เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 246 วิธีซื้อฟาร์มกระต่าย
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 246 วิธีซื้อฟาร์มกระต่าย
ตอนที่ 246 วิธีซื้อฟาร์มกระต่าย
นี่เป็นวาทศาสตร์การขายที่เย่ฉูฉู่เรียนรู้มาจากจดหมายของโจวหมิ่น ตอนนี้เธอเรียนรู้และนำมาใช้ขายจริง
คำพูดนี้ทำให้พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับยิ้มไม่หุบ มีเพียงหนึ่งเดียวเป็นคำที่หล่อนชอบ ทว่าปากกลับพูดไปว่า “น้องสะใภ้หกพูดน่าฟังดีนะ ผ้าผืนนี้ถ้าหากขายออกไป ทุกคนก็นำไปทำเสื้อผ้ากันหมด ฉันจะกลายเป็นเพียงหนึ่งเดียวอีกเหรอ?”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันคือหนึ่งเดียวจากหนึ่งในนั้นไงคะ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พี่สะใภ้สี่ ถ้าพี่ชอบจริง ๆ ฉันขายให้พี่หนึ่งเหมาก็แล้วกัน แล้วฉันก็จะให้ผ้าโพกหัวเพิ่มอีกหนึ่งผืนด้วย เอาไปตัดเป็นกางเกงให้ซานหยากับซื่อหยาไงคะ”
พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบพูด “ยัยเด็กสองคนนั่นจะตัดชุดใหม่อะไรกัน ใส่ไปก็เปลือง! เอาแบบนี้ ฉันซื้อผ้าเพิ่มอีกสักผืนให้พี่สี่ของเธอก็แล้วกัน เอาไว้ตัดกางเกง เธอขายถูกหน่อยนะ แล้วก็เพิ่มผ้าไว้ทำรองเท้าก็พอแล้ว”
เย่ฉูฉู่คำนวณอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าจะได้เงินไม่มาก แต่ก็ได้เงินมานิด ๆ หน่อย ๆ จึงพยักหน้าตอบตกลง
สามีหาเงินมาไม่ใช่ง่าย ๆ เธอไม่สามารถให้ราคาถูกตามใจชอบเพราะความสัมพันธ์ได้ อีกอย่างคนแบบพี่สะใภ้สี่จ้าว ต่อให้แจกให้แบบฟรี ๆ อีกฝ่ายก็ไม่เป็นเพื่อนกับคุณหรอก
ท้ายที่สุดพี่สะใภ้สี่จ้าวก็ซื้อผ้าให้ตัวเองและพี่สี่จ้าวคนละผืน นอกจากนี้ยังได้ผ้าอีกผืนจากเย่ฉูฉู่เอาไปตัดเป็นรองเท้าสี่คู่ หล่อนจึงนำของปีใหม่กลับไปอย่างมีความสุข
“พี่สะใภ้สาม พี่จะซื้ออะไรหน่อยไหม?”
พี่สะใภ้สามยิ้ม “ฉันบอกเธอแบบไม่ปิดบังเลยนะ ปีนี้พี่สามของเธอขายเต้าหู้ได้เงินมาไม่น้อยเลย ฉันอยากได้ผ้าสักผืนเอาไปตัดเป็นชุด นี่ก็ยุ่งมาทั้งปีแล้ว ยังไงก็ต้องทำดีกับตัวเองหน่อย เธอก็รู้ว่าคนแบบน้องสะใภ้สี่ ไม่ว่าอะไรถ้าไปถึงปากหล่อนหากพูดออกไปก็จะกลายเป็นคนละเรื่องเลย”
เย่ฉูฉู่ยิ้มเพื่อบอกว่าเธอเองก็เข้าใจ “งั้นพี่สะใภ้สามชอบแบบไหนล่ะคะ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวยิ้ม “ฉันชอบแบบเรียบ ๆ จะเอาไปทำกางเกงสักตัว แล้วก็ตัดกางเกงให้พี่สามของเธออีกตัวด้วย เธอช่วยเลือกสีให้หน่อย จริงสิ พี่สามบอกว่าอยากกินกล้วย เธอมีไหม ฉันว่าจะซื้อกลับไปสักหน่อย”
เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ พี่สามจ้าวอยากกินกล้วย นี่พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว คนขี้งกแบบพี่สามจ้าว ปรากฏว่ายังคิดอยากจะซื้อกล้วยด้วย!
“กินนิด ๆ หน่อย ๆ จะเก็บเงินเยอะแยะขนาดนั้นไปทำไมกัน นี่ก็เอาไปเพื่อกินดื่มไม่ใช่เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นด้วย “ก็นั่นน่ะสิ ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พี่สามจ้าวของเธอไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิ คนตระหนี่แบบนั้น แค่เหมาเดียวยังไม่ยอมควักออกมาเลย! พอพูดถึงเขาฉันก็โกรธแทบตายเลยจริง ๆ ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนั้นเลย ไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าใส่ ไม่รู้ว่าจะหาเงินมากขนาดนั้นเอามาทำอะไร!”
