เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 196 สูตรลับกำเนิดลูกชาย
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 196 สูตรลับกำเนิดลูกชาย
เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขัน เหวินเทาของเธอช่างมีความสามารถจริง ๆ
เด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น ต่างก็วิ่งตะโกนโหวกเหวกออกไปเรียกผองเพื่อนแล้ว
“ภรรยา คุณจำไว้นะ ต้องให้พวกเขาปอกข้าวโพดพวกนั้นให้เสร็จถึงจะให้รางวัลนะ” จ้าวเหวินเทากำชับ
“แล้วถ้าเกิดพวกเขาเหนื่อย ทำไปไม่กี่วันแล้วเลิกทำล่ะคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ไม่ต้องให้แม้แต่เม็ดเดียว” จ้าวเหวินเทาตอบแบบง่าย ๆ
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีคนแบบคุณด้วยเหรอคะเนี่ย คุณนี่มันจ้าวจอมถลกหนังชัด ๆ!”
“ภรรยา ก็เป็นเพราะผมเป็นจอมถลกหนังนี่แหละถึงได้ใช้ชีวิตดี ๆ ลองไม่ใช่จอมถลกหนังแล้วคุณดูสิ มีแต่คนจนทั้งนั้น” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
วิธีนี้ของจ้าวเหวินเทาได้ผลดีมาก
ตอนค่ำวันถัดมา เจ้าพวกต้านและเจ้าพวกหยาก็มาที่นี่เพื่อปอกเปลือกข้าวโพด อย่ามองว่าเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ พวกเขาทำงานกันอย่างหนักหน่วงมาก เพราะอะไรน่ะเหรอ? แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะรางวัลอย่างไรล่ะ
อาหารกินเล่นในตอนนี้มีไม่เยอะจริง ๆ แต่อาหกของพวกเขาไม่งกขนาดนั้น เขาจะต้องให้ขนมกินแน่นอน!
เย่ฉูฉู่เห็นก็แอบทำใจไม่ได้ ตอนที่เสี่ยวไป๋หยางนอนหลับ เธอจึงทำถังสุ่ยให้พวกเขาดื่ม พวกเด็ก ๆ จึงทำงานกันอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่อาจปิดบังพวกผู้ใหญ่ได้
พี่สามจ้าวทราบเรื่องก็ด่าหม่าต้านและเอ้อร์หยาด้วยความโกรธ “พวกแกนี่มีอนาคตจริง ๆ เลยนะ เพื่อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยอมทำงานให้อาหกของพวกแกแล้ว ฉันเป็นคนเลี้ยงพวกแกมา สั่งให้พวกแกทำงานนิดหน่อยก็บ่ายเบี่ยง!”
หม่าต้านกับเอ้อร์หยาปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
พวกเขามีประสบการณ์ในการรับมือกับพ่อ ไม่พูดอะไรถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นพ่อของพวกเขาไม่ยอมหยุดแน่!
พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ “ตอนที่น้องหกยังเด็กก็ทำงานแลกกับของกินไปไม่น้อย ช่วยน้องหกปอกเปลือกข้าวโพดไม่กี่ฝักมันจะทำไมกันเชียว อย่าว่าแต่ให้กินลูกอมเลย ต่อให้ไม่ได้ให้มันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร”
พี่สามจ้าวโกรธมาก ทำไมตัวเองต้องมาแต่งงานกับภรรยาผีบ้าอะไรก็ไม่รู้ด้วย ถึงได้เอาแต่เข้าข้างคนอื่น!
ทางฝั่งพี่สะใภ้รองจ้าวก็ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก ลูกของพวกหล่อนโตกันหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพลังที่มากกว่าครึ่ง แต่ก็ใกล้เคียง ตอนกลางคืนไปช่วยอาเล็กของพวกเขาปอกเปลือกข้าวโพดทุกวัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็รู้สึกเสียเปรียบอยู่ดี ให้ลูกกวาดกับถั่วเคลือบน้ำตาลอะไรพวกนั้น สำหรับเด็ก ๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สำหรับผู้ใหญ่แบบหล่อนมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย
แต่ถ้าไม่ให้ลูกออกไปช่วย ก็กลัวว่าจะถูกป่าวประกาศบอกปากต่อปาก ช่างยุ่งเหยิงจริง ๆ
คิดไปคิดมา จึงทำได้เพียงแค่ทำเนียนบอกลูก ๆ ว่างานในบ้านมีเยอะมาก ให้พวกเขาทำงานในบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปช่วย
แต่พวกเด็ก ๆ กลับต้องการลูกกวาดและถั่วเคลือบน้ำตาล ทำเอาพี่สะใภ้รองจ้าวโกรธจนควานหาไม้กวาด “ยังอยากได้ลูกกวาดอีก เดี๋ยวแม่จะตีให้กลายเป็นลูกกวาดเลย!”
