เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 235 ความคืบหน้าใหม่ล่าสุด
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 235 ความคืบหน้าใหม่ล่าสุด
ตอนที่ 235 ความคืบหน้าใหม่ล่าสุด
เย่ฉูฉู่ได้ยินก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ ทว่าปากกลับพูดไปว่า “นับวันเริ่มพูดจาเหลวไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะคะ!”
ลูกลิงที่อยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ พลางพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย เสี่ยวไป๋หยางก็โบกมือเล็ก ๆ เพื่อแสดงออกว่าแม่ของเขาพูดถูก
จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พวกเธอสองคนนี่นะ เป็นพวกกบฏจริง ๆ เลย!”
เย่ฉูฉู่เห็นก็หลุดหัวเราะออกมา
ในช่วงค่ำเธออุ่นฟองเต้าหู้สามแผ่น ทำโจ๊กข้าวฟ่าง นึ่งมะเขือยาวราดกระเทียมหนึ่งหัว ตบและหั่นแตงกวาหนึ่งหัว ทั้งสองคนรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย อย่าให้พูดเลย ฟองเต้าหู้ที่นึ่งไว้ของป้าใหญ่ในหมู่บ้านไท่ผิงอร่อยมากจริง ๆ
อย่ามองว่านี่เป็นการนึ่งอาหารแห้ง สำหรับบางคนไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อร่อย บางคนทำไปตามเรื่องตามราวกลับอร่อยมาก นอกจากนี้ยังมีผักดองเค็มที่เป็นแบบนี้เช่นกันที่แต่ละคนล้วนทำผักดองเค็มออกมาไม่เหมือนกัน เหมือนกับเย่ฉูฉู่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็อร่อยกว่าที่คนอื่นทำเสมอ
ตอนที่รับประทานอาหาร เย่ฉูฉู่ก็พูดเรื่องงานแต่งงานของเจ้ารองฉวี่
“ติดก็แต่เรื่องบ้าน นี่นานมากแล้วยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ฉันว่าคงจบเห่แล้วล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“เปล่าหรอก ตอนที่ผมกลับมา เจ้ารองฉวี่ก็เพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านของทางฝ่ายหญิง บอกว่าเอาฟองเต้าหู้ไปให้” จ้าวเหวินเทาซดโจ๊กพลางกล่าว
“หา? เอาฟองเต้าหู้ไปให้ฝ่ายหญิง?” เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมเฮ่อซงจือไม่มาบอกฉันเนี่ย?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “คงยุ่งอยู่กับการนึ่งอาหารแห้งนั่นแหละ อากาศหนาวขนาดนี้ หล่อนก็คงวิ่งมาที่นี่บ่อย ๆ ไม่สะดวก”
เย่ฉูฉู่คิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง บ้านของพวกเขาอยู่ค่อนข้างห่างไกล
“งั้นก็แปลว่าสำเร็จแล้วน่ะสิคะ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกสงสัยมาก
“จะไม่สำเร็จได้ไง ผมเห็นท่าทางขยันขันแข็งของเจ้ารองฉวี่ก็รู้แล้ว ผู้ชายพอถึงเวลาถ้าไม่พูดเรื่องภรรยาคงได้เป็นบ้า!” จ้าวเหวินเทากล่าว “อย่าพูดว่าฝ่ายหญิงอยากจะสร้างบ้านเลย ต่อให้เป็นดาวที่อยู่บนฟ้าก็ต้องไขว่คว้าเอามาให้! คุณรอดูได้เลย ทางตระกูลเหล่าฉวี่ต้องตอบตกลงแน่นอน”
เย่ฉูฉู่มองสามีด้วยความขบขัน “แล้วคุณล่ะคะ ก่อนหน้านี้ตอนที่อายุถึงแต่ไม่ได้พูดเรื่องภรรยาเกือบจะเป็นบ้าหรือเปล่า?”
จ้าวเหวินเทาได้ยินภรรยาหยอกเย้าก็หัวเราะคิกคัก “ใช่สิ ภรรยา ดังนั้นคุณเป็นคนช่วยผมไว้นะ!”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขาปราดหนึ่ง “รู้จักแต่พูดให้ฟังดูดี! จริงสิ ภาพยนตร์เรื่องนั้นของคุณเป็นยังไงบ้าง นี่ก็ใกล้จะข้ามปีแล้ว ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยเหรอ?”
เย่ฉูฉู่ไม่อยากได้ยินสามีของตนพูดพล่ามแล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เรื่องนั้นเหรอ กำลังปรับใหม่อีกรอบน่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว “เห็นบอกว่ายุ่งยากมาก ผมไปถามเกาเสียงกับฉินหมิงที่คณะละครมาแล้ว พวกเขาบอกว่าคงขายได้ตอนสิ้นเดือนนั่นแหละ”
“ดูได้แค่ในโรงหนังใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ดูเหมือนว่าจะใช่นะ” แต่จ้าวเหวินเทากล่าวจบก็รู้สึกได้ว่าภรรยาของเขาสนใจจริง ๆ จึงรีบพูดว่า “ภรรยา วันข้ามปีผมพาคุณไปดูหนังที่ในเมืองดีไหมครับ?”
