เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 184 ขายผลไม้
กระต่ายตัวนั้นที่จ้าวเหวินเทาเอามาให้เมื่อก่อนหน้านี้อุดมไปด้วยเนื้อจริง ๆ ครั้งนี้หลี่ชุ่ยจึงต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “สหายจ้าว รับสิ มาทางนี้!”
แล้วหล่อนก็นำทางจ้าวเหวินเทามาที่ด้านหลังห้างสรรพสินค้า
ทุกครั้งที่หล่อนช่วยน้าของตนรับซื้อของ คุณน้าก็จะให้เงินค่าตอบแทนด้วย ตอนนี้จ้าวเหวินเทาไม่ได้เอาของมาให้ หล่อนก็ยังยินดีต้อนรับจ้าวเหวินเทา ทั้งยังเต็มใจที่จะรับของท้องถิ่นจากจ้าวเหวินเทาด้วย
ด้านหลังห้างสรรพสินค้าเป็นลานกว้าง มีสินค้าพื้นเมืองวางกองอยู่
ที่นี่คือโกดังของคุณน้าหล่อน แผงลอยของคุณน้าในสองเดือนนี้พัฒนาเฟื่องฟูเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโกดังหรือคนงาน ทั้งหมดนี้ต่างก็ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ทั้งคู่
พนักงานสองคนที่สวมด้วยชุดสีฟ้าและสวมถุงมือกำลังตรวจสอบสินค้าพื้นเมืองเหล่านั้น หลี่ชุ่ยกล่าวทักทายกับลุงใหญ่อายุห้าสิบกว่าปี “ลุงจาง มีคนเอาผลไม้มาส่ง ลุงมาดูให้หน่อยค่ะ”
จากนั้นก็พูดกับจ้าวเหวินเทาว่า “นายคุยกับลุงจางนะ ฉันขอกลับไปเฝ้าร้านก่อน”
“ตกลง” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า
ลุงจางคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นก็หันไปมองรถของจ้าวเหวินเทา และลุกขึ้นเดินเข้ามาพลางพูดว่า “ผลไม้จากไหนเหรอ?”
“ติดกับภูเขาซานถุนน่ะครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลุงใหญ่ นี่เป็นอาหารสดบริสุทธิ์จากธรรมชาติเชียวนะ โภชนาการเพียงพอด้วย ลองชิมดูสิ!”
คำพูดเหล่านี้ยังไม่เป็นที่นิยม จ้าวเหวินเทาได้ยินมาจากโจวหมิ่นทั้งหมด การเรียนรู้วิธีการเจรจาเป็นเรื่องที่เขาเก่งที่สุด ใช้คล่องกว่าโจวหมิ่นเสียอีก
ลุงจางรู้สึกมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนชมผลไม้แบบนี้
อยู่ติดกับภูเขาซานถุน…สถานที่แห่งนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาก็รับผลไม้ที่จ้าวเหวินเทายื่นให้ใส่ปาก อืม…ไม่เลวจริง ๆ อร่อยทีเดียว!
ถึงแอปเปิ้ลจะลูกเล็ก แต่ก็ฉ่ำน้ำมาก รสชาติเปรี้ยวหวานและกรอบด้วย เสียอย่างเดียวที่เปลือกหนา แต่มันสามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้เก็บได้นาน
ลูกไห่ถังเป็นของท้องถิ่น มันมีขนาดใหญ่ สีเหลืองอร่าม รับประทานแล้วให้รสชาติเปรี้ยว หากเก็บไว้นานเนื้อจะเป็นแป้ง แต่เมื่อรับประทานแล้วก็ให้ความรู้สึกน้ำลายสอ
ลูกซานติงก็ไม่เลวเลย สุกงอมได้ที่ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เนื้อนุ่มละมุนลิ้น
สาลี่ก็มีหลากหลายชนิด มีสาลี่ใต้ สาลี่แอปเปิ้ล สาลี่เป็ด มีทั้งเปลือกเหลือง เปลือกเขียว ทั้งหวานและกรอบฉ่ำน้ำ แกนผลก็เล็ก
เมิ่งต้ายืนอยู่ข้าง ๆ จ้าวเหวินเทา เขามองดูลุงจางรับประทานผลไม้ลูกแล้วลูกเล่า พลางแอบกำหมัดแน่นด้วยความประหม่า เขากังวลมากว่าลุงจางจะไม่พอใจ และไม่ต้องการผลไม้ของเขา
จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลแม้แต่น้อย เขารับประทานเป็นเพื่อนลุงจาง ระหว่างนั้นก็พูดคุยไปเรื่อยเปื่อย
หลังจากชิมไปหนึ่งรอบ ลุงจางก็เรอออกมา ก่อนจะอุทาน “แก่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังหนุ่ม ๆ กินผลไม้พวกนี้ครึ่งชั่งหนึ่งชั่งยังไม่เป็นอะไรเลย ตอนนี้กินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว”
จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ลุงใหญ่ ผมเห็นลุงแล้วดูเหมือนคนอายุแค่ 18 เลยนะ ไม่เห็นจะแก่สักนิด!”
