เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 224 ปฏิเสธ
ตอนที่ 224 ปฏิเสธ
เมิ่งต้าที่ไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่แรกกล่าว “พี่หก พี่พาผมไปด้วยสิ”
เขาเพิ่งจะทำการค้าขาย จึงไม่ค่อยชอบพูดเท่าไรนัก พรุ่งนี้เขาก็ต้องไปขายผักที่ตลาดเหมือนกัน
จ้าวเหวินเทาตอบตกลง หลังจากทั้งสองคนนัดเวลากันแล้วก็กลับไป
เด็กหนุ่มสองสามคนที่เหลืออยู่ก็กลับไปแล้ว จ้าวเหวินเทามองพี่สามจ้าวที่นั่งพิงกำแพงหลับอยู่ ก็แอบหมดคำพูด
เย่ฉูฉู่เดินเข้ามาเห็นก็เรียกพี่สาม พี่สามจ้าวจึงสะดุ้งตื่น
“อ้าว! พวกเขาล่ะ?” เมื่อพี่สามจ้าวขยี้ตาก็พบว่าคนอื่นกลับไปหมดแล้ว
“ถ้าพี่เหนื่อยก็กลับไปนอนเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
พี่สามจ้าวหาว ก่อนจะถอนหายใจ “หลายวันมานี้ฉันตื่นตีสามกว่าทุกวันเลย ร่างกายล้าจนไม่ไหวแล้ว!”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยความเป็นกังวล “พี่สาม ถ้าพี่ปล่อยให้เหนื่อยจนร่างกายแย่ขึ้นมาจะทำยังไงคะ? พักสักวันเถอะ”
พี่สามจ้าวลงจากเตียงและใส่รองเท้า ปากก็พูดไปว่า “ดูน้องสะใภ้หกพูดเข้า พักหนึ่งวัน ก็เท่ากับว่าเงินหายไปหนึ่งวันเลยนะ บ้านหลังนี้หนี้ยังจ่ายไม่หมดเลย!”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมได้ยินมาว่ากระต่ายของพี่ก็ขายได้เงินเยอะอยู่นะ”
“จะไปสู้นายได้ไงล่ะ!” พี่สามจ้าวสวมรองเท้าเสร็จแล้ว เขาก็ยกแก้วชาขึ้นมาดื่มจนหมดเพื่อเรียกสติ
เย่ฉูฉู่รีบกล่าว “พี่สาม เดี๋ยวฉันเทน้ำร้อนเพิ่มให้อีกหน่อยค่อยดื่มนะคะ”
“ก็ได้” พี่สามจ้าวนั่งลงอีกครั้ง
บ้านหลังนี้อบอุ่นกว่าบ้านของเขามาก ทั้งยังมีชาให้ดื่ม มีไฟส่องสว่างทั้งหลัง ไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ
ไม่ได้การล่ะ เขาต้องรีบหาเงิน จะได้สร้างบ้านแบบนี้ขึ้นมาได้ถึงจะดี!
จ้าวเหวินเทาเห็นพี่สามจ้าวหน้าตอบแถมยังหมองคล้ำ เบ้าตาทั้งสองข้างก็ลึกโหลดูเหมือนกับคนสูบบุหรี่จัด ๆ จึงแอบส่ายหน้าอยู่ในใจ หากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ว่าจะช้าหรือเร็วร่างกายคงแย่แน่ ๆ หาเงินแบบไม่รักชีวิตขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่!
