เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 250 เล่นใหญ่มาก
ตอนที่ 250 เล่นใหญ่มาก
แค่เย่ฉูฉู่เห็นก็รู้สึกว่าตัวเองทายถูกแล้ว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซื้อฟาร์มกระต่ายแล้วสินะคะ?”
จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ภรรยา เก่งนะเนี่ย คุณรู้ได้ยังไง?”
“นอกจากเรื่องนี้ฉันก็นึกไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณต้องค้างแรมที่ในเมือง” เย่ฉูฉู่ยื่นมือออกไปรับซองเอกสาร หลังจากหมุนเชือกแล้ว จึงหยิบเอกสารที่ถูกถ่ายลงบนกระดาษ A4 หนึ่งปึกออกมา ตอนที่เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ด้านบนสุดที่หน้าแรกว่า ‘สัญญาเช่าที่ดิน’ เธอก็ชะงักไป “คุณแค่เช่า แต่ไม่ได้ซื้อหรอกเหรอ?”
จ้าวเหวินเทาพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ภรรยา ดูด้านล่างสิ”
เย่ฉูฉู่จึงอ่านด้านล่าง เพียงไม่นานก็เข้าใจ “วิธีที่คุณพูดถึงคือวิธีนี้เหรอคะ?”
“ภรรยา ทำไมตอนนี้คุณถึงฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ เลยเนี่ย” จ้าวเหวินเทาโอบบ่าภรรยาพลางกล่าว “ไม่มีอะไรปิดบังคุณได้เลย”
“คุณบอกว่าคุณมีวิธีไม่ต้องใช้เงินในบ้าน สัญญาณเช่าที่ดินฉบับนี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่อ่านสัญญาการซื้อขายฟาร์มกระต่ายอีกหนึ่งฉบับ นอกจากนี้ยังมีใบรับรองการใช้ที่ดินและอื่น ๆ ด้วย
“เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเลย ต้องขอบคุณหวังหยางคนนั้น” จ้าวเหวินเทาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจอีกครั้ง ทำไมจ้าวเหวินเทาถึงได้โชคดีขนาดนี้นะ คิดจะซื้อฟาร์มแต่ไม่อยากจ่ายเงินเอง ผ่านไปไม่นานก็มีคนนำเงินมาให้
“นี่ไม่ใช่ว่าโชคดีอะไรหรอก” จ้าวเหวินเทาวิเคราะห์ให้ฟัง “คุณคงไม่รู้ว่าในเมืองใช้วิธีแบบไหน มีครั้งหนึ่งผมเคยฟังนักธุรกิจคนหนึ่งที่มาจากทางใต้ เขาดื่มเยอะมาก ก็เลยพูดถึงเรื่องธุรกิจของเขา โอ๊ยแม่เจ้า เป็นวิธีที่ลึกลับเชียวนะ! ตอนแรกเขาชอบที่ดินผืนหนึ่ง ก็เลยไปคุยกับอีกฝ่าย คุยจนได้ที่ก็บอกว่าจะขอกลับไปคิดดูก่อน แต่เผลอแป๊บเดียวก็ไปหาคนมาเช่าที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ที่ดินนั้นมาอยู่ในมือเลยด้วยซ้ำ แต่ก็บอกกับอีกฝ่ายว่านี่เป็นที่ดินของเขาแล้ว มีหลายคนอยากได้ด้วย อีกฝ่ายได้ยินแบบนี้ก็รีบจ่ายเงินมัดจำทันทีเลย จากนั้นเขาก็นำเงินมัดจำส่วนนี้ไปคุยกับเจ้าของที่ดินคนเดิม สิ่งที่เขาทำเรียกว่าเป็นการจับเสือมือเปล่าเลยนะ แถมยังมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการด้วย เรียกว่าเป็นการดึงดูดการลงทุนอะไรสักอย่าง ใช่ คำนี้แหละ พวกเขาคุยกันเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่เลย ภรรยา คุณก็เคยไปอำเภอไม่ใช่เหรอ แบบนั้นเลย ในนั้นมีแผงลอยแล้วก็แผงลอยให้เช่า เดิมทีผมก็คิดมาตลอดเลยนะว่าใครจะหาเงินได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่แป๊บเดียว จนสามารถเช่าที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้ได้ หลังจากนั้นผมถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายจ่ายเงินไปแค่นิดเดียวเอง หลังจองไว้แล้วก็ให้คนอื่นเข้ามาเช่า จากนั้นก็ใช้เงินค่าเช่าส่วนนี้ไปเช่ากับเจ้าของที่ดินคนเดิมอีกที คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม?”
