภ้สี่จ้าวก็ยังแสดงท่าทางหมดอาลัยตายอยาก แม้แต่มองหล่อนก็ยังไม่อยากจะมองอู่หยาเลย
แทบจะพรากชีวิตจริง ๆ พวกเด็กผลาญเงินเหล่านี้ไม่มีใครที่ทำให้หล่อนไม่ทุกข์เลย ในบ้านมียัยหนูทั้งหมดห้าคนแล้ว แถมบ้านหล่อนยังเหมามาถึงสามคน!
พอมาคิด ๆ ดู พี่สะใภ้สี่จ้าวก็เริ่มปาดน้ำตา
คุณแม่จ้าวต้มโจ๊กข้าวฟ่างและไข่ไก่มาให้หล่อน จึงเห็นว่าหล่อนกำลังร้องไห้อยู่พอดี “เธอจะร้องไห้ทำไม อยู่ไฟเขาไม่ให้ร้องไห้เธอไม่รู้เหรอ?”
พี่สะใภ้สี่จ้าวมองลูกสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ และพูดโดยที่ยังร้องไห้ “ฉันคลอดลูกสาวออกมาอีกแล้ว ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ปล่อยให้ฉันตายยังจะดีเสียกว่า!”
“พูดอะไรของเธอ ลูกสาวแล้วทำไม ฉันยังไม่รังเกียจเลยเธอจะรังเกียจทำไม!” คุณแม่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินกลับคิดไปอีกแบบ ถ้าหล่อนได้ลูกชาย แม่สามีก็คงไม่พูดแบบนี้ แค่คิดก็ยิ่งรู้สึกเศร้า
คุณแม่จ้าวทนดูท่าทางซังกะตายของหล่อนไม่ได้ “จะร้องไปทำไม เธอยังอยู่ไฟอยู่นะ ร้องไห้ตาปูดขึ้นมาจะทำยังไง? รีบกิน ดูแลร่างกายให้ดี ผ่านไปอีกสักปีสองปีอยากได้ลูกชายก็มีใหม่ได้ ใช่ว่าจะคลอดไม่ได้สักหน่อย!”
“แม่ สามีของฉันล่ะคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูด “ทำไมพอลงจากรถก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว? เขารังเกียจพวกเราสองคนแม่ลูกใช่ไหม เขารังเกียจที่ฉันไม่มีลูกชายให้เขาใช่ไหม?”
“เธอพูดอะไรของเธอ เจ้าสี่กลับมาถึงก็รีบไปทำนาแล้ว เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้กลับมาก็ยังต้องรีบไปทำนาอีก” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว “สามีของฉันไม่รังเกียจที่ฉันไม่ได้คลอดลูกชายจริง ๆ เหรอ ฉันรู้ว่าเขาเองก็อยากได้ลูกชาย เขาเองก็อิจฉาหลานชายอย่างพวกเถี่ยต้าน หลูต้าน หม่าต้านเหมือนกัน”
คุณแม่จ้าวหมดความอดทนแล้ว “เลิกคิดเองเออเองได้แล้ว รีบกินเถอะ ตอนนี้ดูแลร่างกายให้ดีผ่านไปอีกสองปีค่อยมีลูกชายก็ได้ ถ้าร่างกายแย่ก็จะไม่สามารถมีลูกได้แล้ว แบบนั้นเธอคงไม่ได้มีลูกชายจริง ๆ แล้วล่ะ”
คำพูดนี้ทำให้จิตใจของพี่สะใภ้สี่จ้าวสงบลงได้ชั่วคราว ที่สำคัญคือหล่อนเองก็หิวแล้ว จึงรีบรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กข้าวฟ่าง ไข่ไก่ และซุปไก่หล่อนก็รับประทานจนหมดเกลี้ยง
เมื่อเห็นว่ารับประทานเก่งแบบนี้ คุณแม่จ้าวก็รู้สึกสบายใจขึ้น รับประทานได้ก็ดี รับประทานอิ่มดื่มจนพอใจ ต่อให้ร้องไห้ก็ยังรับไหว นางก็แค่กลัวว่าหล่อนจะร้องไห้จนไม่เป็นอันกินอันนอน หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา แบบนั้นจะทำอย่างไร!
มีซานหยาและซื่อหยาแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ย่อมต้องมีอู่หยา
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนที่หวังไว้เยอะเวลาผิดหวังก็จะมีอาการเหมือนโลกถล่มเป็นธรรมดา ประเด็นก็คือเที่ยวโม้กับคนอื่นไว้เยอะด้วยนี่สิ
จริง ๆ แล้วลูกสาวก็ใช่ว่าจะไม่ดีสักหน่อย
ไหหม่า(海馬)