เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 202 ฟุ่มเฟือยอีกแล้ว
จ้าวเหวินอู่ถึงกับกลอกตามองบนใส่จ้าวเหวินเทา “ฉันเองก็อยากรวย แต่ถ้วยแตก ๆ พวกนั้นมันจะทำให้รวยได้ไง?”
พูดไปหนึ่งประโยค เขาก็เปลี่ยนบทสนทนามาที่เรื่องไฟฟ้า
จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องตลาดวัตถุโบราณแบบเจาะจง แต่เขาก็ทราบได้ว่าของเหล่านี้หากเป็นของแท้ก็จะมีราคามาก
ลูกพี่ลูกน้องอย่างจ้าวเหวินอู่คนนี้ต่อให้ไม่ได้ร่ำรวย ก็น่าจะได้เงินมาส่วนหนึ่งแล้ว
“ทำไมเหรอ นายเองก็อยากเดินไฟฟ้าเข้าบ้านเหมือนกันงั้นเหรอ?” จ้าวเหวินเทาคุยกับเขาเกี่ยวกับขั้นตอนการติดตั้งไฟฟ้าไปรอบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมจะไม่อยากล่ะ ตอนกลางคืนมืดตึ๊ดตื๋อออกขนาดนั้น ทำอะไรก็ไม่สะดวก!” จ้าวเหวินอู่กล่าว “แต่ฉันไปถามที่สำนักงานการไฟฟ้ามาแล้ว เขาบอกว่า ทางฝั่งพวกเรายังไม่มีกำหนดการชั่วคราว นายฟังดูสิ หมู่บ้านทางตะวันออกกับตะวันตกของพวกเรา ห่างกันแค่สองลี้เอง พวกนายก็ได้ติดตั้งไปแล้ว แต่กลับไม่ติดตั้งให้พวกเรา มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ”
“แบบนั้นก็ไม่เห็นจะยากเลย พวกนายก็สร้างฟาร์มกระต่ายขึ้นมาด้วยสิ คิดว่าก็คงติดตั้งให้เหมือนกันนั่นแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว ตอนนี้ไม่ว่าจะเจอใครเขาก็ส่งเสริมการขายกระต่ายของเขาแล้ว
จ้าวเหวินอู่มีความสุข “เรื่องเลี้ยงกระต่ายค่อยว่ากันเถอะ ที่ฉันมาหานายเพราะอยากคุยเรื่องการค้าขายอย่างอื่น หมู่บ้านของพวกนายไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว เรื่องดี ๆ แบบนี้จะไม่มาฉลองสักหน่อยได้ไงล่ะ”
จ้าวเหวินเทาชะงัก “ฉลอง ฉลองยังไง?”
“ก็การแสดงภาพยนตร์แล้วก็งิ้วไง นี่ก็เก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสร็จแล้ว ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นแล้วด้วย พวกเราสองหมู่บ้านออกเงินสักหน่อย เหมาหนังสักสามสี่รอบ หรือเหมาคณะงิ้วสักสองสามรอบก็ได้เหมือนกันนะ” ก่อนที่จ้าวเหวินอู่จะมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าคิดไว้อย่างดีแล้ว “การพัฒนาเศรษฐกิจกับการพัฒนาจิตวิญญาณผู้คนต้องดำเนินไปด้วยกัน ในหนังสือพิมพ์ก็บอกไว้แล้ว”
จ้าวเหวินเทาเข้าใจแล้ว หมอนี่คิดจะมาเอาเปรียบเขานี่เอง การเหมาภาพยนตร์ให้ทั้งหมู่บ้านดูเพียงฝ่ายเดียวแน่นอนว่าเป็นภาระหนักกว่าการที่สองหมู่บ้านออกเงินร่วมกันอยู่แล้ว
“ทีมใหญ่ของพวกเราไม่ได้เหมาภาพยนตร์มาหลายปีแล้วมั้ง?” จ้าวเหวินเทาครุ่นคิดครู่หนึ่งพลางกล่าว
นี่เป็นเรื่องส่วนตัว ในเมื่ออยากแบ่งเบาภาระ เช่นนั้นสู้เรียกระดมพลทั้งทีมใหญ่ยังจะดีเสียกว่า หนึ่งทีมใหญ่จะมี 5-6 หมู่บ้าน ส่วนแบ่งของแต่ละบ้านจึงน้อยลง ที่สำคัญคือได้ผลประโยชน์แบบส่วนรวม
เขาเองก็ยอมรับว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อส่งเสริมกระต่ายของเขาด้วย
จ้าวเหวินอู่ไม่ทราบว่าจ้าวเหวินเทากำลังคิดอะไร เมื่อได้ฟังก็ตอบว่า “ใช่ไง 5-6 ปีแล้วนะ!”
