เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 258 คุยเล่น
ตอนที่ 258 คุยเล่น
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ถ้าพี่คิดแบบนี้ งั้นก็คงซื้อที่ดินผืนนี้ไม่ได้แน่นอน พี่เขยห้า ผมเข้าใจความหมายของพี่นะ อันที่จริงไม่ว่าจะการค้าขายอะไรก็ไม่มีอะไรที่แน่นอนแบบ 100% หรอก ถ้าพี่คิดว่ามันเสี่ยง แบบนั้นไม่ว่าอะไรก็ทำไม่สำเร็จ เรื่องแบบนี้ต้องลองทำดูก่อน ถ้าไม่ได้ค่อยพูดว่าไม่ได้ พี่จะมานั่งคิดว่าทำไม่ได้โดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรไม่ได้หรอก แบบนั้นก็เท่ากับว่าทำไม่ได้”
พี่เขยทั้งสองคนมองจ้าวเหวินเทาด้วยความชื่นชม เหตุผลนี้พวกเขาต่างก็เข้าใจดี แต่เมื่อเห็นเงินของจริง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของความเข้าใจแล้ว แต่เป็นบททดสอบของความกล้าหาญ ความกล้าหาญประเภทนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมี
“เหวินเทา ไม่ว่าจะพูดยังไง นายก็สุดยอดอยู่ดี!” พี่เขยใหญ่กล่าว “สำหรับความกล้าหาญนี้ของนาย ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมี”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ผมเป็นพวกกล้าหาญแบบโง่ ๆ น่ะ พี่เขยใหญ่ชมเกินไปแล้ว”
ทุกคนดื่มเหล้า รับประทานเกี๊ยวและพูดคุยไปด้วย บรรยากาศจึงคึกคักมาก
พี่สาวใหญ่จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวรับประทานเสร็จก่อน จึงแวะไปหาเย่ฉูฉู่ ไม่ว่าเสื้อใหม่ของคุณแม่จ้าวหรือเงินจำนวนมากที่เย่ฉูฉู่ได้จากการออกแบบเสื้อผ้า ต่างก็ดึงดูดพวกหล่อนมากทั้งคู่
“พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า รีบเข้ามาเถอะค่ะ เหวินเทาล่ะ เขาไปที่บ้านแม่แล้วใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่เชิญพี่สามีทั้งสองเข้ามาในบ้าน
“เหวินเทากำลังกินข้าวอยู่ที่นั่น พวกเรากินเสร็จแล้ว ก็เลยแวะมาเยี่ยมก่อน เสี่ยวไป๋หยางล่ะ?” พี่สาวใหญ่จ้าวถาม
“กำลังนอนกลางวันอยู่น่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่รินน้ำชาให้
หลังรับประทานอาหารเที่ยงของทุกวัน เสี่ยวไป๋หยางจะนอนกลางวัน เย่ฉูฉู่มีเวลาก็จะนอนไปพร้อมกับลูกครู่หนึ่งด้วย
“เด็กคนนี้นอนเพลิดเพลินเชียวนะ” พี่สาวห้าจ้าวมองเสี่ยวไป๋หยางที่นอนอยู่บนเตียง แขนเล็ก ๆ กำลังกางออก มีผ้าห่มผืนเล็กห่มอยู่ นอนหลับตาพริ้มอมยิ้มสบายเชียว
“เด็กเล็กนอกจากกินก็นอน ไม่นอนก็เล่นซุกซนน่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม “พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า ดื่มชาร้อนหน่อยนะคะ ร่างกายจะได้อุ่น ๆ ข้างนอกหนาวมากเลย”
“วันนี้ยังดีนะ” พี่สาวใหญ่จ้าวดื่มชาหนึ่งคำ หล่อนถอดรองเท้าและขึ้นมานั่งบนเตียง
พี่สาวห้าจ้าวก็ขึ้นมานั่งบนเตียงเช่นกัน หล่อนกวาดตาสำรวจบ้านพลางกล่าว “บ้านหลังนี้ดีจริง ๆ สะอาดและสว่าง ดีกว่าแบบตึกแถวอีกนะ”
เย่ฉูฉู่นั่งคุยด้วยรอยยิ้มอยู่ตรงข้าม “แม้ว่าฉันจะไม่เคยอยู่แบบอาคารมาก่อน แต่ฉันคิดว่าบ้านชั้นเดียวนี่แหละดี กว้างขวาง แบบตึกแถวต่อให้ใหญ่กว่านี้ก็ไม่มีลานบ้าน”
