เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 18 สะใภ้คนเล็กที่แสนซื่อสัตย์
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 18 สะใภ้คนเล็กที่แสนซื่อสัตย์
ตอนที่ 18 สะใภ้คนเล็กที่แสนซื่อสัตย์
พี่สามจ้าวถูกอีกฝ่ายยั่วโทสะเข้าแล้ว ตอนที่กำลังจะโต้ตอบกลับไปก็ถูกพี่รองจ้าวห้ามไว้ “พอแล้ว รีบทำงานเถอะ วันนี้ดูท่าอากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่!”
พี่สามจ้าวแค่นเสียงเย็นชา ทั้งยังพูดว่าไม่สนใจนายแล้ว จากนั้นก็ลงมือทำงานต่อ
เจ้าหกคนนี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และไม่มีความรู้สึกเกรงใจต่อพี่น้องอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ…
พี่สามจ้าวรู้สึกได้ว่าตนเองอาจจะไม่สามารถสู้เจ้าหกได้
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เจ้าหกสูงกว่าเขาตั้งเยอะ อีกอย่างเป็นเพราะแอบอู้งานไม่ยอมทำการทำงานอยู่บ่อย ๆ พ่อแม่ก็แอบช่วยเหลือด้วยการเอาของอร่อย ๆ ให้เขา ดังนั้นเขาจึงเติบโตมีสุขภาพแข็งแรง
ขณะพี่สามจ้าวคิดแบบนี้ ในใจก็แอบรู้สึกไม่ยุติธรรม หากแยกบ้านก็คงจะดีไม่น้อยเลยสินะ? ดูสิว่าหลังจากนี้ยังจะมีใครช่วยเหลือเจ้าหก ปล่อยให้เขากินและดื่มของคนอื่น ทั้งยังเกรี้ยวกราดแบบนี้อีก!
จ้าวเหวินเทาคร้านที่จะสนใจพี่สามคนนี้แล้ว เขาจึงทำงานของตัวเองต่อ เพราะเก็บลูกกระต่ายหนึ่งรังนี้ได้ เขาจึงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ส่วนคุณพ่อจ้าวเองก็เห็นพวกลูกชายทะเลาะกัน แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นก็เท่านั้น หลังจากยุ่งกับการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสร็จก็จะได้แยกบ้านแล้ว
แต่เห็นท่าทางของเจ้ารอง เจ้าสาม และเจ้าสี่ที่เป็นแบบนั้นแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้แยกบ้านเหมือนกัน คุณพ่อจ้าวจึงแอบถอนหายใจอยู่ภายในใจ ต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งก้านสาขาย่อมแยกย้ายออกจากกัน นี่เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะหลีกเลี่ยง
ในเมื่อทุกคนมีความคิดเป็นของตนเอง เช่นนั้นก็แยกบ้านเถอะ
คุณพ่อจ้าวเองก็ตัดสินใจได้แล้ว
วันนี้นอกจากกระต่ายน้อยหนึ่งครอกแล้ว จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้อย่างอื่นกลับมา สิ่งนี้ทำให้พวกหลาน ๆ ต่างพากันผิดหวัง
แม้จะได้กระต่ายน้อยกลับมาเลี้ยงที่บ้านและรู้สึกดีใจมาก แต่วันนี้กลับไม่มีเนื้อให้กินเลย
ตั้งแต่เสียงแตรช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงดังขึ้น บ้านของพวกเขาก็มีเนื้อให้กินไม่ขาด ก่อนหน้านี้อาเล็กจับกระต่ายมาได้หนึ่งตัว คืนนั้นคุณย่าของพวกเขานำไปผัดน้ำแดงทั้งหมด พวกเขาได้กินไปไม่น้อย รสชาติก็อร่อยมากด้วย
หลังจากนั้นก็ยังมีกระต่ายป่า ไก่ฟ้า แล้วก็พวกไข่ไก่ฟ้าอะไรพวกนั้นอีก บนโต๊ะมีอาหารจานเนื้อไม่ขาดสายเลย
ทว่าสองวันมานี้ไม่มีเนื้อให้กินแล้ว แม้ว่าวันนี้จะเก็บกระต่ายมาได้หนึ่งรังแต่ก็กินไม่ได้ เพราะอาเล็กบอกว่าจะเลี้ยงไว้
เหล่าเด็ก ๆ รู้สึกเสียดาย แต่ก็ช่วยไม่ได้ การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงพวกเขาต่างก็ต้องไปทำงาน เถี่ยต้าน หลูต้าน หม่าต้าน และต้าหยาก็ได้แต้มค่าแรงด้วยเหมือนกัน
“แต่ละคนมัวทำอะไรอยู่? คิดว่าไม่มีเนื้อให้กินเหรอ?” คุณแม่จ้าวแค่นเสียงเย็น
“คุณย่า พวกเราทำงานเหนื่อยขนาดนั้น แต่ของกินในบ้านกลับแย่ขนาดนี้ แถมไม่มีเนื้อให้กินแม้แต่คำเดียวด้วย” หม่าต้านลูกชายของพี่สามจ้าวพูด
“แต่ละมื้อมีไข่ไก่ให้กินยังเรียกว่าแย่อีกเหรอจ๊ะ? หรือเธออยากจะไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง?” คุณแม่จ้าวพูด
หม่าต้านไม่กล้าใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง จึงทำได้แค่เพียงบ่นพึมพำ
คุณแม่จ้าวเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้จะไม่ทราบได้อย่างไรกัน ในใจพูดว่านี่เป็นแค่การเริ่มต้น หลังจากนี้พวกเธอแยกบ้านกันออกไป ดูสิว่าพวกเธอแต่ละคนจะหวังผลประโยชน์จากอาหกกันอย่างไร!