“งั้นทีมใหญ่ของพวกเราก็เหมาด้วยกันไปเลยสิ” จ้าวเหวินเทาก็พูด “ไม่เพียงแค่เหมาภาพยนตร์นะ พวกเราต้องเตรียมคณะงิ้วด้วย เตรียมไว้ให้หมดเลย ถึงจะเป็นความครึกครื้นอย่างแท้จริง นายว่าไง?”
จ้าวเหวินอู่หัวเราะพร้อมกับยกยอ “เอาสิ นายนี่สุดยอดเลย แค่ลงมือก็ใจกว้างแล้ว!”
จ้าวเหวินเทากล่าว “เรื่องนี้ก็ต้องรอให้เลขาอนุมัติด้วยนะ ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ พวกเราไปถามดูก่อน ถ้าได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปที่อำเภอ นายก็ไปด้วยกันเลย ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้ไปเชิญคนจากศูนย์วัฒนธรรมในอำเภอมาที่นี่”
จ้าวเหวินอู่พยักหน้ารัว ๆ “ตกลง งั้นพวกเราไปถามเลขากัน”
จ้าวเหวินเทาเองก็เป็นคนคล่องแคล่ว หลังจากใส่หมวกและสวมถุงมือ เขาจึงเดินไปบอกเย่ฉูฉู่ก่อน เย่ฉูฉู่ได้ยินว่าจะไปทำอะไร นางเองก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย ตอนนี้บ้านของนางถึงเวลาต้องหาเครือข่ายแล้ว สถานที่ใหญ่ ๆ แบบนี้ถือว่าใช้ได้เลย
จ้าวเหวินเทาและจ้าวเหวินอู่จึงเดินทางไปที่ทีมใหญ่ด้วยกัน
เมื่อเลขาได้ยินก็ถึงกับมึนงงไปหมด เพิ่งจะติดตั้งไฟฟ้าก็คิดจะเหมาภาพยนตร์และคณะงิ้วแล้ว ถึงจะฟุ่มเฟือยก็ไม่ควรจะฟุ่มเฟือยขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?
แม้เขาจะชอบจ้าวเหวินเทามาก แต่เรื่องนี้เลขากลับรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น นี่ต้องจ่ายเงินเท่าไรกันเนี่ย?
