เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 253 มองดูบุตรเคารพบิดา
ตอนที่ 253 มองดูบุตรเคารพบิดา
สามีของตนเป็นอย่างไรมีหรือที่หล่อนจะไม่รู้ พี่สะใภ้สามจ้าวมองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้ว จึงกล่าวว่า “ยิ่งคุณไม่กินนั่นแหละยิ่งฟุ่มเฟือย”
พี่สามจ้าวรู้สึกเหมือนหัวใจโดนกรีดเฉือน เขาถลึงตาใส่พี่สะใภ้สามจ้าวปราดหนึ่ง “ใครบอกไม่กินเล่า? คุณรอข้ามปีก่อนเถอะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวบุ้ยปาก “ข้ามปีแล้วคุณจะทำไม จะกินฉันงั้นเหรอ?”
พี่สามจ้าวอยากตบหน้าคนจริง ๆ ตอนนี้เองพี่สะใภ้สามจ้าวก็พูดขึ้นว่า “น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว”
“ติดตั้งอะไรนะ? โทรศัพท์?” พี่สามจ้าวถึงกับชะงัก ช่วงนี้เขายุ่งจนไม่ได้สนใจอะไรเลย จึงไม่ทราบเรื่องราวภายนอก
พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินข่าวลือเหล่านั้นของน้องหกแล้ว แต่ไม่ได้พูดให้พี่สามจ้าวฟัง คำพูดเหล่านั้นแค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องโกหก ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเรื่องโกหกจริง ๆ พี่สะใภ้สามจ้าวภูมิใจในการตัดสินใจของตัวเองมาก
หล่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงสามสี่วันมานี้ให้พี่สามจ้าวฟัง เมื่อพี่สามจ้าวได้ฟังก็ถึงกับชะงัก มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือนี่ ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลย?
แต่ก็จริง เขาเอาแต่ไปส่งเต้าหู้ข้างนอกทุกวัน กลับมาหัวถึงหมอนก็นอนแล้ว จะไปมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน ต่อให้ได้ยินก็อาจจะไม่สนใจ
“ตอนนี้น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว คนพวกนี้ก็เริ่มชื่นชมน้องหกที่หาเงินเก่ง พวกเขานี่ไร้ยางอายเหมือนกันนะ!” พี่สะใภ้สามจ้าวเยาะเย้ย
พี่สามจ้าวถึงกับเหม่อลอย คนพวกนี้จะไร้ยางอายหรือไม่เขาไม่สนใจ สิ่งที่เขาสนใจก็คือจ้าวเหวินเทาซื้อที่ดินในเมือง ซื้อที่ดินในหมู่บ้าน ทั้งยังจะติดตั้งโทรศัพท์อีก นี่มันเข้าขั้นร่ำรวยแล้วนะ!
ระยะเวลาแค่ไม่กี่วันทำไมถึงเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ล่ะ!
“เจ้าหกอยู่บ้านไหม?” พี่สามจ้าวถาม
“ไม่รู้สิคะ ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่บ้านนะ เห็นว่าไปทำธุระในเมืองแล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวเน้นคำว่า ‘ทำธุระ’
เมื่อพี่สามจ้าวเห็นงานเหล่านี้ที่อยู่ในบ้าน จึงข่มแรงกระตุ้นที่อยากจะไปบ้านจ้าวเหวินเทาทันที รอให้เสร็จจากข้ามปีก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย
“ตอนเที่ยงพวกเรานึ่งปลาเถอะ เอาปลาตัวใหญ่ตัวนี้ไปนึ่งเลย!” พี่สามจ้าวเลือกปลาที่ใหญ่ที่สุดออกมาหนึ่งตัวยื่นให้พี่สะใภ้สามจ้าว
พี่สะใภ้สามจ้าวรับไปตามสัญชาตญาณและกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับรู้สึกกำลังฝันไป หล่อนไม่ได้หูแว่วไปใช่ไหม นึ่งปลาตอนเที่ยง? วันนี้ยังไม่ข้ามปีเลยนะ
“ไม่รอกินตอนข้ามปีเหรอ?” พี่สะใภ้สามจ้าวเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
พี่สามจ้าวกล่าว “ก็ยังมีตลาดอีกไม่ใช่เหรอ คุณก็ค่อยไปซื้อที่ตลาดอีกตัวก็ได้ ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้สักหน่อย!”