“แค่ก ๆ!” จ้าวเหวินเทาไอกระแอมเบา ๆ “พี่สาม การหาเงินไม่ใช่ว่าจะหาด้วยวิธีนี้หรอกนะ พี่ทำแบบนี้ต่อไปมันจะไหวเหรอ ถ้าป่วยขึ้นมาจะยิ่งทำให้เสียรายได้มากขึ้น ฉันว่าพี่ให้พี่รองกับพี่สี่ช่วยทำเต้าหู้ให้สิ ถึงเวลานั้นพี่ก็แค่รับผิดชอบเรื่องสั่งทำเต้าหู้พี่ให้เงินพวกเขา แบบนี้พวกเขาก็มีรายได้ด้วย ส่วนพี่ก็สบายขึ้นอีกหน่อย แถมยังทำเต้าหู้ได้เยอะขึ้นด้วยนะ การทำมาค้าขายไม่ควรจะทำทุกอย่างด้วยการพึ่งพาตัวเองแค่คนเดียว แบบนั้นคงได้เหนื่อยตายเลย?”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหวินเทาพูดถูก พี่สามคะ พี่รองกับพี่สี่ก็ยังว่างอยู่ ฉันว่าพวกเขาก็น่าจะอยากหารายได้มากขึ้นด้วยเหมือนกัน ถึงเวลานั้นก็ให้พวกเขาทำเต้าหู้ ส่วนพี่ก็แค่สั่ง แบบนั้นก็ไม่เหนื่อยเกินไปแล้ว”
พี่สามจ้าวไม่ได้พูดอะไร
จ้าวเหวินเทาพูดต่อไปว่า “พี่รองกับพี่สี่ค้าขายไม่เป็น แต่พี่ทำเป็น ก็จะได้ช่วยส่งเสริมกันพอดี พี่สาม คงไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อใจแม้แต่พี่รองกับพี่สี่หรอกนะ?”
“ทำไมฉันจะไม่เชื่อใจล่ะ พี่น้องแท้ ๆ ตัวเองมีอะไรที่จะไม่เชื่อใจ!” พี่สามจ้าวรีบพูด ทว่าภายในใจกลับคิดว่า พี่น้องสามารถเชื่อใจกันได้อยู่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่เรื่องระหว่างพี่น้อง อย่าลืมว่ายังมีพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ด้วยนะ!
“พวกเธอพูดถูก กลับไปฉันจะลองไปปรึกษากับพี่สะใภ้สามของนายดู ทำแบบนี้ต่อไป ฉันว่าไม่ช้าก็เร็วคงได้เหนื่อยตายซะก่อน ในบ้านก็ไม่มีใครทำแทนฉันได้ด้วย!” พี่สามจ้าวบ่นไปหนึ่งประโยค หลังจากดื่มชาจนหมดก็กลับไป
“ฉันว่าพี่สามคงเหนื่อยมากเลยนะคะ” เย่ฉูฉู่รอจนพี่สามออกไปแล้วจึงกล่าว “เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ ๆ”
จ้าวเหวินเทาบุ้ยปาก “เขาทำตัวของเขาเองทั้งนั้น จะไปโทษใครได้?”
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ เธอหวังว่าพี่สามจ้าวจะคิดได้
พี่สามจ้าวกลับไปแล้วก็ยังคิดไม่ได้ เขาคิดว่าตนไม่อาจนำรายได้จากการค้าขายนี้แบ่งให้กับพี่ชายและน้องชาย แต่เมื่อนอนคิดถึงเรื่องนี้ มันก็ทำให้เขาตื่นสายในเช้าวันรุ่งขึ้น
เขาเหนื่อยมากจริง ๆ ตื่นมาก็ใส่ส่วนผสมเต้าหู้ด้วยความสะลึมสะลือจนทำให้เต้าหู้เสียหายไปหนึ่งหม้อ สิ่งนี้ทำให้เขาปวดใจมาก วันนี้ผ่านไปได้ไม่ดีเอาเสียเลย มันจึงทำให้เขาคิดทบทวนถึงคำพูดของจ้าวเหวินเทาใหม่อีกครั้ง หลังจากคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดเขาก็เชื่อคำพูดของจ้าวเหวินเทา จึงไปคุยกับพี่รองจ้าว