“เลขา ฟุ่มเฟือยอะไรกัน การสร้างจิตวิญญาณของผู้คนมีความสำคัญมากนะ” จ้าวเหวินอู่ก็ใช้วิธีนั้นของเขาอีกครั้ง
“อย่ามาโกหกฉัน! หมู่บ้านของพวกนายทำได้หมู่บ้านเดียวน่ะสิ เพราะไฟฟ้ายังไม่เข้า ในมือก็ยังมีเงินอยู่ แต่หมู่บ้านพวกเราเพิ่งติดตั้งไฟฟ้า มีทั้งค่ามิเตอร์ไฟฟ้า ค่าสายไฟ ค่าหลอดไฟอีก ใช้เงินไปไม่น้อยเลยด้วย จะไปมีเงินเหมาภาพยนตร์ได้ไง!” เลขาไม่ได้เล่นด้วย และปฏิเสธไปตรง ๆ
จ้าวเหวินอู่รีบพูด “เลขา นี่ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากติดตั้งไฟฟ้าหรอกนะ แต่สถานีการไฟฟ้าไม่มาติดตั้งให้ ผมเองก็บอกไปแล้ว ถ้าจะติดตั้งก็ติดตั้งด้วยกันเลย ทำอย่างกับพวกเราเป็นลูกเมียน้อยไปได้”
เลขาเบิกตาโต “ไอ้เด็กบ้า! หมู่บ้านตะวันออกของพวกนายอยากจะติดตั้งไฟฟ้าก็ต้องเลี้ยงกระต่าย สร้างฟาร์มกระต่ายขึ้นมาสิ ใครใช้ให้พวกนายไม่เลี้ยงกันล่ะ พวกนายไม่สร้างฟาร์มกระต่ายแล้วจะติดตั้งไฟฟ้ายังไง?”
จ้าวเหวินอู่ย่อมทะเลาะกับเลขาอยู่แล้ว
จ้าวเหวินเทารอให้พวกเขาสองคนคุยกันเสร็จ จึงเอ่ยปากพูดว่า “เลขา ทีมใหญ่ของพวกเรามี 5-6 หมู่บ้าน ถ้าอยากจะจัดสักรอบจริง ๆ หารกันแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร พวกเราไปถามที่ศูนย์วัฒนธรรมก่อนดีไหมว่าถ้าเหมาสักสามสี่รอบต้องใช้เงินเท่าไร แล้วค่อยมาว่ากันอีกที?”
“ฉันเกรงว่าต่อให้น้อยกว่านี้คนในหมู่บ้านก็ไม่ยอมจ่ายกันน่ะสิ” เลขาพูดพลางชี้หน้าจ้าวเหวินเทา “เป็นเพราะนายทำเรื่องดี ๆ นี่แหละ หมู่บ้านของพวกเราถึงได้เกือบจะเป็นหนี้กันหมด แล้วก็นายด้วยจ้าวเสี่ยวลิ่ว นายนั่นแหละติดหนี้มากที่สุด นายยังคิดจะดูหนังฟังงิ้วอีก ทำไมจิตใจของนายถึงได้เพียรพยายามขนาดนี้ ทำไมถึงกล้าขนาดนี้!”
จ้าวเหวินเทายิ้ม
เขาเองก็ทราบดีว่าเลขาเตือนเพราะหวังดี เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เลขา นี่ก็เป็นเพราะขาดแคลนเงินยิ่งต้องดูภาพยนตร์ฟังละครเพลงไง สร้างอารยธรรมจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว ถึงจะมีอารมณ์ไปทำงานหาเงินเพื่อใช้หนี้ไง”
เลขายิ้มด้วยความโกรธ “ตรรกะผิดเพี้ยนของนายนี่เยอะจริง ๆ!”
จ้าวเหวินอู่หัวเราะร่า “เหวินเทาพูดถูก ต้องสร้างอารยธรรมทางจิตวิญญาณให้ดีก่อนสิครับ ถึงจะมีอารมณ์ไปทำงานหาเงินใช้หนี้!”
เลขาทนไม่ไหวกับการพันธนาการด้วยวิธีการต่าง ๆ ของคนสองคนนี้ แต่อันที่จริงเรื่องนี้ถ้าแบ่งเท่า ๆ กัน ก็ยังรับไหวอยู่ สร้างความครึกครื้นก็ไม่เลวเลย จึงพูดไปว่า “ฉันขอไปถามดูก่อน ดูว่าคนในหมู่บ้านเห็นด้วยไหม”
เลขาจึงประกาศผ่านลำโพงทันที เขาแจ้งเรื่องที่จะเหมาคณะงิ้วและภาพยนตร์ เมื่อประกาศออกไปเช่นนี้ ในหมู่บ้านก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
พี่สามจ้าวกลับไปขายเต้าหู้แล้ว วันนี้เขากลับมาเร็วและตัดสินใจว่าจะนำถั่วไปล้างและแช่ไว้แล้วค่อยไปพัก แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะด่าว่า “เลขานี่กินยาผิดขวดแล้วมั้ง คิดจะทำก็ทำ ยังจะมาเหมางิ้วเหมาหนังอีก อยากทำก็ออกเงินเองสิ!”