เย่ฉูฉู่ชอบดูภาพยนตร์มาก ดังนั้นจึงถามออกไปแบบนี้ หากทำภาพยนตร์ออกมาแล้วสามารถซื้อกลับมาได้ก็จะได้ดูด้วย แต่เมื่อได้ยินความหมายของจ้าวเหวินเทา ก็ดูเหมือนว่าคงดูได้แค่ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เธอยังต้องเลี้ยงลูก อากาศหนาวขนาดนี้ให้ไปโรงภาพยนตร์ กลับมาก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม ๆ ดังนั้นช่างมันเถอะ!
“อากาศหนาวเกินไป ไปกลับใช้เวลาหนึ่งวัน ลูกทนไม่ไหวหรอกค่ะ รอฤดูร้อนปีหน้าค่อยพาลูกไปดูด้วยกันดีกว่า” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทามองดูเสี่ยวไป๋หยางที่กำลังใช้ลูกตากลมโตจ้องมองมาที่พวกเขา จึงจงใจพูด “เจ้าเด็กน้อย เป็นเพราะลูกคนเดียวเลยที่ทำให้แม่ไม่ได้ไปดูหนัง!”
จ้าวเหวินเทาพูดไม่ผิดเลยเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของเจ้ารองฉวี่ ผ่านไปไม่กี่วัน เฮ่อซงจือก็มาเล่าความคืบหน้าให้ฟัง ตระกูลของเหล่าฉวี่ยอมประนีประนอมแล้ว ตอบตกลงที่จะสร้างบ้านให้ ในบ้านจะหยิบเงินออกมาส่วนหนึ่งและยืมอีกส่วนหนึ่ง ส่วนที่ยืมเจ้ารองฉวี่ต้องเป็นคนคืนเอง ซึ่งฝ่ายหญิงก็ตอบตกลงแล้ว
“ตาบ้าเจ้ารองฉวี่นั่น ทำให้ฉันโกรธแทบตาย!” เฮ่อซงจือพูดด้วยความโมโห “ไปหาบ้านฝ่ายหญิงไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ ฉันยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”
เย่ฉูฉู่เองก็ประหลาดใจ เฮ่อซงจือไม่รู้ว่าเจ้ารองฉวี่ไปบ้านฝ่ายหญิงมา? เธอหรือก็นึกว่าเฮ่อซงจือไม่มาหาเพราะเรื่องแต่งงานไม่ประสบความสำเร็จเสียอีก
“เขาไปเองเหรอ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อได้ เจ้ารองฉวี่คนนี้ดูเหมือนเป็นคนซื่อตรงมาก มีความกล้าขนาดนี้เลยเหรอ?
“ก็ใช่น่ะสิ เขาไปเองเลย ที่บ้านของเขาก็ยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ ฉันได้ยินยายเฒ่าฉวี่เล่าให้ฟัง เขาบอกว่าจะไปบ้านพี่สาวใหญ่ เพราะจะเอาอาหารแห้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝาก ที่ไหนได้กลับไปบ้านฝ่ายหญิงซะงั้น!”
“นี่คงเป็นรักแท้สินะ!” เย่ฉูฉู่ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะนึกคำพูดของโจวหมิ่นได้ จึงเอ่ยปากพูดออกมา
“รักแท้? พรืด!” เฮ่อซงจือหัวเราะพรืดออกมา “ฉูฉู่ เธอนี่ช่างเข้าใจเล่นนะ! ถูกต้อง รักแท้ ก็คือรักแท้นั่นแหละ ฮ่า ๆ!”
“แต่เจ้ารองฉวี่คนนี้ก็เก่งจริง ๆ ไปแค่รอบเดียวก็สำเร็จแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ก็เป็นเพราะตอบตกลงเรื่องสร้างบ้านไง ลองไม่ตกลงเรื่องสร้างบ้านดูสิ จะสำเร็จเหรอ?” เฮ่อซงจือไม่เห็นด้วย
“มันก็จริง พวกเขาจะแต่งงานกันตอนไหนเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“สร้างบ้านเสร็จตอนไหนก็แต่งตอนนั้นแหละ” เฮ่อซงจือถอนหายใจ “เธอดูสิ คนเหมือนกันแท้ ๆ แต่ตอนแรกฉันกลับคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย ชุนเยี่ยนอายุน้อยกว่าฉันตอนนั้นอีกนะ!”
เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขัน “พอเถอะ เหวินจื้อของเธอก็ดีกับเธอมากไม่ใช่เหรอ? แถมยังเป็นครูด้วย เธอรู้จักพอเถอะ!”
