เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 186 ในบ้านนอกบ้านยังแยกไม่ออก
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 186 ในบ้านนอกบ้านยังแยกไม่ออก
“สวรรค์ ผลไม้ขายได้เงินขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันไปถามที่ตลาดมาแล้ว ราคาก็แค่ 2-3 เฟินเอง”
ครั้นได้ยินว่าเมิ่งต้าลูกติดคนนี้ทำเงินได้มากขนาดนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจริง ๆ
“เขาบอกว่าเจ้าหกจ้าวช่วยพาเข้าไปขายในจังหวัด” มีคนได้ยินมาจึงเล่าให้ฟัง
“เจ้าหกจ้าวขายผลไม้ด้วย? เขาขายได้เท่าไหร่?”
“ลูกติดนั่นบอกว่าสี่เฟิน ฉันว่าไม่ใช่แค่นี้หรอก เขาไม่ได้พูดความจริง”
“เยี่ยมเลย ถึงจะเป็น 3-4 เฟิน ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ!”
“บ้านฉันก็มีไม้ผลเหมือนกัน แต่ลูกทำจนเสียหายหมดแล้ว ถ้าได้เงินแบบนี้ปีหน้าฉันก็จะไปขายด้วย!”
“……”
คำพูดเหล่านี้ภายในหมู่บ้านย่อมดังไปถึงหูของพวกพี่สะใภ้และพี่ชายของจ้าวเหวินเทา
พี่สะใภ้สี่จ้าวให้นมลูกไปพลางรับประทานโจ๊กไปพลาง หล่อนจิ้มต้นหอมกับซอสขณะพูดกับพี่สี่จ้าว “น้องหกช่วยลูกติดคนนั้นขายผลไม้จริง ๆ เหรอคะ?”
หลังจากได้ทราบว่าเย่ฉูฉู่คลอดลูกชาย พี่สะใภ้สี่จ้าวก็รู้สึกอิจฉาจนทนไม่ไหว ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ติดขัดไปหมด หล่อนมัดไก่และวุ้นเส้นมานิดหน่อย จากนั้นก็ให้พี่สี่จ้าวเอาไปแสดงความยินดี
โดยหล่อนใช้ข้ออ้างว่าหล่อนและลูกห่างจากกันไม่ได้ แค่ไม่ได้เห็นจิตใจก็จะไม่ว้าวุ่น
เพียงแต่หล่อนยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ต่อให้ไม่เห็น ก็รู้สึกวุ่นวายใจอยู่ดี เพราะคนในหมู่บ้านชอบแอบเปรียบเทียบหล่อนกับเย่ฉูฉู่ บอกว่าอีกฝ่ายโชคดี ส่วนหล่อนเป็นคนไม่มีโชค หล่อนจะมีดวงหรือไม่มีเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาพูดเหรอ น่ารำคาญจริง ๆ!
ในที่สุดประเด็นสนทนาของทุกคนก็ย้ายมาที่เมิ่งต้า ทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
ไม่เช่นนั้นคนพวกนั้นคงได้หยิบยกหล่อนออกมาคุยสนุกปากบ่อย ๆ แน่
“คิดว่าเจ้าหกคงช่วยแหละ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน งานยุ่งขนาดนี้ ใครจะไปสนใจเรื่องนี้” พี่สี่จ้าวเองก็ยกโจ๊กขึ้นมาซด
ซานหยากล่าว “หนูรู้มาว่าผลไม้ของลูกติดคนนั้นขายไม่ออก อาเล็กก็เลยช่วยเอาไปขายในเมือง แถมยังขายได้เงินเยอะมากด้วยนะคะ!”
“แกรู้ได้ยังไง?” พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบถาม
ซื่อหยาพูดเสียงเบา “เจ้เสี่ยวหัวของบ้านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนบอก”
หัวหน้าหมู่บ้านมีตำแหน่งเล็กกว่าเลขา แต่ในหมู่บ้านก็เป็นค่อนข้างเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง คำพูดของลูกในบ้านเขาจึงมีความน่าเชื่อถือมาก
พี่สะใภ้สี่จ้าวมั่นใจว่าน้องสามีคนเล็กเป็นคนช่วยขายจริง ๆ จึงรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก “บ้านตัวเองก็มีผลไม้ ไม่เห็นน้องหกจะช่วยขายเลย ทำไมถึงไปช่วยคนนอก!”
