เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 252 เกิดข่าวใหญ่
ตอนที่ 252 เกิดข่าวใหญ่
ทุกคนได้ยินก็พากันคิด สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นข้าวขาว! นั่นเป็นของหายากเลยนะ ขนาดข้ามปีแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้กินสักมื้อ แต่จ้าวเหวินเทากลับได้กินทั้ง ๆ ที่ยังไม่ข้ามปีด้วยซ้ำ
“ยังมีอีกนะ!” พ่อของชุยต้าพูดเสียงสูงอีกครั้ง “เนื้อหมักซีอิ๊ว พวกนายเคยกินหรือเปล่า? ลูกชายของฉันเพิ่งได้กินมา เขาบอกว่าอร่อยมาก จ้าวเหวินเทาซื้อกลับมาจากในเมืองเลยนะ”
ตอนนี้พ่อของชุยต้ารู้สึกดีมาก สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขา ความรู้สึกนี้เขาไม่เคยได้รับมาก่อน แม้ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะจ้าวเหวินเทา แต่เขาก็ยังรู้สึกเพลิดเพลินมากอยู่ดี เขาจึงเล่าเรื่องที่ลูกชายพูดให้ฟังไปอีกสองสามรอบด้วยความตื่นเต้น เพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะละสายตาไปจากเขา
“จ้าวเหวินเทายังบอกให้ลูกชายของฉันไปเลี้ยงกระต่ายให้เขาปีหน้าด้วยนะ!”
ท้ายที่สุดพ่อของชุยต้าก็ทิ้งทวนด้วยประโยคนี้
ตอนแรกเริ่มที่ทุกคนได้ฟังก็รู้สึกคล้อยตาม ต่างก็มองมาที่พ่อของชุยต้า แต่เมื่อไม่มีอะไรใหม่ ๆ แล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจพ่อของชุยต้าอีก แต่เริ่มถกประเด็นขึ้นมา
“เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทานี้ก็สุดยอดเกินไปแล้วนะ?” เหล่าหวังสามกล่าว “นี่เพิ่งจะปีเดียวเอง เขาสร้างบ้านแล้ว แถมยังซื้อที่ดินในเมืองอีก ค้าขายได้เงินดีขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?”
“ก็แหงสิ มีคนขายของตั้งเยอะแยะ แต่ยังไม่เคยเห็นใครได้แบบนี้เลย ที่ดินในหมู่บ้านใหญ่โตขนาดนี้ ตั้งหลายหมื่นหยวน นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ เลยนะ”
“ไม่ใช่ว่าค้างจ่ายหรอกนะ?” ชุยเอ้อร์คาดเดา
“ซื้อของในเมืองก็ค้างจ่ายได้ด้วยเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมืองนี่แหละยิ่งเป็นหนี้เยอะ!”
ทุกคนต่างก็ห้อมล้อมเพื่อเริ่มถกประเด็นของจ้าวเหวินเทา ไม่ต้องพูดเลย จ้าวเหวินเทาได้กลายเป็นคลื่นระลอกใหญ่ภายในหมู่บ้านอีกครั้ง : เจ้าเด็กจ้าวเสี่ยวลิ่วนั่นเยี่ยวจริง ๆ ซื้อที่ดินในเมืองได้แล้ว!
เยี่ยวในที่นี้ก็หมายความว่าสุดยอดนั่นแหละ
สิ้นปีมาถึงแล้ว ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน มีแค่พวกขี้เกียจแบบเหล่าหวังสามที่ยังมีเวลาไปนั่งนินทาชาวบ้านที่บ้านคนอื่น แต่นี่ก็ทำให้เป็นข่าวใหญ่เช่นกัน คนในหมู่บ้านนำเรื่องนี้มาซุบซิบ ปรากฏว่าพวกขี้เกียจนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน
แน่นอนว่ามีคนไม่เชื่อ เพราะจ้าวเหวินเทาเป็นคนพูดเอง ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ดินในเมืองซื้อขายกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าซื้อกันได้ง่าย ๆ ทุกคนก็คงซื้อไปนานแล้วมั้ง?
แต่ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ก็ได้ข้อพิสูจน์ว่าจ้าวเหวินเทาพูดเรื่องจริง เพราะในหมู่บ้านมีข่าวแพร่สะพัดว่าจ้าวเหวินเทาจะซื้อที่ดินในหมู่บ้านเพื่อเลี้ยงกระต่าย ของที่ใช้มัดจำก็คือใบรับรองที่ดินในเมืองผืนนั้น หากไม่ได้ซื้อที่ดินจะมีใบรับรองที่ดินได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้ทุกคนก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ต่างก็มาหาจ้าวเหวินเทาถึงประตูบ้าน ขอเรียนวิชา เชื่อมสัมพันธไมตรี และตีสนิท แน่นอนว่ามีคนมายืมเงินด้วย
แต่จ้าวเหวินเทายุ่งเกินไป หลังจากคุยกับทีมใหญ่เรื่องที่จะซื้อที่ดินเสร็จก็ไปในเมือง ทางฝั่งนั้นยังมีเรื่องต้องทำ อีกอย่างเขาก็มีเรื่องใหญ่ให้ทำด้วย นั่นคือติดตั้งโทรศัพท์!