น้ำเสียงของพี่สามจ้าวฟังดูราวกับคนรวยจนพี่สะใภ้สามจ้าวตกใจเกือบทำปลาหลุดออกจากมือ นี่คือสามีของหล่อนเหรอ?
“เจ้าหกกินดีอยู่ดี ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราจะแย่กว่าไม่ได้!” พี่สามจ้าวพูดพึมพำ “ฉันต้องไปถามเขา ทำยังไงกับแผงลอยขนาดใหญ่แบบนี้!”
ตอนนี้พี่สะใภ้สี่จ้าวที่อยู่ในบ้านเก่าก็กำลังจัดการกับของปีใหม่อยู่ เป็นเพราะต้องช่วยพี่สามจ้าวทำเต้าหู้ การข้ามปีในปีนี้เงินจึงไม่ตึงมือ หล่อนซื้อปลา เชือดไก่ ผักใบเขียวก็ซื้อมาส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเนื้อและแป้งขาวอีกสามสี่ชั่งด้วย สามารถพูดได้ว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ข้ามปีในปีนี้ไม่ต่างจากการตกถังข้าวสารเลย
พี่สะใภ้สี่จ้าวเหยียบลงบนแป้นจักรเย็บผ้า หล่อนตัดชุดใหม่ให้ตัวเองและพี่สี่จ้าว บนเตียงมีซานหยาและซื่อหยากำลังช่วยดูอู่หยา ตั้งแต่เปลี่ยนชุดให้อู่หยา หล่อนก็หายห่วงได้ไม่น้อย เพราะลูกไม่ร้องไห้โยเยแล้ว
พี่สี่จ้าวกำลังล้างปลาอยู่
“ครั้งนี้น้องหกทำเรื่องใหญ่เลยนะ นี่ก็ซื้อที่ดินไหนจะติดตั้งโทรศัพท์อีก นี่ต้องหาเงินได้มากขนาดไหนกันเนี่ย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดกับพี่สี่จ้าว
พี่สี่จ้าว “คุณจะไปสนใจว่าคนอื่นได้เงินเท่าไรไปทำไม ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!”
“ฉันสนใจอะไรกันล่ะ ก็แค่พูดเฉย ๆ! น้องหกมีความสามารถขนาดนี้ คุณว่าง ๆ ก็ไปคุยหน่อย เทียวไปเทียวมา น้องหกจะได้สนิทกับพวกเรามากขึ้น หากเขาได้กินเนื้อ พวกเราได้ดื่มน้ำแกงก็ยังดี” พี่สะใภ้สี่จ้าววางแผนไว้อย่างดี
“คุณบอกว่าน้องสะใภ้หกเป็นคนจอมปลอมไม่ใช่เหรอ ทำให้เรื่องดูตัวของคุณพังไม่เป็นท่า คุณยังจะให้ผมบากหน้าไปหาอีก!” พี่สี่จ้าวพูดเสียงเรียบ
“คนแบบคุณนี่มันจริง ๆ เลย ฉันพูดแบบนั้นตอนไหนไม่ทราบ? ต่อให้เคยพูด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว คุณยังจะพูดถึงอีก!”
“นานมาแล้ว? นี่เพิ่งจะไม่กี่วันก่อนเองนะ ยังจะเรียกว่านานมาแล้วอีก!” พี่สี่จ้าวส่งเสียง ‘ชิ’ ออกมาหนึ่งเสียง
พี่สะใภ้สี่จ้าวโกรธจนไม่อยากจะเย็บชุดให้สามีคนนี้แล้ว ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้เลย!