พี่รองจ้าวขนฟืนตลอดทั้งวันก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน เขากำลังนอนพักอยู่บนเตียง แม้ว่าพี่สามจ้าวจะมาหาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมานั่ง เพียงแค่บอกให้พี่สามเข้ามานั่งคุย
พี่สามจ้าวนั่งที่ขอบเตียงพลางกล่าว “พี่รอง พี่ขนฟืนหลายวันแล้วใช่ไหม? นี่ก็น่าจะพอเผาแล้ว ปีนี้ฟางข้าวมีเยอะไม่เลวเลยนะ”
พี่รองจ้าวพูดอย่างหมดแรง “ยังบอกว่าฟืนเยอะอีกเหรอ? ฤดูหนาวอากาศหนาวจะตาย เตรียมไว้เยอะ ๆ หน่อยจะได้ไม่หนาวจนแข็ง”
“ไม่หนาวจนแข็งมันก็จริงอยู่หรอก แต่มันไม่ได้เงินนะ” พี่สามจ้าวพูดพลางกระชับเสื้อให้แน่น
ในบ้านของพี่รองจ้าวไม่ได้อบอุ่นเหมือนกับบ้านของจ้าวเหวินเทา แม้ว่าจะไม่ได้หนาวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังรู้สึกเย็นอยู่ดี ตอนนี้ยังไม่ได้เผาเตา เตียงก็ยังไม่ร้อน แค่รู้สึกอุ่น ๆ ก็เท่านั้น พี่สามจ้าวเห็นดังนี้ก็แอบส่ายหน้าในใจ ยังจะบอกว่าไม่ให้หนาวจนแข็งอีก ตอนนี้ก็ไม่เห็นว่าพี่จะอบอุ่นสักเท่าไรเลย ชีวิตของเจ้าหกต่างหากล่ะที่เรียกว่าชีวิตที่ดี
คิดเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องพูดให้พี่รองจ้าวยอมเข้าร่วมให้ได้ แบบนี้เขาก็จะได้เงินเยอะขึ้นด้วย และมีชีวิตเหมือนกับจ้าวเหวินเทา
ปีนี้ไม่ว่าพี่สามจ้าวจะพูดอะไรก็เป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปหมด พี่รองจ้าวได้ยินจนเบื่อแล้ว ใช่ เงินสำคัญมาก แต่ชีวิตก็ไม่ได้มีแค่เงินไม่ใช่เหรอ? ถึงเจ้าหกจะได้เงินมาเยอะขนาดนั้น แต่ก็ไม่เห็นพูดถึงเงินทองตลอดเวลาเลย!
“นายมีธุระเหรอ?” พี่รองจ้าวไม่อยากคุยกับพี่สามจ้าวให้มากมาย
พี่สามจ้าวกล่าว “มีนิดหน่อยครับ”
“เรื่องอะไรล่ะ?” พี่รองจ้าวถาม
พี่สามจ้าวจึงพูดเรื่องที่จะร่วมมือกันทำเต้าหู้ไปหนึ่งรอบ พี่รองจ้าวชะงักและลุกขึ้นมานั่ง
“นายว่าอะไรนะ นายจะให้ฉันช่วยทำเต้าหู้?” พี่รองจ้าวน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก
พี่สามจ้าวรีบพูด “พี่รอง ผมไม่ได้ให้พี่ทำฟรี ๆ สักหน่อย ผมจะให้เงินพี่ด้วย พี่ก็แค่ช่วยบดถั่วแล้วเอาไปต้มเป็นน้ำเต้าหู้ให้ผม ที่เหลือผมทำเอง พวกอัดเต้าหู้ใส่พิมพ์อะไรพวกนั้นพี่ไม่ต้องสนใจหรอก”
ใช้ดีเกลือเท่าไร กดอัดด้วยแรงเท่าไร นี่เป็นสองขั้นตอนสำคัญที่เป็นตัวตัดสินว่าเต้าหู้จะอร่อยหรือไม่ เต้าหู้ของพี่สามจ้าวสามารถทำได้อร่อยแบบนั้น ก็ต้องพึ่งพาสองขั้นตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่วางใจที่จะให้พี่รองจ้าวเป็นคนทำ
เพียงแต่เขาเข้าใจพี่รองจ้าวผิด พี่รองจ้าวไม่ได้พอใจนักที่พี่สามจ้าวขอให้ช่วยทำเต้าหู้ นายขาย แต่ให้ฉันช่วย มีใครรังแกคนอื่นแบบนี้กันบ้าง?