“เป็นเพราะเรื่องนี้ก็เลยติดตั้งโทรศัพท์เหรอ แบบนั้นไม่มีความจำเป็นหรอก” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ผมคิดจะติดตั้งนานแล้ว แต่คิดมาตลอดว่าไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วนะ เลี้ยงกระต่ายเยอะขนาดนั้น คงไม่สามารถหนีเรื่องโรคกับหายนะได้ ไปโทรศัพท์ที่ทีมใหญ่ก็เสียเวลาเกินไป อีกอย่างผมก็ออกไปข้างนอกบ่อยด้วย เวลามีเรื่องอะไรก็จะได้โทรมาหาคุณไง คุณไม่ต้องเป็นกังวล ผมเองก็หมดห่วงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพี่สะใภ้สามกับคุณก็จำเป็นต้องติดต่อหากันบ่อย ๆ คิดไปคิดมา ผมเลยคิดว่ายังไงก็ต้องติดตั้งโทรศัพท์นี่”
ในเมื่อจ้าวเหวินเทาพูดแบบนี้ เย่ฉูฉู่ก็คิดว่าการติดตั้งโทรศัพท์นี้ดูเหมือนว่าจะสำคัญมาก “งั้นก็ติดตั้งเถอะ”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้เป็นคนแรกในหมู่บ้านที่ติดตั้งโทรศัพท์เท่านั้น บริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ติดตั้งโทรศัพท์
ตอนนี้ใกล้จะข้ามปีแล้ว ทุกอย่างต่างหยุดชะงักหมด การเดินสายโทรศัพท์เข้ามาและลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ก็ยังต้องใช้เวลา ดังนั้นจึงต้องรอจนกว่าจะข้ามปีเสร็จถึงจะติดตั้งได้ ก็แค่สมัครไว้ก่อนเท่านั้น
เรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะติดตั้งโทรศัพท์กลายเป็นที่พูดถึงภายในหมู่บ้านอีกครั้ง ก่อนหน้านี้นินทากาเลกันสนุกปากอย่างไร ภายหลังก็ถูกตบหน้าฉาดใหญ่อย่างนั้น แต่ถ้าไม่คิดว่าเป็นการตบหน้าก็ไม่เจ็บ คนพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้พูดว่าจ้าวเหวินเทาทะเลาะกับคนอื่นจนถูกจับ ตอนนี้กลับเริ่มอวยจ้าวเหวินเทาอย่างหนัก ราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น
“เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทาคนนี้ ฉันคิดไว้แต่แรกแล้ว ชีวิตเกิดมาเพื่อร่ำรวยเลยนะ ไม่งั้นเขาคงไม่โชคดีขนาดนั้นตั้งแต่เด็ก!”
“นั่นน่ะสิ จ้าวเหวินเทานี่เหมือนกับโอรสของสวรรค์เลยนะ เรื่องดี ๆ อะไรก็ให้เขาหมดเลย!”
“นี่เพิ่งจะซื้อที่ดินในเมือง ตอนนี้ก็มาซื้อที่ดินในหมู่บ้านอีก ไหนจะติดตั้งโทรศัพท์ เด็กคนนี้ ทุกอย่างกลายเป็นของเขาคนเดียวเลย เขาไปเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะแยะขนาดนั้นเนี่ย!”