จ้าวเหวินเทาทำงานยุ่งอยู่หลายวันกว่าจะจัดการกับกระต่ายที่อายุเยอะและป่วยเป็นโรคจนเสร็จ นี่ก็เป็นเพราะทำเวลาก่อนช่วงข้ามปี ตลาดมีความต้องการมาก กลับมาก็เริ่มจัดการเชือดหมู เย่ฉูฉู่ก็เย็บชุดให้คุณแม่จ้าวเสร็จแล้ว
“นี่ใกล้จะข้ามปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาเชือดหมูล่ะ?” เหล่าไป๋โถวถามด้วยรอยยิ้ม
“ลุงไป๋ ผมยุ่งเกินไปหน่อย นี่เพิ่งจะมีเวลาว่างมาที่นี่” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คงต้องรบกวนให้ลุงช่วยแล้วล่ะ ลำบากหน่อยนะลุง”
“ลำบากอะไรกัน กับอีแค่ลงมีดแค่นั้นเอง!” เหล่าไป๋โถวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปเถอะ ให้ไปเชือดที่บ้านนายเหรอ?”
“ไม่ใช่ที่บ้านผม ไปที่บ้านพ่อผมดีกว่า ผมจะไปต้อนหมูมาให้นะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“เด็กคนนี้ช่างกตัญญูจริง ๆ เลยนะ ไปเชือดหมูที่บ้านพ่อ พ่อของนายก็ได้กินเนื้อหมูสดใหม่ด้วย ฉันเองก็ประหยัดเวลา ไม่ต้องไปไกล ๆ ด้วย ตอนนี้บ้านของนายอยู่ไกลเกินไปแล้วนะ” ระหว่างที่เหล่าไป๋โถวพูดก็ให้จ้าวเหวินเทาไปต้อนหมูมา ส่วนเขาก็ไปหามีดเพื่อเชือดหมู
จ้าวเหวินเทาไปหาชุยต้าและน้องชายของเขาเพื่อให้ช่วยต้อนหมูไปที่บ้านคุณพ่อจ้าว จากนั้นก็ไปหาเพื่อนบ้านอีกสามสี่คน เพื่อช่วยกันจับหมูมามัดไว้ เป็นอย่างที่เหล่าไป๋โถวพูดไว้ เป็นเรื่องที่ใช้แค่มีด หมูก็ถูกเชือดแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาสำคัญ จัดการกับเนื้อหมู
คุณแม่จ้าวถามจ้าวเหวินเทา “ฉูฉู่ไม่มาด้วยเหรอ?”
“อากาศหนาวขนาดนี้เลยกลัวว่าลูกจะไม่สบายน่ะครับ อีกอย่างในบ้านก็ยังมีพวกกระต่ายแล้วก็สัตว์อื่น ๆ อีกที่ต้องเฝ้าไว้ ในบ้านจะปล่อยให้ไม่มีคนไม่ได้” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ดูแกสิ อยากจะไปสร้างบ้านที่นั่น แม้แต่เพื่อนบ้านก็ยังไม่มีเลย!” คุณแม่จ้าวจัดการกับผักกาดขาวแห้งพลางกล่าว
“ตรงนั้นกว้างขวาง อีกอย่างปีใหม่ชุยต้าก็จะไปสร้างบ้านแล้วด้วย ที่ดินสร้างบ้านของเขาอยู่ไม่ห่างจากบ้านผมเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว
คุณแม่จ้าวเอ่ย “แบบนั้นก็ดี แม่ได้ยินมาว่าแกจะซื้อที่ดินในหมู่บ้าน แกเองก็ยุ่งจนหัวหมุน ไม่เห็นแม้แต่เงา แม่เลยยังไม่มีเวลาได้ถามเลย”