เย่ฉูฉู่กล่าว “ทำเต้าหู้เหนื่อยขนาดนั้น ก็ต้องได้กินของดี ๆ สักหน่อยนะคะ ไม่งั้นร่างกายคงรับไม่ไหว”
พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้า “ก็นั่นน่ะสิ ปีนี้ฉันไม่ได้ฟังเขาแล้ว ฉันจะซื้อของปีใหม่”
“พี่สะใภ้สาม พี่ทำแบบนี้ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ เรื่องกินจะมาทำเป็นขอไปทีไม่ได้หรอกนะคะ โดยปกติแล้วก็ต้องให้ความใส่ใจด้วย”
ทั้งสองคนพูดคุยไปพลางก็เลือกผ้าไว้แล้ว พี่สะใภ้สามจ้าวพูดถึงพี่สะใภ้สี่จ้าวว่าขี้เกียจเสียจนไม่รู้ว่ามีเหาจำนวนมากกัดลูก เป็นแม่ประสาอะไรกัน!
“คงเป็นเพราะเหนื่อยนั่นแหละค่ะ ฉันเห็นรูปลักษณ์ภายนอกหล่อนก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนกับสามีของเธอตรงที่มีหัวทางการค้า มีคนจำนวนมากได้เงินมาจากการทำงานอย่างหนัก พี่สะใภ้สี่จ้าวเป็นคนขี้เกียจ แต่หล่อนก็เหนื่อยมากจริง ๆ
พี่สะใภ้สามจ้าวก็ถอนหายใจเช่นกัน “พอพูดถึงน้องสะใภ้สี่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ มีแม่แบบนั้น แถมยังไม่มีลูกชายอีก ถึงได้กลายเป็นคนมีปัญหาทางจิต”
เย่ฉูฉู่กล่าว “นั่นน่ะสิคะ พี่สะใภ้สี่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็นึกถึงลูกชายตลอด จนกลายเป็นป่วยจิตแล้ว”
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “พวกผู้หญิงแบบเรา ๆ มีชีวิตที่ลำบาก เธอยังดีนะ น้องหกดีกับเธอขนาดนั้น เธอดูเหมือนกับคนไม่มีลูกเลย ชีวิตก็ใช้อย่างดีขนาดนี้ คำพูดประโยคนั้นพูดว่าอะไรแล้วนะ…ผู้ชายกลัวได้อาชีพผิด ผู้หญิงกลัวแต่งงานกับผู้ชายผิด มันเป็นแบบนี้จริง ๆ นะ เธอแต่งงานถูกคนแล้วล่ะ!”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “พี่สะใภ้สาม พี่เองก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ ถึงพี่สามจะขี้งกไปหน่อย แต่ก็ดีสำหรับพี่นะคะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวส่ายหน้า หล่อนยิ้มอย่างขมขื่น “ดีหรือไม่ดี จะทำยังไงได้ ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไปไม่ใช่เหรอ? เธอรู้อะไรไหม การใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ควรคิดนะ ถ้าคิดคงได้จบเห่!”
พี่สะใภ้สามจ้าวเกิดอารมณ์ความรู้สึกอย่างมากไปชั่วขณะหนึ่ง
เย่ฉูฉู่เองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ละบ้านต่างก็มีปัญหาที่แก้ไม่ตกเป็นของตัวเอง
“พี่สะใภ้สาม พี่นี่จริง ๆ เลยนะคะ ปีนี้เก็บเกี่ยวได้ตั้งเยอะ พี่เองก็บอกว่าพี่สามได้เงินเยอะด้วย ไม่งั้นพี่จะมาเลือกผ้าอยู่ที่นี่เหรอ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าจริง จึงยิ้มออกมา “ก็จริงแหละจ้ะ นี่ถ้าฉันยังไม่พอใจอีกคงจบเห่ ได้เปรียบแล้วยังจะอวดฉลาดอีก!”
เย่ฉูฉู่หัวเราะ “นั่นน่ะสิคะ พี่สะใภ้สาม ชีวิตของพี่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีนะ!”
พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินคำพูดนี้ของเย่ฉูฉู่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก หล่อนซื้อของเสร็จก็กลับไป แม้จะถูกพี่สามจ้าวบ่นว่าซื้อของกลับมาเยอะเกินไปและใช้เงินเยอะเกินไปหล่อนก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ชีวิตดี ๆ ของหล่อนเพิ่งจะเริ่มต้น หล่อนไม่โกรธสามีคนนี้หรอก!