คุณแม่จ้าวหยิบมันฝรั่งและหมุนตัวกลับเข้าห้องครัวเพื่อนำไปผัดกับไข่ไก่
คุณพ่อจ้าวพูดเรื่องแยกบ้านกับนางไปแล้ว คุณแม่จ้าวทำใจไม่ได้มากเป็นพิเศษ หลังจากแยกบ้านก็จะกลายเป็นหลายครอบครัว ไม่ได้เป็นครอบครัวใหญ่แบบนี้อีกแล้ว
แต่คุณแม่จ้าวรู้ดีว่าแต่ละคนรังเกียจที่เจ้าหกไม่ยอมทำงาน แต่พวกหล่อนเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าปลาเค็มที่พวกหล่อนหิ้วกลับไปบ้านแม่ตอนวันปีใหม่นั้นใครเป็นคนหามา ทั้งหมดนั้นเป็นปลาที่เจ้าหกตกมา นางเป็นคนนำไปหมักและตากแห้งไว้!
หนึ่งเดือนต่อมาก็ได้กินเนื้อคนละคำสองคำ นี่เป็นผลงานของใคร ตอนที่กินแต่ละคนก็ยิ้มแย้มมีความสุข แต่พอกินเสร็จก็แตกคอกันกลายเป็นไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น
ตอนนี้ไข่ไก่ฟ้าที่เหล่าลิ่วได้มาก็เก็บไว้กินเอง ไม่ได้แบ่งออกไปแม้แต่ฟองเดียว!
รอก่อนเถอะ รอให้แยกบ้านก่อน ถึงเวลานั้นดูสิว่าจะมีใครได้กินของป่าที่เจ้าหกหามาได้แม้แต่คำเดียวหรือเปล่า!
คุณแม่จ้าวคิดเช่นนี้อยู่ภายในใจ ระหว่างนั้นก็ตอกไข่ไก่ลงไปในกระทะ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ฉูฉู่ที่เก็บข้าวของหลังสวนเรียบร้อยแล้วก็เข้ามาช่วย
“เดี๋ยวแม่ทำเอง วันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” คุณแม่จ้าวรีบพูด
“คุณแม่ ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม และขออาสาเป็นลูกมือให้คุณแม่จ้าว
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวขี้เกียจเข้ามา แต่พี่สะใภ้สี่จ้าวกลัวว่าแม่สามีของหล่อนจะแอบมอบของดีให้น้องสามีและน้องสะใภ้คู่นี้ จึงรีบตามเข้ามาช่วย
“แค่น้องสะใภ้หกของเธอก็พอแล้ว สะใภ้สี่ไม่ต้องเข้ามาหรอก ในห้องครัวแคบจนหมุนตัวไม่ได้อยู่แล้ว” แค่เห็นหล่อนหน้ามุ่ย คุณแม่จ้าวก็รู้แล้วว่าหล่อนคิดจะทำอะไร จึงพูดออกไปตรง ๆ
พี่สะใภ้สี่จ้าวใบหน้าแข็งค้าง “ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะรอข้างนอก มีอะไรให้ช่วยคุณแม่ตะโกนเรียกฉันได้เลยนะคะ!” คำพูดนี้เป็นการบอกแม่สามีของเธอเป็นนัย ๆ ว่า ยังมีหล่อนอยู่ด้านนอกอีกหนึ่งคน อย่าได้คิดว่าจะแอบกิน!