พี่สาวใหญ่จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวหัวเราะ
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเห็นตึกนั่นที่อยู่ในเมือง แต่ละตึกเหมือนกับบ้านนกพิราบเลย เห็นแล้วอุดอู้จะตาย ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไปได้ยังไง”
“คนพวกนั้นยังมองว่าบ้านชั้นเดียวที่พวกเราอยู่ไม่ดีด้วยนะ” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว “แต่ บ้านแบบตึกแถวก็มีข้อดีเหมือนกัน แค่หมุนก๊อกน้ำ น้ำก็ไหลแล้ว ไม่ต้องออกไปเทน้ำจากข้างนอก สามารถต่อท่อน้ำเข้ามาได้เลย ฤดูหนาวก็มีเครื่องทำความร้อน ไม่ต้องไปเผาเตาเองก็อบอุ่นแล้ว”
“ไม่ใช่ทุกตึกที่เป็นแบบนั้นหรอก” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว “ฉันได้ยินมาว่ามีหลายครอบครัวใช้ห้องครัวร่วมกัน แถมยังต้องเผาเตาเองด้วย พี่ว่าจะใช้ชีวิตยังไงล่ะเนี่ย”
“มีแบบนี้จริง ๆ ค่ะ พี่สะใภ้สามของฉันบอกว่าในเมืองมีหลายที่ที่เป็นแบบนี้ เขาเรียกว่าถ่งจื่อโหลว[1] อะไรนี่แหละ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถึงยังไงพี่สะใภ้สามบอกว่าสภาพแย่มากเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
เมื่อพูดถึงโจวหมิ่น พี่สาวใหญ่จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวก็ถามขึ้นมา
“ฉันเห็นชุดใหม่ของแม่แล้ว แม่บอกว่าเธอเป็นคนออกแบบ สวยจริง ๆ เธอคิดได้ยังไงเนี่ย?” พี่สาวห้าจ้าวกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่จึงนำนิตยสารเล่มนั้นออกมาให้พี่สามีทั้งสองคนได้ดู “ฉันดูมาจากนิตยสารแบบนี้แล้วก็คิดออกมา บนนี้มีชุดที่ฉันออกแบบด้วย พี่สาวใหญ่กับพี่สาวห้าดูสิคะ ถ้าพวกพี่คิดว่าสวย เดี๋ยวฉันออกแบบให้พวกพี่คนละชุด”
ไม่ว่าผู้หญิงที่ไหนต่างก็ชื่นชอบเสื้อผ้าโดยธรรมชาติ ปรากฏว่าเมื่อพี่สาวใหญ่และพี่สาวห้าจ้าวได้รับนิตยสารแฟชั่นไปดูก็หลุดเข้าไปอยู่ในนั้นทันที ทั้งยังส่งเสียงตกตะลึงออกมาติด ๆ กันเป็นครั้งคราวด้วย
“อันนี้สวยนะ!”
“สีนี้ดีจริง ๆ ฉันรู้สึกได้ว่าฉันก็ใส่ได้เหมือนกัน”
“ฉันชอบหัวเข็มขัดอันนี้ ปกเสื้ออันนี้ก็สวยนะ”
“ลวดลายตรงแขนเสื้อตัวนี้ไม่เลวเลย”
สองพี่น้องดูไปพลางพูดคุยไปพลาง เย่ฉูฉู่ก็มองพวกหล่อนและรินน้ำชาให้ด้วยรอยยิ้ม
หลังจากดูจนเสร็จ พี่สาวห้าจ้าวก็พูดว่า “ฉูฉู่ เธอวาดรูปเสื้อผ้านี้ออกมาได้ยังไงเหรอ สอนฉันได้ไหม?”
ตอนนี้ผู้หญิงแทบจะทุกคนต่างก็ตัดเย็บเสื้อผ้าเป็น เพียงแต่ไม่มีใครวาดรูป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกแบบ ถึงอย่างไรก็ตัดเย็บตามแบบปกติ ขอแค่ใส่ได้และเหมาะสมก็เพียงพอแล้ว แบบนี้ก็เป็นข้อดีเหมือนกัน เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะผู้หญิงในชนบท ที่ไม่ว่าเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า พื้นรองเท้าของเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ทำด้วยมือทั้งหมด!