เย่ฉูฉู่กำลังช่วยสามีขายของปีใหม่อยู่ ส่วนสามีของเธอก็กำลังคุยเรื่องธุรกิจใหญ่ในเมือง
“…แม้ผมจะเลี้ยงกระต่ายมาได้ไม่กี่ปี แต่ผมรู้ดีว่าสัตว์ที่มีชีวิตเติบโตในที่ที่เป็นธรรมชาติถึงจะดี ได้อาหารจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เหมือนกับหมูและแกะที่บ้านพวกเราเลี้ยงไงครับ เนื้อนั่นอร่อยกว่าเนื้อที่ขายในเมืองอีกนะ ไหนจะไก่เป็ดห่านอีก ส่วนผักเนี่ยทั้งสดใหม่และฉ่ำน้ำสุด ๆ ไปเลย” จ้าวเหวินเทารับประทานอาหารไปพลางก็พูดคุยไปพลาง
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือผู้ชายอายุสามสิบกว่าปี เขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เลวเลย ดูท่าทางเป็นคนมั่งคั่ง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่มีชีวิตที่ดี
ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าหวังหยาง เป็นคนที่จ้าวเหวินเทารู้จักตอนขายกระต่ายภายในเมือง และเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของจ้าวเหวินเทา
“พูดแบบนี้ก็ถูกนะ อะไรที่เลี้ยงเองในชนบทล้วนมีรสชาติอร่อย แต่ในเมืองเป็นการเลี้ยงอยู่ในฟาร์มทั้งหมด ระยะเวลาเลี้ยงสั้น แถมยังขุนอาหารให้ด้วย เวลาได้กินก็ต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“นี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่ง อากาศภายในเมืองไม่ดีจริงๆ ผมมาตั้งหลายครั้งแล้ว ตอนที่มารู้สึกอึดอัด แต่พอได้กลับไปก็ไร้กังวลเลย คนก็เป็นแบบนี้แหละครับ อย่าว่าแต่สัตว์เลย ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจว่าจะกลับไปเลี้ยงกระต่าย แล้วก็เหมาที่ดินตรงนั้น” จ้าวเหวินเทารินเหล้าใส่จอกและชนแก้วกับหวังหยางแล้วดื่ม
ที่ดินที่เขาพูดถึงก็คือที่ดินที่เป็นฟาร์มเลี้ยงกระต่าย หลังจากผ่านสงครามชักเย่อเป็นเวลาสองสามเดือน ในที่สุดจ้าวเหวินเทาก็ซื้อฟาร์มกระต่ายได้ในราคาสามหมื่นหยวนภายใต้การช่วยเหลือของหัวหน้าแผนกเซี่ย
เขาจ่ายเงินมัดจำไปหนึ่งพันหยวน ส่วนที่เหลือจะถูกจ่ายภายในหนึ่งสัปดาห์
จ้าวเหวินเทาไม่อยากใช้เงินที่เหลือของตัวเอง จึงตัดสินใจย้ายกระต่ายไปเลี้ยงในบ้าน จากนั้นก็ใช้ที่ดินผืนนี้เพื่อปล่อยเช่า เขาจึงมาหาลูกค้าที่ชื่อหวังหยางคนนี้
นี่เป็นความคิดที่เขาและเย่ฉูฉู่พูดคุยกันเกี่ยวกับการซื้อฟาร์มกระต่าย
หวังหยางยิ้ม “นายมาหาฉันเพื่อให้ฉันเหมาที่ดินผืนนี้สินะ?”
หวังหยางเป็นคนทำการค้า คนที่ทำการค้าต่างก็ฉลาดปราดเปรื่อง เมื่อจ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่องนี้เขาก็เข้าใจในทันที
จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกมีความสุขมาก เขาพยักหน้ายอมรับ “ถูกต้อง ผมอยากให้คุณเหมาไป ทำธุรกิจถ้าไม่ถนัดก็ไม่ทำ พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว ผมมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ก็ต้องคิดถึงพี่หวังอยู่แล้ว ทำเลของที่ดินผืนนั้นอยู่ติดกับเมืองเลยนะครับ การเดินทางก็สะดวก ทำอะไรก็สะดวกมาก พี่หวังทำเรื่องขนส่ง สถานที่ตรงนั้นเหมาะมากเลย”
หวังหยางกล่าว “ฉันเองก็คิดว่าเหมาะมากเหมือนกัน ฉันก็เลยคิดอยากจะซื้อไว้ ไม่รู้ว่าน้องจ้าวจะช่วยทำให้ฉันบรรลุความปรารถนาหรือเปล่าล่ะ?”
จ้าวเหวินเทามีความสุข “พี่หวัง ดูพี่พูดเข้าสิ ผมก็ต้องทำให้พี่สมความปรารถนาอยู่แล้ว พี่อยากให้ผมทำยังไงเพื่อช่วยให้พี่บรรลุผลล่ะ?”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทาดีลซื้อที่กับลูกค้าใหญ่แล้วค่ะ เตรียมเปิดฟาร์มกระต่ายแบบปลอดสารได้เลย
ไหหม่า(海馬)