ใครๆ ก็ไม่เข้าใจ
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดต่ออีกว่า “นั่นก็ต้องใช้น้ำมันใช้รถ เขาไม่เสียดายเลยเหรอ? ฉันได้ยินพี่สามพูดว่า พี่สามอยากจะใช้รถเขาเอาไปขายเต้าหู้ น้องหกยังจะเก็บเงินค่าน้ำมันเลย แต่พอกับคนนอกแล้วใจกว้างขนาดนี้เชียว!”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ” พี่สี่จ้าวพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ เจ้าหกจะไปช่วยคนอื่นเปล่า ๆ ได้อย่างไร หมอนั่นเป็นถึงเจ้าแห่งการฉกฉวยโอกาสเลยนะ
มองไม่เห็นว่าเมิ่งต้าได้เงินมาจริง ๆ แต่ก็มีสิ่งที่เห็นได้ นั่นคือเมิ่งต้าเองก็ซื้อกระต่ายจากเจ้าหกไปเลี้ยงเหมือนกัน
ส่วนที่ไม่ช่วยขายเต้าหู้ให้เจ้าสาม เพราะเจ้าสามมีนิสัยเป็นแบบไหนกันล่ะ…ขี้ตืดชะมัดยาด
เก่งพอ ๆ กับเจ้าหกที่เป็นคนชอบฉกฉวยโอกาส ใครก็ไม่สามารถเอาเปรียบอีกฝ่ายได้
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับสำลัก “ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะ ก็เพราะคิดว่า น้องหกควรช่วยเหลือคนในบ้านไม่ใช่เหรอ? นี่ก็ยุ่งขนาดนี้แล้ว ยังจะไปช่วยคนนอกขายผลไม้อีก! จริง ๆ เลย ขนาดคนในบ้านกับคนนอกบ้านยังแยกไม่ออก!”
ทั้งสองหยามองแม่ของพวกเธอ จากนั้นก็รีบก้มหน้ากินโจ๊กอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่ทราบว่าอาสะใภ้เล็กได้น้องชาย แค่พูดถึงอาเล็กและอาสะใภ้เล็ก แม่ของพวกเธอก็โกรธแล้ว พูดจาก็แปลก ๆ ด้วย
แต่อาเล็กเป็นคนดี ในบ้านมีผลไม้ พวกเธอไปหาก็เอามาให้กิน อาสะใภ้เล็กก็ดีมาตลอด ให้ลูกอมพวกเธอกินด้วย หวานสุด ๆ เลย เป็นเพราะกำลังอยู่ไฟ ไข่ไก่ที่อาสะใภ้เล็กกินไม่หมดก็แบ่งให้พวกเธอกินกันคนละครึ่งฟอง
พวกเธออยากเป็นลูกสาวของอาเล็กและอาสะใภ้เล็กจัง
พี่สะใภ้รองจ้าวทางฝั่งนี้ก็กำลังคุยกับพี่รองจ้าวเรื่องนี้ “คุณว่าผลไม้นั่นได้เงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ลูกติดนั่นไม่เพียงแต่จ่ายเงินค่าเหมาที่ดินนะ แถมยังซื้อที่ดินสร้างบ้านด้วย?”
“ต่อให้ได้เงินมากกว่านี้เป็นเงินของเขา” พี่รองจ้าวไม่ได้สนใจเรื่องนี้
พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ลูกติดนั่นเหมาสวนผลไม้กี่ปีเนี่ย?”
“สามปีมั้ง” พี่รองจ้าวกล่าว
“ตั้งสามปี นานขนาดนั้น ฉันนึกว่าปีเดียวซะอีก…” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว
ครึ่งหลังพี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้พูดอะไร ขายผลไม้ได้เงินมากขนาดนี้ ถ้าเมิ่งต้าเหมาแค่ปีเดียว ปีหน้าพวกเขาก็จะเหมาสวนด้วย ถึงเวลานั้นก็ค่อยเรียกให้จ้าวเหวินเทาช่วยเอาไปขายให้
น้องชายในครอบครัวตัวเองไปช่วยขายให้คนนอก ก็ไม่น่าจะปฏิเสธพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง แต่สามปีนานเกินไป ตอนนี้คงหวังไม่ได้แล้ว เฮ้อ งั้นก็หวังพึ่งกระต่ายแล้วกัน
พี่สะใภ้รองจ้าวคิดไม่ถึงเลย ท้ายที่สุดแล้วหล่อนจะหวังพึ่งกระต่ายที่ซื้อกลับมาจากเจ้าหก…
ภายในใจก็อดสำลักไม่ได้
แน่นอนว่ายังมีอีกอย่างที่ทำให้สำลัก นั่นก็คือลูกชายแท้ ๆ ของบ้านเจ้าหก
เพราะไม่ได้เป็นลูกสาวเหมือนกับบ้านเจ้าสี่
ถ้าเป็นลูกสาวจะดีขนาดไหนกันนะ? ตอนนี้สะใภ้หกคลอดลูกชายแล้ว สถานะก็มั่นคงแล้ว หลังจากนี้จะคลอดได้ลูกชายหรือลูกสาวก็ไม่ต้องกลัว เพราะลูกชายคนโตอยู่ที่นี่แล้ว
ใครจะไปเหมือนกับสะใภ้สี่ ที่ได้ลูกสาวติดกันถึงสามคน หลังจากนี้คาดว่าก็คงจะคลอดอีก ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ ยิ่งกลัวอะไรก็จะยิ่งได้แบบนั้น!