มีใครไม่รู้บ้างว่าเรื่องแบบนี้คนทั้งหมู่บ้านต้องออกเงิน ไม่มีใครที่จะหาข้ออ้างได้ พี่สามจ้าวเห็นความสำคัญของเงินมากขนาดนั้นก็ย่อมเสียดายอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียดายเงินถึงขั้นคนอื่นออกเงินหมดยกเว้นเขาคนเดียว เขายังจะอยู่ในหมู่บ้านต่อไปได้อีกเหรอ?
ดังนั้นถ้าไม่คิดจะจ่ายเงินทั้งหมู่บ้านก็ต้องไม่จ่ายเงินด้วย ไม่เช่นนั้นก็หนีไม่พ้น
ภรรยาของเหล่าหวังสามก็กลับมาจากทีมใหญ่พอดี หล่อนเดินผ่านประตูบ้านของพี่สามจ้าว ได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะทั้งยังพูดเสียงดังว่า “เหล่าจ้าวสาม นายอย่าเข้าใจเลขาผิดสิ คนที่อยากดูหนังฟังงิ้วก็คือจ้าวเสี่ยวลิ่วของนายนั่นแหละที่เสนอความคิดนี้!”
พี่สามจ้าวได้ยินก็ด่าออกมา “ทำไมถึงเป็นไอ้หมอนั่นอีกแล้ว ไม่วิ่งออกไปขายของข้างนอกหรือไง อยู่ในหมู่บ้านว่าง ๆ ก็ไม่ยอมทำเรื่องดี ๆ!”
ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดพลางเดินเข้ามา หล่อนมองไปที่เสาไม้ใต้กำแพง ก็พบว่ามีผักกาดขาวที่ถูกถักไว้ จึงพูดว่า “ผักกาดขาวนี้ก็ถักไว้แล้ว เหล่าจ้าวสามนายนี่ใช้ชีวิตเป็นจริง ๆ นะ!”
ครั้นมองไปรอบๆ ลานแห่งนี้ ก็พบว่าถูกเก็บกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน จึงเดาะลิ้นกล่าวชม
เหล่าจ้าวสามนอกจากทำเต้าหู้อร่อยแล้ว ยังมีอีกคุณสมบัติด้วย…คือโรคย้ำคิดย้ำทำ!
ไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ต้องวางเป็นระเบียบ ของอะไรวางไว้ตรงไหนก็ต้องสะอาดสะอ้าน ทั้งด้านนอกและด้านในบ้าน บริเวณรอบ ๆ ลานบ้านก็เป็นแบบนี้ สกปรกแค่นิดเดียวต่อให้นอนแล้วก็ต้องลุกขึ้นมาจัดให้เรียบร้อยถึงจะนอนหลับได้ ไม่เช่นนั้นคงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
ไม่รู้ว่านี่เป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาแต่พอดีนะเหวินเทา เป็นหนี้แต่พองาม แต่ด้านจิตวิญญาณก็จำเป็นต้องพัฒนาจริง ๆ นั่นแหละ ไม่มีดนตรีไม่มีหนังดู ชีวิตก็จืดชืดเหมือนกัน
พี่สามจ้าวนี่เป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบอยู่เหมือนกันนะ ทุกอย่างต้องเป๊ะว่างั้น
ไหหม่า(海馬)