ลุงจางถูกสัพยอกจนหลุดขำ “เจ้าหนูนี่ช่างพูดจริง ๆ นะ เหมือนคนอายุ 18 อะไรกัน ฉันอายุปาเข้าไป 55 แล้ว!”
“ไม่เหมือนเลยจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
“พอแล้ว เลิกเยินยอฉันได้แล้ว ผลไม้คันนี้ฉันเหมาหมดเลย แปดเฟิน ตกลงไหม?” ลุงจางกล่าว
เมิ่งต้าถึงกับตาโตทันใด เขาหายใจถี่ขึ้น เงินแปดเฟิน!
จ้าวเหวินเทากลับไม่พอใจ เขากล่าวว่า “ลุงจาง ผมกับสหายหลี่เคยซื้อขายกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมค้าขายกับลุงจาง แต่ราคานี้ก็อย่ากดให้ต่ำเกินไปเลย เป็นเพราะผมสนิทกับสหายหลี่หรอกถึงได้ขนผลไม้มาที่นี่ แปดเฟินต่ำไปหน่อย ลุงจางช่วยเพิ่มให้อีกสักนิดนะ”
ระหว่างที่พูดก็แบ่งบุหรี่ให้ลุงจางหนึ่งมวน
เมิ่งต้าไม่กล้าพูดอะไร แปด…แปดเฟินยังน้อย?
ทว่าลุงจางกลับผลักกลับมา “ฉันไม่สูบบุหรี่ เมื่อกี้ฉันเห็นหลี่ชุ่ยก็มีทัศนคติที่ดีต่อนายมากเลยนะ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันเพิ่มให้พวกนายอีกหนึ่งเฟิน ได้ไหม? ผลไม้นั่นของพวกนายถ้าหากมีคุณภาพแบบนี้ มีเท่าไรฉันเหมาเท่านั้น”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ลุงจาง ลุงนี่ใจถึงดีจริง ๆ แต่ในเมื่อลุงเพิ่มมาให้หนึ่งเฟินแล้วก็เพิ่มมาอีกสักเฟินเถอะ รวม ๆ กันแล้วก็ยังสมราคาอยู่นะ”
ลุงจางเบิกตาโต “นั่นมันสมราคาแล้วเหรอ?”
จ้าวเหวินเทากลับยิ้ม “ลุงจาง ลุงเป็นคนในเมือง เส้นสายกว้างขวาง แต่ผมเองก็วิ่งค้าขายเหมือนกัน พวกเรารู้ดีว่าผลไม้อะไรคุณภาพเป็นแบบไหน ผลไม้นี่หวานมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกค้าขาประจำเลย เอาอย่างนี้ พวกเรายังมีผลไม้คุณภาพค่อนข้างต่ำอยู่ส่วนหนึ่ง ขายให้ลุงในราคา 2-3 เฟินก็แล้วกัน ลุงจาง ผมรู้หรอก ไม่ว่าจะผลไม้อะไรพออยู่ในมือของลุงก็มีราคาทั้งนั้นแหละ!”
ลุงจางถูกเด็กหนุ่มคนนี้หยอกล้อจนหลุดขำ “เจ้าหนูคนนี้ค้าขายเก่งจริง ๆ ยังจะมาบอกว่าผลไม้อะไรพออยู่ในมือฉันก็มีราคาอีก นายว่ามาเถอะ ผลไม้เกรดต่ำพวกนั้นจะมีราคาอะไร?”
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลุงจาง ผลไม้ที่ไม่ดีก็สามารถเอาไปทำเป็นผลไม้กระป๋อง ผลไม้แช่อิ่มได้นี่นา”
ลุงจางเหลือบมองเขา “เจ้าหนู นี่นายรู้เยอะมากเลยนะ?”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ที่บ้านผมก็ทำร้านขายผลไม้ ผมเลยรู้”
ลุงจางชี้หน้าเขา “ผลไม้ดี ๆ หนึ่งเหมาต่อหนึ่งชั่ง ส่วนถ้าเป็นคุณภาพต่ำฉันให้สองเฟิน แต่ไม่เอาแบบที่แย่เกินไปนะ แย่เกินไปขนมาฉันก็ไม่เอา!”