จ้าวเหวินเทาพูดอ้อมค้อมเล็กน้อย เพราะเขากังวลว่าเย่ฉูฉู่จะฟังไม่เข้าใจ ท้ายที่สุดจึงถามออกไป
เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็กำลังหลงใหลอยู่กับเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อกี้คุณเพิ่งชมว่าฉันฉลาดอยู่เลย ตอนนี้มาถามว่าฉันไม่ฟังไม่เข้าใจซะแล้ว”
“เปล่านะ ๆ ภรรยา ตอนนั้นผมได้ฟังก็นั่งคิดอยู่ครึ่งค่อนวันเลย ภายหลังผมคิดว่าคนคนนี้คงคุยโวโอ้อวด แต่หลังจากนั้นถึงเพิ่งจะเข้าใจ ที่เขาพูดเป็นจริงทุกอย่างเลย โดยเฉพาะทางใต้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก เขายังบอกด้วยนะว่าเมืองต่าง ๆ ตามแนวชายฝั่ง การหาเงินก็เหมือนการหยิบเก็บเงินนั่นแหละ เฮ้อ ภรรยา ข้างนอกเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปแล้ว!”
“คุณอยากออกไปเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “อยากสิ! อยากมากเลยด้วย! แต่ตอนนี้ยังทำแบบนั้นไม่ได้ ผมไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น อีกอย่างผมก็ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ คนพวกนั้นฉลาดมากเลยนะ ถ้าไม่ระวังคงได้ตกหลุมพราง รออีกสักสองสามปี มีเงินสักก้อน ลูกชายโตสักหน่อย พวกเราค่อยไปดูที่ทางใต้ด้วยกันนะ!”
ค่อยยังชั่วหน่อย การที่เขานึกถึงเธอทำให้เย่ฉูฉู่รู้สึกพึงพอใจ มีผู้ชายบางคนชอบออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่คนเดียว ไม่คิดจะพาภรรยาออกไปแม้แต่น้อย!
“ตกลง ลูกเดินได้เมื่อไรก็ออกไปได้แล้วล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่นำเอกสารสัญญาใส่กลับเข้าไปในซอง “งั้นคุณซื้อที่ดินแล้ว และก็ปล่อยเช่าด้วย กระต่ายพวกนั้นคุณคิดจะทำยังไงเหรอ ตอนนี้ในบ้านไม่ได้มีที่ดินใหญ่ขนาดนั้นนะ”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็นไร กระต่ายพวกนั้นผมคุยกับหัวหน้าแผนกเซี่ยแล้ว ผมจ่ายเงินจ้างคนให้ช่วยเลี้ยงให้จนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ผ่านไปอีกสองวันผมจะกลับเข้าเมืองอีกรอบ จะไปเลือกกระต่ายแก่กับที่ป่วยเป็นโรคพวกนั้นออกไปจัดการทิ้งให้หมด ส่วนที่เหลือรอฤดูใบไม้ผลิปีหน้าผมค่อยดูอีกที จะเหลือกระต่ายพันธุ์ไว้สักกลุ่มหนึ่งเอากลับมาเลี้ยง ส่วนที่เหลือก็เอาไปขายที่นั่นให้หมดเลย”
“แล้วหวังหยางคนนั้นเขาไม่รอใช้ที่ดินเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ฤดูหนาวขนาดนี้ก่อสร้างอะไรไม่ได้หรอก เขาจะใช้งานได้ไง? อีกอย่างตอนนี้ก็กำลังยุ่งด้วย เขาเองก็ไม่มีเวลาจัดการ คงต้องรอฤดูใบไม้ผลิปีหน้านั่นแหละ ผมคุยกับเขาไว้แล้วว่าต้องใช้เวลานิดหน่อยเพื่อจัดการกับกระต่าย เขาเองก็ตอบตกลงแล้ว” จ้าวเหวินเทาตอบ
“งั้นคุณก็ต้องซื้อที่ดินที่บ้านด้วยสินะ เงินจะพอเหรอ?”
“ไม่รู้สิ” จ้าวเหวินเทาอยากซื้อที่ดินผืนใหญ่สักผืน แต่ไม่รู้ว่าในหมู่บ้านจะขายในราคาเท่าไร
“ถ้าไม่พอก็ใช้เงินที่พี่โจวหมิ่นส่งกลับมาเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว ฟาร์มกระต่ายก็ปล่อยเช่าแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องสร้างบ้านให้กระต่าย
“ภรรยา คุณนี่ดีจริง ๆ เลย!” จ้าวเหวินเทาหอมเย่ฉูฉู่อีกครั้ง
เย่ฉูฉู่ผลักเขาออกไป “ชิ่วๆๆ! ฉันยังไม่คิดบัญชีคุณเลยนะ พูดจาก็ไม่พูดให้ชัดเจน บอกว่ามีเรื่อง คุณรู้ไหมว่าคนในหมู่บ้านเยาะเย้ยคุณยังไง พวกเขาต่างก็คุยกันว่าฉันจะรอคุณหรือแต่งงานใหม่ด้วย!”
จ้าวเหวินเทาทราบดีว่าคงไม่ได้พูดในเรื่องดี ๆ แน่นอน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะพูดแบบนี้ ใบหน้าของเขาพลันเย็นชาลง คนพวกนี้ไม่รู้จักดีชั่วเลยจริง ๆ ทำให้พวกเขาร่ำรวยแล้ว เขาไม่ได้กลับมาแค่คืนเดียวกลับพูดนินทาเขาแบบนี้ ยังมีมโนธรรมอยู่หรือเปล่า!