แทบจะทุกบ้านที่พูดถึงเรื่องของจ้าวเหวินเทา พวกพี่ชายของจ้าวเหวินเทาก็ไม่มีข้อยกเว้น
พี่รองจ้าวกำลังล้างทำความสะอาดปลาสองสามตัวเพื่อเตรียมไว้รับประทานช่วงเที่ยงในวันข้ามปี ปีนี้เป็นปีที่ดี เขาไม่อยากเป็นเหมือนกับปีก่อน ๆ จึงต้องเตรียมตัวให้ดีสักหน่อย ไก่และปลาก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เป็นคำมงคลว่ามีเหลือกินเหลือใช้ทุกปี
พี่สะใภ้รองจ้าวกำลังจุดเทียนเพื่อเผาไก่ที่เพิ่งถูกเชือด นี่เป็นไก่ที่เลี้ยงเอง เป็นไก่กระทงที่เลี้ยงไว้ได้หนึ่งปี
พวกเด็ก ๆ กำลังนั่งทำการบ้านวันหยุดฤดูหนาวในห้อง ทั้งบ้านต่างก็ยุ่งกันหมด แต่เห็นได้ชัดว่าอบอุ่นมาก
“น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว คุณรู้หรือเปล่า?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว
“ไม่รู้” พี่รองจ้าวกำลังตั้งใจล้างทำความสะอาดปลา
เขาไม่ได้สนใจน้องชายคนนี้แล้ว เพราะทุกครั้งที่สนใจก็จะถูกโจมตีทุกครั้ง เขาไม่ชอบการถูกโจมตี ดังนั้นเขาจึงสนใจตัวเองให้มาก ๆ แทน
พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวต่อไปว่า “ฉันได้ยินหลี่เฟินเล่าให้ฟัง หล่อนบอกว่าน้องหกจะซื้อที่ดินในหมู่บ้านด้วย นี่ก็ไปคุยกับทีมใหญ่แล้ว รอข้ามปีก็จะดำเนินการซื้อขาย”
พี่รองจ้าวส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาเบา ๆ “หลี่เฟินเป็นคนพูดว่าเจ้าหกไปชกต่อยกับชาวบ้านจนถูกจับไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันกลับมาพูดว่าเขามีความสามารถแล้ว ปากแบบนั้นเรียกว่าอะไรกัน”
“ก็นั่นน่ะสิ ปากของหลี่เฟินนี่ก็จริง ๆ เลย พูดไปเรื่อยเลย คนคนนี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็พูดเป็นตุเป็นตะไปหมด คนที่ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่ครั้งนี้คือเรื่องจริงนะ เรื่องที่ติดตั้งโทศัพท์กบัซื้อที่ดินเกิดการเคลื่อนไหวเยอะมากเลย ไม่ใช่เรื่องโกหกหรอก” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดพลางถอนหายใจ “น้องหกนี่มีความสามารถจริง ๆ นี่แค่จะปีกว่า ๆ ก็ทำกิจการใหญ่โตขนาดนี้แล้ว!”
ความอิจฉาในคำพูดของพี่สะใภ้รองจ้าวแฝงด้วยความปวดใจ ท่ามกลางความผิดหวังก็แฝงด้วยความชื่นชม ภายในใจไม่สามารถพูดออกมาได้ว่ารู้สึกอย่างไร
น้องชายของตัวเองใช้ชีวิตได้ดีขนาดนั้น พี่รองจ้าวก็ทำได้เพียงแค่รู้สึกดีใจด้วย ส่วนเขาไม่สามารถสู้น้องชายได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คนไปเทียบกับคนก็ต้องตายไปข้างหนึ่ง ของเทียบกับของก็ต้องถูกเขวี้ยงทิ้ง ดังนั้นอย่าไปเทียบกัน ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
“เขาเป็นคนหัวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก โชคก็ดีด้วย เป็นเรื่องปกติที่จะมีธุรกิจของครอบครัว” พี่รองจ้าวกล่าว
พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นท่าทางไม่แยแสของพี่รองจ้าวก็แอบโมโห แต่เพียงไม่นานก็ถูกระบายออก สนใจแล้วอย่างไรต่อล่ะ? หล่อนจะเทียบกับจ้าวเหวินเทาได้เหรอ?
เทียบไม่ได้จริง ๆ ตอนนี้จ้าวเหวินเทาเป็นเหมือนกับจรวดที่พุ่งตัวไปข้างหน้า มองไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
มองเห็นจุดนี้ พี่สะใภ้รองจ้าวก็หมดอารมณ์จะย่างไก่แล้ว
ตอนนี้พี่สามจ้าวก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน การขายเต้าหู้สิ้นสุดลงแล้ว ของปีใหม่ที่พี่สะใภ้สามจ้าวซื้อในปีนี้ก็ซื้อมาไม่น้อยแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วดูร่ำรวยกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า พี่สามจ้าวเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว ฟุ่มเฟือยชะมัด ยัยผู้หญิงคนนี้ฟุ่มเฟือยจริง ๆ เลย!
ภายในใจแอบก่นด่าอยู่สองสามคำ แต่นี่ก็จะข้ามปีแล้ว ทะเลาะโกรธกันไม่ใช่เรื่องดี ทั้งยังกระทบต่อโชคลาภในปีหน้าด้วย เขาจึงทำได้เพียงแค่ปลอบตัวเองอยู่ภายในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เปลี่ยนสีกันใหญ่เลยน้าคนพวกนี้ เมื่อก่อนเคยนินทาว่าอะไรก็ลืมหมดเลย
พี่สะใภ้รองไม่เอาน่า เห็นช้างขี้อย่าไปขี้ตามช้างสิ
ไหหม่า(海馬)