“แน่นอนอยู่แล้ว จะไปทำให้ลุงลำบากใจได้ยังไงกัน ขอบคุณลุงจางนะ!” จ้าวเหวินเทาหันไปพูดกับเมิ่งต้า “ขนลงจากรถเลย!”
เมิ่งต้าตัวลอยแล้ว เขาเดินไปขนผลไม้ลงจากรถพร้อมกับจ้าวเหวินเทาด้วยความมึนงง
นี่เป็นครั้งแรกที่ขายผลไม้ในเมือง เมิ่งต้าเลือกแล้วเลือกอีก จึงมีแต่ของคุณภาพดีทั้งหมด แม้แต่เปลือกก็ไม่ถลอก ลุงจางพาคนมาตรวจสอบ ก็สังเกตได้ถึงจุดนี้
เขาเองก็รู้สึกพึงพอใจ คนในชนบทเป็นคนจริงใจ ดังนั้นการจะเพิ่มเงินให้สองเฟินก็ไม่ได้มากมายอะไร
ผลไม้ที่ขนมามีทั้งหมด 500 ชั่ง ได้ธนบัตรมาห้าใบ จ้าวเหวินเทาได้ไป 10% ทำให้ยังเหลือธนบัตรในมืออีกสี่ใบ จนเมิ่งต้ารู้สึกราวกับว่าที่อยู่ในมือไม่ใช่ของจริง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะราบรื่นแบบนี้
แต่เขาทราบดีว่าที่ราบรื่นแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะจ้าวเหวินเทาช่างเจรจาและทำการค้าเป็นจริง ๆ
จ้าวเหวินเทาพูดกับเมิ่งต้า “ไปเถอะ พวกเราไปซื้อของกินสักหน่อย จะได้รีบกลับ นายก็ไปดูนะว่ายังเหลือผลไม้อีกเท่าไร เก็บแล้วขนมาขายให้หมด อีกสองวันจะถึงเวลาเก็บทานตะวันแล้ว ฉันคงไม่มีเวลามาช่วยนายแล้ว”
เมิ่งต้าเพิ่งจะได้สติ เขาพูดด้วยความรู้สึกขอบคุณ “พี่หกจ้าว ขอบคุณนะ!”
เขาขอบคุณจากใจจริง ถ้าไม่มีจ้าวเหวินเทา อย่าว่าแต่ขายได้เงินมากขนาดนี้เลย ผลไม้เหล่านั้นจะขายออกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้!
ก่อนที่จะได้เจอจ้าวเหวินเทา เขากังวลแทบตาย กังวลจนนอนไม่หลับ กังวลว่าถ้าขายไม่ออกจะเน่าเสียทั้งหมด
จ้าวเหวินเทาโบกมือ “ขอบคุณอะไร ฉันเองก็ได้ส่วนแบ่งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนี้ก็ได้”
เมิ่งต้าเสียดายที่ต้องใช้เงิน จ้าวเหวินเทาเองก็คิดถึงภรรยา จึงรีบขับรถกลับ ทั้งสองคนซื้อเจียนปิ่งมาสองแผ่น แล้วก็ขอน้ำต้มสุกมาด้วย ระหว่างที่ขับรถก็รับประทานไปพลาง ๆ
จ้าวเหวินเทารับประทานพลางเอ่ยถาม “ปีที่แล้วนายขายผลไม้ยังไงเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมิ่งต้ากล่าว “ปีที่แล้วขายในทีม พ่อของฉันช่วยดูไม้ผลให้ ปีนี้เหมาเองแล้ว ในทีมก็ไม่ได้สนใจแล้ว”
เมิ่งต้าได้เงินมาจึงเรียกพ่อเลี้ยงว่าพ่อได้เต็มปากขึ้นมาหน่อย
อันที่จริงภายในใจก็รู้สึกติดขัดอยู่เหมือนกัน พ่อเลี้ยงของเขาไม่ได้พูดอะไรกับเขาก็จริง แต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาไม่ดี
“ตอนนี้ก็มีช่องทางแล้ว อีกไม่นานนายก็จะมีเงิน มีแผนอะไรหรือยังล่ะ?” จ้าวเหวินเทาถาม
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรียนรู้สกิลปากของเหวินเทาไว้นะเมิ่งต้า ปากพารวยของจริง
ไหหม่า(海馬)