ต้าหยา เถี่ยต้าน และหลูต้านรีบหดหัว เขาคิดออกได้อีกหนึ่งวิธี คือไปเรียกเด็ก ๆ ในหมู่บ้านให้ไปช่วยปอกเปลือกข้าวโพดให้อาหก ส่วนพวกเขาก็มาทำงานของตัวเอง
แบบนี้ก็สามารถทำให้แม่พึงพอใจได้ และไม่เสียเวลาที่จะได้ถั่วเคลือบน้ำตาลด้วย
ต้องยอมรับว่าพวกเด็ก ๆ เห็นแก่กินมากจริง ๆ
เด็กเหล่านี้เมื่อรวมกับบ้านของพี่สะใภ้สี่จ้าวแล้ว ซานหยาและซื่อหยาจะเด็กที่สุด แต่พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับเป็นคนออกตัวให้ลูกสาวสองคนไปช่วยจ้าวเหวินเทาปอกเปลือกข้าวโพดเอง ทั้งยังกำชับบอกว่าอย่าแอบอู้งาน
สิ่งนี้ทำให้เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกเหนือความคาดหมาย พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วสิ พี่สะใภ้สี่จ้าวเป็นคนกระตือรือร้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“ในบ้านมีงานเยอะขนาดนี้ ยังจะให้ฉันเลี้ยงเด็กผลาญเงินพวกนี้ คิดว่ามันง่ายมากเหรอ” หลังจากส่งสองหยาออกไปแล้ว พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงร้องทุกข์กับพี่สี่จ้าว
พี่สี่จ้าวพูดอย่างไร้ความปรานี “คุณเต็มใจเอง ไม่มีใครบังคับคุณสักหน่อย”
พี่สะใภ้สี่จ้าวด่าเขาว่าเป็นพวกไม่มีจิตสำนึก จากนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง “ช่วยไม่ได้ บ้านนั้นเขามีลูกชายแล้ว แต่ลูกของฉันเป็นลูกสาว ฉันจะไปทำอะไรได้”
พี่สี่จ้าวคิดไม่ออกเลยว่าการเรียกลูกไปปอกเปลือกข้าวโพดกับคลอดลูกชายมันเกี่ยวกันตรงไหน แต่เขาก็ไม่ได้ถาม ถึงอย่างไรต่อให้ไม่ถามภรรยาของเขาก็พูดด้วยตัวเองอยู่ดี
และแล้วพี่สะใภ้สี่จ้าวก็พูดไปถึงเรื่องนั้นจริง ๆ
“ตอนที่น้องสะใภ้หกยังไม่คลอดฉันก็เคยถามแล้ว ตอนนั้นฉันคิดว่าจะขายสูตรนั้นให้เธอ เธอบอกว่าเธอก็มีสูตรคลอดลูกชายเหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้เธอก็คลอดลูกชาย แต่ฉันกลับได้ลูกสาว นี่มันอธิบายให้เห็นอะไรล่ะ? สูตรของน้องสะใภ้หกใช้ได้ผลน่ะสิ” พี่สะใภ้สี่จ้าวคุยจ้อ “คุณคิดว่าในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันจะไปกล้าทำให้เธอไม่พอใจได้เหรอ”
พี่สี่จ้าวมองภรรยาตัวเอง เขาเองก็แอบหมดคำพูดกับตรรกะแบบนี้ของภรรยาจริง ๆ ยังจะมาพูดว่าทำให้ไม่พอใจอีก?
ช่วยปอกข้าวโพดไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แต่ถ้าไม่ช่วยก็จะทำให้ไม่พอใจงั้นสิ?
เขาไม่เห็นจะเคยรู้เลยว่าเหล่าลิ่วกับน้องสะใภ้หกเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้?
พี่สะใภ้สี่จ้าวคิดว่าพี่สี่จ้าวไม่เข้าใจ จึงอธิบายไปว่า “ตอนนี้เธอขาดคนช่วยปอกข้าวโพด ฉันเลยเรียกซานหยากับซื่อหยาให้ไปช่วย ส่วนตัวเองก็จะได้เอ่ยปากถามเรื่องสูตรคลอดลูกชายกับเธอด้วย เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องคลอดลูกชายหรอก คุณว่าจริงไหมล่ะ? ฉันเห็นน้องสะใภ้หกก็ไม่ใช่คนปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนั้น ต้องช่วยฉันแน่นอนเลย”
พี่สี่จ้าวจึงเข้าใจความหมายของภรรยา อ้อมไปเสียกว้างก็เพื่อสูตรคลอดลูกชายนี่เอง
แม้ว่าพี่สี่จ้าวเองก็อยากมีลูกชาย แต่ครั้งนี้การที่เขาไม่ได้ลูกชายถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อเขา และทำให้เขาแอบรู้สึกท้อแท้อยู่เหมือนกัน
มันก็มีคำพูดนั้นไม่ใช่เหรอ ‘ชีวิตเมื่อถูกลิขิตไว้ว่าไม่มีลูกชายย่อมไม่อาจบังคับได้’
บางทีชีวิตของเขาอาจจะไม่มีลูกชายก็ได้?