“ฉันไม่รู้จักพอหรอก แค่คิดว่าถ้าเทียบฉันสมัยก่อนกับชุนเยี่ยน ฉันนี่โง่ชะมัดเลย!” เฮ่อซงจือไม่เต็มใจกับความโง่เขลาของตนเองในตอนแรก
เป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้เจ้ารองฉวี่มีชื่อเสียงภายในหมู่บ้าน ยังไม่ทันได้หมั้นก็ไปบ้านฝ่ายหญิงแล้ว นี่เป็นความเข้าใจใหม่ที่ทุกคนมีต่อเขา เมื่อเจอหน้าจึงพากันหยอกล้อ ในตอนนี้พี่สะใภ้สี่จ้าวก็ทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
ไม่แปลกใจที่พี่สะใภ้สี่จ้าวจะรู้เรื่องทีหลัง อันที่จริงช่วงนี้หล่อนกำลังยุ่งมาก ตั้งแต่ทำเต้าหู้ให้พี่สามจ้าว แม้แต่จะออกไปคุยเล่นข้างนอกก็ยังไม่มีเวลาเลย
ความต้องการของพี่สามจ้าวมีสูงมาก ถั่วจะต้องเลือกแบบที่สะอาด ไม่เอาถั่วเน่าเสีย ต้องล้างให้สะอาดสามรอบแล้วค่อยนำไปแช่ จากนั้นให้บดด้วยมือแล้วนำไปต้มในหม้อ หม้อก็ต้องเป็นหม้อสะอาดแยกต่างหากห้ามไม่ให้มีกลิ่นน้ำมัน เป็นเพราะในชนบทไม่ว่าจะทำอาหารหรือต้มน้ำก็จะใช้หม้อเดียวกันหมด ล้างก็ล้างไม่สะอาด ดังนั้นจึงต้องใช้หม้อแยกต่างหากเพื่อทำสิ่งนี้ ไม่เช่นนั้นเต้าหู้ที่ทำออกมาอาจจะเหม็นคาวได้
พี่สะใภ้สี่จ้าวอยากแอบลักไก่ แต่พี่สามจ้าวบอกว่าเขาทำเต้าหู้มาหลายปีแล้ว แค่ดมกลิ่นเต้าหู้และลองชิมนิดหน่อยก็รู้แล้วว่าทำอย่างไร หากเขารู้ว่าแอบลักไก่จะไม่ให้เงินแม้แต่เฟินเดียว!
เรื่องที่พี่สามจ้าวทำเต้าหู้อร่อยนั้นเป็นที่ยอมรับของทุกคน พี่สะใภ้สี่จ้าวเลยกลัวว่าหากทำออกไปแล้วเขาจะไม่จ่ายเงิน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ตั้งใจทำ การใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้หล่อนเหนื่อยจนไม่อยากจะลุกขึ้นมา ประกอบกับต้องเลี้ยงลูกด้วย จะไปมีเวลานั่งซุบซิบนินทาชาวบ้านได้อย่างไร ดังนั้นหล่อนจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอก
สองวันนี้ยุ่งอยู่กับการนึ่งอาหารแห้ง ต้องเตรียมเต้าหู้หนึ่งหม้อทุกวัน แต่ตอนนี้ผ่อนคลายลงแล้ว แถมหล่อนเองก็รู้สึกหายใจไม่ออกด้วย วันนี้จึงพาลูกมาให้คุณแม่จ้าวช่วยดูให้ ส่วนตัวเองออกจากบ้านไปนั่งพูดคุยเพื่อผ่อนคลาย จึงทำให้ได้ยินเรื่องนี้
นี่มันอะไรกัน เจ้ารองฉวี่ไม่ชอบคนที่หล่อนแนะนำให้เพราะก่อนหน้านี้เย่ฉูฉู่แนะนำให้แล้ว?
เรื่องนี้ทำให้หล่อนรู้สึกเหลือเชื่อ เย่ฉูฉู่เองก็เป็นแม่สื่อเหมือนกันเหรอ?
เท่าที่หล่อนจำได้ น้องสะใภ้คนนี้แตกต่างจากพวกหาล่อน ไม่เหมือนอย่างไรหล่อนเองก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่อยู่กันคนละโลกเลย
แต่คนที่เป็นแบบนี้ทำไมถึงได้ทำเรื่องที่พวกหล่อนทำล่ะ?
หล่อนไม่เชื่อ จึงมาถามเย่ฉูฉู่ด้วยตัวเอง
เย่ฉูฉู่คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวจะมาหาเธอช้าขนาดนี้
“เรื่องมันเป็นแบบนี้…” เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังหนึ่งรอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นี่แหละหนาที่เรียกว่าหงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน ประกาศอีกทีคือแต่งงานกันเลย
ไหหม่า(海馬)