“ใช่แล้ว ผมซื้อดินที่ไว้เลี้ยงกระต่าย” พอจ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่องนี้ คุณพ่อเย่ พี่ใหญ่เย่และพี่รองเย่ก็มาพอดี เขาจึงออกไปทักทาย
เขาตั้งใจเรียกให้พ่อตาและพี่ภรรยามารับประทานเนื้อหมูด้วยกัน พวกพี่สะใภ้เย่ไม่ได้มาด้วย ในบ้านมีเด็กและสัตว์เลี้ยงจึงปล่อยบ้านไว้ไม่ได้ ก็เลยทำได้เพียงแค่ให้พวกพี่ภรรยานำเนื้อหมูกลับไปส่วนหนึ่ง
พี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวก็ต้องมาอยู่แล้ว ไม่ว่าปกติจะไม่พอใจอย่างไร แต่พี่น้องแท้ ๆ อย่างไรก็ยังเป็นพี่น้อง สถานการณ์แบบนี้ก็ยังต้องรวมตัวกันอยู่ดี
คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือพี่สะใภ้สี่จ้าว ดูสิ ได้อยู่บ้านเดียวกับแม่สามีดีขนาดไหนกันล่ะ พวกพี่รองจ้าวก็แค่ได้มาร่วมรับประทาน แต่พวกเขาเป็นสมาชิกในบ้าน ดูเหมือนว่าหลังจากนี้คงย้ายออกไปไม่ได้จริง ๆ แล้วสิ
การเชือดหมูเป็นเรื่องง่ายแต่เก็บกวาดยากลำบาก เชือดหมูเพื่อทำอาหารมื้อนี้กว่าจะได้รับประทานเข้าปากก็ปาไปช่วงค่ำแล้ว โชคดีที่ตอนนี้มีหลอดไฟ ต่อให้ฟ้ามืดก็ไม่กลัว
จ้าวเหวินเทาเชือดหมูครั้งนี้มีคนมาเป็นจำนวนมาก บนเตียงและล่างเตียงจัดโต๊ะไว้หนึ่งโต๊ะก็ยังไม่พอ ห้องตะวันตกก็จัดไว้หนึ่งโต๊ะ นอกจากคนในครอบครัว ก็ยังมีคนในหมู่บ้านด้วย คนที่มาได้ก็มากันหมด
อันที่จริงสำหรับคนเหล่านี้ การรับประทานเนื้อหมูเป็นเรื่องรอง เรื่องหลัก ๆ คือได้สานสัมพันธ์กับจ้าวเหวินเทา ซื้อที่ดินภายในหมู่บ้านและในเมือง ทั้งยังติดตั้งโทรศัพท์ คนที่มีความสามารถแบบนี้จะไม่ให้ประจบประแจงได้เหรอ?
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มามือเปล่า คนนี้นำเหล้ามาหนึ่งขวด คนนั้นนำอาหารกระป๋องมาหนึ่งกระป๋อง คนนู้นเอานมมอลต์มาหนึ่งกล่อง แน่นอนว่าของเหล่านี้ให้คุณพ่อจ้าวทั้งหมด แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นการแสดงออกต่อหน้าจ้าวเหวินเทา ก็มีคำพูดหนึ่งที่พูดไว้ไม่ใช่เหรอ ตอนที่ยังเป็นหนุ่มมองดูบิดาและเคารพบุตร แต่เมื่อแก่ตัวให้มองดูบุตรและเคารพบิดา คุณพ่อจ้าวในตอนนี้เป็นแบบหลังแล้ว
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซอร์ไพรส์เหมือนกับพี่สะใภ้สามจ้าวด้วยคนค่ะ พี่สามจ้าวใจป้ำแท้ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วแน่ๆ
พอได้ยินว่าเหวินเทามั่งมีขึ้นมานี่เสนอหน้ามากันใหญ่เลยน้า
ไหหม่า(海馬)