ช่างมันเถอะ คนเราไม่สามารถต่อสู้กับโชคชะตาได้
เพียงแต่เมื่อพี่สะใภ้สี่จ้าวพูดถึงเรื่องสูตรคลอดลูกชาย ก็ทำให้ภายในใจของเขาเกิดคลื่นเล็ก ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“น้องสะใภ้หกได้ลูกชายเพราะสูตรนี้จริง ๆ เหรอ?” พี่สี่จ้าวถาม
“จะโกหกทำไมล่ะ หล่อนบอกฉันเองว่ามีสูตรคลอดลูกชาย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างมั่นใจ “มีสูตรหนึ่งทำให้คลอดลูกชายออกมาได้ ถ้าไม่พึ่งพาสูตรในการคลอดลูกชายจะให้พึ่งพาอะไร? หล่อนเข้ามาอยู่ในครอบครัวตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีลูกสักคน แต่แค่แป๊บเดียวก็คลอดลูกชายเลย!”
พี่สี่จ้าวเองก็แอบเชื่ออยู่เหมือนกัน จึงพูดอย่างลังเลว่า “หรือว่า เธอเองก็ไปช่วยปอกเปลือกข้าวโพดด้วยดีไหม?”
พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับรีบพูดว่า “ฉันว่างซะที่ไหนกันคะ ข้าวโพดบ้านเรายังหักไม่เสร็จเลย ไหนจะมียัยเด็กนั่นอีก คุณอยากให้ฉันเหนื่อยตายหรือไง!”
“ไหนคุณบอกว่าไม่มีเรื่องใดสำคัญเท่าเรื่องลูกชายไม่ใช่เหรอ?” พี่สี่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่จะให้ฉันเหนื่อยตายก็ไม่ได้นะ ฉันเหนื่อยตายขึ้นมาใครจะคลอดลูกชายให้คุณ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวถลึงตาใส่เขา “เอาเถอะ คนสมองทื่อเป็นตอไม้แบบคุณจะไปรู้อะไร ฉันมีแผนในใจ คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก!”
“คุณมีแผนในใจแล้วมาพูดกับผมทำไม!” พี่สี่จ้าวพูด
“พูดกับคุณแล้วจะทำไม คุณเป็นสามีของฉันนะ ไม่ให้พูดกับคุณแล้วจะให้ไปพูดกับหมาที่ไหน เรื่องที่อยากได้ลูกชายฉันทำคนเดียวได้เหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวขึ้นเสียง “ในเมื่อเมล็ดพันธุ์ของคุณให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ยังจะไม่ให้ฉันพูดอีก!”
“ทั้ง ๆ ที่ที่ดินของคุณไม่ดีเอง เมล็ดพันธุ์ให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ยังจะมาบ่นผมอีกเหรอ!” พี่สี่จ้าวตอกกลับไปอย่างไร้ความปรานี
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็อภิปรายกันเรื่องเมล็ดพันธุ์และที่ดินอีกครั้ง แต่จากบทเรียนคราวก่อน จึงไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง จากนั้นก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลงอย่างเงียบ ๆ
มีเด็ก ๆ มาปอกเปลือกข้าวโพด ประกอบกับจ้าวเหวินเทาทำงานช่วงการดึก ใช้เวลาไม่กี่วันข้าวโพดไม่กี่สิบหมู่ก็ถูกปอกออกมาจนเสร็จ
แน่นอนว่าช่วงเวลานี้ลิงน้อยไฉไฉก็ออกแรงด้วย แต่การปอกข้าวโพดไม่ใช่การเก็บผลไม้ และต้องออกแรงมาก ลูงลิงจึงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก ตอนที่มีข้าวโพดจำนวนเยอะ ๆ มันจึงตีลังกาบนกองข้าวโพดเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆ
หลังจากปอกข้าวโพดเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็สั่งให้พวกเด็ก ๆ นำต้นข้าวโพดไปไว้ที่ใต้กำแพง หลังจากตั้งตรงไว้อย่างดี ก็หมายความว่าการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของครอบครัวของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว!
ตอนนี้ยังมีครอบครัวที่ยังเคาะดอกทานตะวันไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ แต่นี่ก็เป็นเพราะความเร็วของจ้าวเหวินเทาต่างหากล่ะ!
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สูตรลับอะไรอีกล่ะพี่สะใภ้สี่ ไม่ใช่ว่าเสียหมาได้ลูกสาวเหมือนคราวที่แล้วอีกนะ
ทำงานหลายคนมันก็ต้องเร็วกว่าอยู่แล้ว
ไหหม่า(海馬)