คุณแม่จ้าวแสดงสีหน้าดูแคลน จากนั้นก็ทอดไข่ดาวให้เย่ฉูฉู่กินจริง ๆ
เย่ฉูฉู่อยากจะปฏิเสธ คุณแม่จ้าวส่งสายตามองไปด้านนอก บอกให้เธอรีบกินและไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
เย่ฉูฉู่รู้สึกซึ้งใจ เธอรีบรับถ้วยมาและกินทันที แม้ว่าจะร้อนไปหน่อย แต่ก็หอมกรุ่นจริง ๆ
สะใภ้สี่จ้าวที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงคิดอยากจะเข้าไปดูด้านในอย่างอดไม่ได้ แต่คุณแม่จ้าวกลับเดินออกมาพร้อมพูดว่า “น้ำในถังใกล้หมดแล้ว สะใภ้สี่เธอช่วยไปตักกลับมาให้หน่อย”
สะใภ้สี่จ้าวแทบทรุด “แม่คะ วันนี้ฉันยังไม่ได้พักเลยนะคะ อยู่ในบ้านก็ช่วยตากข้าว ให้อาหารไก่ และกวาดเล้าไก่ไปแล้ว!”
“พอเรียกให้เธอทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอาแต่บ่น” คุณแม่จ้าวแค่นเสียงเย็น ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปทำอาหารในห้องครัวต่อ
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวต่างกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน จึงเห็นน้องสะใภ้สี่ยืนกระทืบเท้าตึงตังด้วยความโกรธอยู่ตรงนั้น
เย่ฉูฉู่กินไข่ไก่หมดแล้ว จากเดิมที่กำลังหิวก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอมองแม่สามีด้วยความเกรงใจ
“ตอนที่ทำงานก็คอยสังเกตหน่อยนะ ในท้องอาจจะมีลูกอยู่แล้วก็ได้ อย่าฝืนแบบนั้นนะเข้าใจไหม?” คุณแม่จ้าวพูด
แม่สามีบ้านอื่นต่างก็กลัวว่าลูกสะใภ้ของตัวเองก็แอบอู้งาน แต่คุณแม่จ้าวกลับกลัวว่าลูกสะใภ้ที่แสนซื่อสัตย์ของตัวเองจะเหนื่อย
แต่นี่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร เพราะสองสามีภรรยาคู่นี้ต่างก็ไม่มีประสบการณ์ คุณแม่จ้าวไม่อยากให้ลูกของลูกชายคนสุดท้องตัวเองเป็นเหมือนกับบ้านอื่น ที่ทำงานหนักเกินไปจนแท้งลูกโดยไม่อาจอธิบายสาเหตุได้
“คุณแม่ ฉันทราบแล้วค่ะ ฉันเองก็ระมัดระวังตัว ทำงานอยู่ในขอบเขตที่ตัวเองรับไหวค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
เธอเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าในท้องมีลูกอยู่หรือไม่ แต่การระมัดระวังตัวสักหน่อยก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
อันที่จริงเย่ฉูฉู่ก็ไม่ได้หวังว่าจะตั้งครรภ์ในตอนนี้ ตอนที่เพิ่งทะลุมิติมาเธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย แต่ตอนนี้เธอสงบลงมากแล้ว เพราะคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีในการตั้งครรภ์ เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างแย่
ไม่ต้องพูดถึงรังนกหูฉลามเลย ได้กินเนื้อสักมื้อหนึ่งก็หรูแล้ว ถ้าหากตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไร? ลูกอยู่ในท้องแต่ไม่มีเนื้อให้กินจะเติบโตได้อย่างไร?
แม้ว่าฐานะทางบ้านจะเป็นเช่นนี้ แต่อีกไม่นานก็จะแยกบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอเชื่อมั่นว่าหากแยกบ้านแล้ว ด้วยความสามารถของเธอและเหวินเทา การดำเนินชีวิตของพวกเขาย่อมผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ต่อให้ไม่กล้าคิดกินของดี ๆ อย่างรังนกและหูฉลาม แต่อย่างไรก็ต้องกินเนื้อ ถึงเวลานั้นถ้าหากตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่ถึงจะคิดไว้แบบนี้ เธอเองก็ต้องคอยสังเกต เพราะกังวลว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจริง ๆ แม้ว่าจะไม่เคยตั้งครรภ์ แต่ก็พอจะทราบได้ว่าถ้าลูกในท้องได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องยากที่จะชดเชย!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดาว่าถ้าแยกบ้านแล้ว ต้องมีอย่างน้อยสองบ้านที่เดือดร้อนแน่ๆ
บอกว่ามีอะไรเรียกใช้งานได้ พอใช้งานจริง ๆ กลับบ่นนะสะใภ้สี่
ไหหม่า(海馬)