เมื่อเทียบกับครอบครัวของพวกเขาทั้งสอง พี่สามจ้าวกลับเป็นนักเคลื่อนไหว
เมื่อได้ยินว่าเมิ่งต้าขายผลไม้และซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง เขาก็รีบไปตลาดเพื่อหาซื้อต้นกล้าไม้ผลทันที หลังจากจองต้นกล้าแล้ว รอปีหน้าฤดูใบไม้ผลิมาถึงก็จะปลูกไว้ในลานบ้านตัวเอง
นี่เป็นการซื้อขายที่ไม่มีต้นทุน รดน้ำใส่ปุ๋ยไม่ต้องคำนวณเงิน ถึงเวลานั้นพวกลูก ๆ ไปเด็ดผลไม้ก็สิ้นเรื่องแล้ว
ที่ดินหลังบ้านคาดว่าน่าจะสามารถขายได้ 5-6 หยวน ถือว่าเป็นรายได้ก้อนโตเลย รวมเข้ากับกระต่ายและเต้าหู้ ถ้าหากทำเรื่องพวกนี้ให้ดี ๆ หนึ่งปีเขาก็น่าจะได้เงินมาถึงหลักร้อยได้อย่างไม่มีปัญหา!
นี่เป็นเงินที่ได้จากเวลาว่างในการทำสวน ไม่ได้ทำให้การทำงานในนาล่าช้าแม้แต่น้อย!
ต้องพูดว่า พี่สามจ้าวคนนี้มีแผนอยู่ในใจแล้ว
นี่ก็คิดจะไปกับจ้าวเหวินเทาด้วย
“ภรรยา ผมคิดว่าจะซื้อที่ดินเอาไว้ปลูกไม้ผลน่ะ ครั้งนี้ผมไปที่จังหวัดมาและไปถามที่โรงงานผลไม้กระป๋องและผลไม้แช่อิ่มมาโดยเฉพาะเลยนะ คุณรู้ไหมว่ากำไรของมันสูงจนน่าตกใจทีเดียว ผลไม้หนึ่งชั่งไม่กี่เฟินเอง แต่พวกเขาทำผลไม้กระป๋องได้เงินหนึ่งหยวนกว่า ส่วนผลไม้แช่อิ่มก็ได้อีก 2-3 เหมา ใช้ของแค่ไม่เท่าไหร่เองนะ ผลไม้กระป๋องพวกเราก็เคยกิน มีแค่นิดเดียวเอง คุณว่าผลไม้ไม่กี่เฟินสามารถทำผลไม้กระป๋องออกมาได้เท่าไหร่? ไหนจะผลไม้แช่อิ่มอีก ผมไปเห็นมาแล้ว หนึ่งถุงมีผลไม้ขนาดเท่านิ้วโป้งแค่ไม่กี่ชิ้น แถมยังขายได้ตั้งหลายเหมา เราก็จะได้ย้ายกระต่ายไปอยู่ในสวนผลไม้ กระต่ายมากขนาดนี้พอถึงช่วงฤดูร้อนคงกินแรงมาก” จ้าวเหวินเทากล่าว
“คุณจะไหวเหรอคะ? ไม้ผลนั่นจำเป็นต้องดูแลนะ ไม่ใช่เรื่องที่บอกว่าจะปลูกก็ทำได้สักหน่อย” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันยังต้องเลี้ยงลูกคงไม่มีเวลาว่างไปทำนาแน่นอน ดูแลเสี่ยวไป๋หยางของพวกเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ”
หากแอบอู้งานได้ เธอคงไม่ไปตากลมตากแดดหรอก จะได้ไม่ทำให้ผิวขาว ๆ ของเธอต้องหยาบกระด้าง
ดังนั้นเย่ฉูฉู่จึงไม่เห็นด้วยที่จะทำสวนผลไม้อีก “คุณยังทำมาค้าขายอยู่ ออกเช้ากลับดึก งานมากขนาดนั้น จะไปดูแลไหวได้ยังไงคะ?”
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ภรรยา คุณไม่ต้องลงไปทำนาเลย อยู่บ้านเลี้ยงลูกให้สบายใจก็พอ ผมจะจ้างเมิ่งต้าให้ช่วยดูแลสวนผลไม้ให้ เขาบอกว่าสร้างบ้านให้ภรรยาต้องรีบใช้เงิน หากจ้างเขาให้มาดูแลเขาต้องทำแน่นอน ส่วนเรื่องกระต่ายผมว่าจะจ้างชุยต้ากับน้องชายให้มาดูให้ พวกเขาสองคนก็เหมือนกับเมิ่งต้านั่นแหละ ต่างก็อยู่ในวัยที่จะหาภรรยากันแล้ว ได้เงินก็ต้องยินดีอยู่แล้วแหละ แบบนี้ผมก็มีเวลาว่างออกไปค้าขายได้ด้วย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านรองกับบ้านสี่ยังไม่ไปไหน บ้านสามมีแววจะถีบตัวเองขึ้นมา ส่วนบ้านหกน่ะเหรอทิ้งห่างคนอื่นไปนานมากแล้ว
เหวินเทาซะอย่าง เรื่องอะไรต้องทำเองทั้งหมด จ้างคนอื่นก็สิ้นเรื่อง
ไหหม่า(海馬)