แต่ตอนที่พี่สามจ้าวบอกว่าไม่ได้ให้เขาช่วยเหลือฟรี ๆ เขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระเกินกว่าที่พี่น้องแท้ ๆ จะพูดเรื่องเงิน จึงรีบปฏิเสธ
“เจ้าสาม ตอนนี้ฉันยังต้องขนฟืนนะ ฉันไม่มีเวลาหรอก นายไปถามเจ้าสี่แล้วกัน” พี่รองจ้าวกล่าว
“พี่รอง เรื่องนี้มีส่วนของเจ้าสี่ด้วย พวกเราสามพี่น้องจะทำด้วยกัน เขาก็เหมือนกับพี่นั่นแหละ ช่วยบดถั่วแล้วก็ต้มเต้าหู้ ผมทำทั้งหมดคนเดียวไม่ไหว ถั่วที่แปรรูปพวกนั้นเอามาทำเต้าหู้ได้หยาบกระด้างเกินไป แบบนี้ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป พี่กับเจ้าสี่ก็จะมีรายได้ด้วย ไม่ดีเหรอ?”
พี่รองจ้าวได้ยินก็ยิ่งไม่มีความสุข นี่จะให้พวกเขาเป็นลูกจ้างระยะยาวสินะ เจ้าสามคนนี้ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย แต่กลับเรียนรู้ที่จะเป็นเจ้าบ้าน! พูดอะไรก็ไม่ยินดีทั้งนั้นแหละ
พี่สามจ้าวถึงกับมึนตึ้บ ให้เงินก็แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมทำ มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ อีกอย่างคนแบบนี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของเขาเนี่ยนะ? เขาแอบสงสัยแล้วสิว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่า
“นายฟังไม่ผิดหรอก ต่อให้ฉันจนกว่านี้ก็ไม่เป็นลูกจ้างระยะยาวของนาย!” พี่รองจ้าวพูดด้วยน้ำเสียงเจือโมโห “ตอนนี้เป็นสังคมใหม่แล้ว สังคมเก่านั่นถูกโค่นล้มไปตั้งนานแล้ว!”
พี่สามจ้าวกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับผู้บริสุทธิ์ เขาแค่อยากจะให้พี่น้องของตัวเองได้รายได้เพิ่มนิดหน่อย ตัวเองก็จะได้ผ่อนคลายลงด้วย ทำไมถึงกลายเป็นปัญหาทะเลาะกันเสียอย่างนั้นล่ะ?
“พี่รอง งั้นพี่ไปคุยกับพี่สะใภ้รองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจนะครับ” พี่สามจ้าวยังไม่ยอมแพ้ เขาจึงทำได้เพียงแค่พูดดีด้วย
“ไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้นแหละ เมียฉันก็ไม่มีทางตอบตกลงเหมือนกัน ส่วนเจ้าสี่จะเป็นยังไงฉันไม่สนใจ นายอยากถามก็ไปถามเอง” พี่รองจ้าวพูดจบก็เอนตัวนอนต่อ ไม่ได้สนใจพี่สามจ้าวอีก
พี่สามจ้าวเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้นั่งต่อไป เขาลุกขึ้นเดินออกจากบ้าน ภายในใจรู้สึกหดหู่มาก เดิมทีอยากจะโน้มน้าวใจพี่รองจ้าวให้ร่วมมือกันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก ผลลัพธ์ที่ได้คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นพี่รองจ้าวที่ปฏิเสธเขา!
เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่เขาไปหาพี่สี่จ้าวเพื่อให้ช่วยเหลือก็ไม่ได้รู้สึกไม่เต็มใจเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มองในมุมพี่รองก็น่าจะกลัวว่าถ้าเกิดผลประโยชน์ขัดกันขึ้นมาระหว่างพี่น้อง ในภายหน้าก็จะมองหน้ากันไม่ติดอะไรอย่างนี้มั้งคะ เลยปฏิเสธไปก่อน อีกส่วนก็เป็นที่นิสัยของพี่สามด้วย พี่รองคงกลัวว่าต่อไปจะต้องทำงานให้ตลอดไม่มีทางหยุดพักเหมือนน้องสะใภ้สามล่ะมั้งคะ
ไหหม่า(海馬)