เย่ฉูฉู่จึงนำคำพูดของเฮ่อซงจือมาเล่าให้เขาฟังหนึ่งรอบ “ฉันไม่ได้ออกไปฟังข้างนอก เฮ่อซงจือเป็นคนเอามาเล่าให้ฟัง ไม่รู้ว่าจริงหรือโกหก แต่ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือโกหกหลังจากนี้คุณพูดให้มันชัดเจนสักหน่อยก็พอแล้วนะคะ”
จ้าวเหวินเทาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงตอบ ‘อืม’ กลับมาด้วยท่าทางจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย
“แม่ก็มาด้วยนะ ฉันบอกแม่เรื่องที่คุณซื้อฟาร์มกระต่ายแล้ว รวมถึงเรื่องที่ฉันได้เงินจากการออกแบบเสื้อผ้าด้วย ตอนแรกก็ไม่อยากพูดหรอก แต่กลัวว่าแม่จะเป็นห่วง” เย่ฉูฉู่กล่าวอีก
จ้าวเหวินเทา “คุณไม่ต้องห่วงหรอก พ่อกับแม่รู้ดีอยู่แก่ใจ พวกท่านไม่พูดออกไปหรอก”
“ฉันรู้ ฉันก็แค่บอกให้คุณรู้ไว้ คุณดูลูกนะ เดี๋ยวฉันจะไปทำกับข้าว” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทาตอบ ‘อืม’ และกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง “ภรรยา ในกระเป๋ามีเนื้อด้วยนะ เป็นเนื้อราดซอส คุณลองชิมดูนะว่าอร่อยไหม ผมกินดูแล้วรสชาติไม่เลวเลย”
“ค่ะ” เย่ฉูฉู่ออกไปทำอาหารแล้ว
จ้าวเหวินเทายกลูกชายลอยตัวขึ้นสูง เสี่ยวไป๋หยางมีความสุขมาก ลูกลิงก็เข้ามาร่วมสนุกด้วยการกระโดดเด้งดึ๋งขึ้นลงด้วย
“เสี่ยวไป๋หยางบินแล้ว!”
“อ๊า อ๊า อ๊า!”
“เจี๊ยก ๆ ๆ!”
มนุษย์ทั้งสองและลิงอีกหนึ่งหัวเราะอย่างมีความสุขดังลั่นห้อง
เย่ฉูฉู่ใช้เวลาทำอาหารเพียงไม่นาน ก็จัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อย มีข้าวต้ม เครื่องเคียง และเนื้อราดซอสอีกหนึ่งจาน
“ลูกชาย กินข้าวกันเถอะ ดูสิ แม่ของลูกทำอะไรก็อร่อยไปหมดเลย!” จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกให้มาดูอาหารบนโต๊ะ
ลูกลิงส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ และเดินไปหยิบตะเกียบ เสี่ยวไป๋หยางชี้ไปยังลูกลิงพร้อมกับส่งเสียงพูด ‘อ้อแอ้’ อะไรบางอย่าง
“มันไปหยิบตะเกียบแล้ว พวกเราจะหม่ำ ๆ ข้าวกันแล้วนะ” จ้าวเหวินเทาพูดกับลูกชายอย่างใจเย็น
เสี่ยวไป๋หยางยื่นมือออกไปจะหยิบอาหาร จ้าวเหวินเทาจึงรีบอุ้มกลับมา เสี่ยวไป๋หยางเริ่มไม่มีความสุข จึงยืดตัวขึ้นเพื่อต่อต้าน
“แม่มาแล้ว แม่มาแล้ว!” จ้าวเหวินเทารีบปลอบ
ตอนนี้เย่ฉูฉู่ก็ตะโกนจากด้านนอกห้อง “ใครเหรอ?”
มีคนจากด้านนอกขานกลับมา “พี่สะใภ้ ผมเอง”
“รีบเข้ามาสิ” เย่ฉูฉู่เปิดประตูต้อนรับให้อีกฝ่ายเข้ามา
ที่แท้ก็ชุยต้านี่เอง
“พี่หก พี่กลับมาแล้วเหรอ!” เมื่อชุยต้าเข้ามาเห็นจ้าวเหวินเทากำลังอุ้มลูกชายและหยอกล้ออยู่ ก็ถอนหายใจอย่างห้ามไม่อยู่
“กลับมาแล้ว ดึกขนาดนี้นายวิ่งมาทำอะไรที่นี่เนี่ย มีเรื่องอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถาม
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าเล่ห์แสนกลจริง ๆ เลยเหวินเทา ยืมเงินคนอื่นซื้อที่ดินโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียสักหยวน
ชุยต้ามีเรื่องอะไรกันนะถึงได้มาหากลางดึก
ไหหม่า(海馬)