เย่ฉูฉู่จึงนำต้นฉบับการออกแบบชุดของตนเองออกมาให้พี่สาวห้าจ้าวดู “ไม่ได้ยากมากนะคะ ก็แค่วาดในสิ่งที่พี่ต้องการออกมาก็เรียบร้อยแล้ว”
“เยอะขนาดนี้เลย!” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว
“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ บางชุดก็ต้องวาดอยู่หลายครั้งกว่าจะวาดเสร็จ” เย่ฉูฉู่ชี้ไปยังภาพร่างงานออกแบบส่วนหนึ่งพลางกล่าว “พวกนี้เป็นแบบร่างแรก พวกนี้เป็นแบบที่เสร็จแล้ว แก้ไปแก้มาอยู่ 7-8 ครั้งเลยล่ะค่ะ”
พี่สาวห้าจ้าวถึงกับถอนหายใจ “ฉันนึกว่าจะง่ายมากเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะยุ่งยากขนาดนี้”
หล่อนเองก็เคยทำเสื้อผ้าให้เด็กและผู้ใหญ่ไปไม่น้อย ขนาดและรูปแบบที่อยู่บนนี้ต่างเข้าใจได้ แต่ต่อให้เข้าใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะวาดรูปออกมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกแบบเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ แค่เห็นของเหล่านี้ก็หมดความมั่นใจแล้ว
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ฉันคงทำไม่ไหว” พี่สาวห้าจ้าวพูดอย่างยอมแพ้
พี่สาวใหญ่จ้าวพลิกนิตยสารเพื่อดูและกล่าวว่า “เข้ากับประโยคนั้นจริง ๆ คนที่ทำได้ไม่ยาก คนที่บอกว่ายากเพราะทำไม่ได้ ฉันเองก็เย็บเสื้อผ้าเป็นนะ แต่ถ้าให้ฉันวาดรูปคงวาดออกมาไม่ได้”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่ได้ต่างอะไรกับการวาดแบบรองเท้าเลยนะคะ วาดให้เยอะ ๆ ก็ทำเป็นแล้ว ตอนแรกฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
ท้ายที่สุดพี่สาวห้าจ้าวก็หยิบแบบร่างที่เย่ฉูฉู่วาดออกมาสามสี่แผ่น หล่อนตัดสินใจว่าจะกลับไปฝึกดูสิหน่อย ลองดูว่าตนเองจะออกแบบได้หรือไม่
พี่สาวใหญ่จ้าวไม่ได้นำกลับไป หล่อนแสดงตัวออกมาว่าตนทำไม่ได้
เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกประหลาดใจ “พี่สาวห้า ทำไมถึงคิดจะทำงานนี้ล่ะคะ?”
พี่สาวห้าจ้าวถอนหายใจ “เธอคงยังไม่รู้ ผลประกอบการของโรงงานตอนนี้ไม่ดีเลย ฉันได้ยินคนพูดกันว่าไม่รู้จะปิดตัวลงตอนไหน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือโกหก แต่ถ้ามันปิดขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง?”
เย่ฉูฉู่นึกถึงเรื่องฟาร์มกระต่ายภายในเมืองที่สามีของเธอซื้อไว้ นั่นก็เป็นเพราะผลประกอบการไม่ดีเหมือนกัน สามีเธอบอกว่าไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะในเมืองมีโรงงานที่มีผลประกอบการไม่ดีแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากโรงงานปิดตัว คนงานที่อยู่ในนั้นก็จะตกงาน พวกเขาไม่มีที่ดินก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไร พี่สาวห้าจ้าวคิดแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว
“พี่สาวห้า เหวินเทาจะเลี้ยงกระต่ายในชนบท ถ้าพี่ไม่รังเกียจก็กลับมาช่วยเขาเลี้ยงกระต่ายสิคะ” แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะพูดเล่น แต่ภายในใจกลับคิดแบบนี้จริง ๆ
พี่สาวห้าจ้าวก็เคยเข้าเรียนมาหลายปี และทำงานอยู่ที่โรงงานยาสีฟันในอำเภอหลายปีแล้วเช่นกัน ต้องมีประสบการณ์แน่นอน การดูแลฟาร์มกระต่ายคงไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่าง นี่ก็เป็นคนในครอบครัวด้วยจึงเบาใจได้
พี่สาวใหญ่จ้าวมีดวงตาเป็นประกาย “จริงด้วย เหวินเทาสร้างฟาร์มกระต่าย เขาแค่คนเดียวทำไม่ไหวหรอก เธอก็กลับมาช่วยเขาได้พอดีเลย แบบนี้ก็อยู่ห่างจากแม่สามีด้วย ถ้าคิดจะมาสร้างปัญหาให้ก็หาไม่เจอหรอก”
พี่สาวใหญ่จ้าวชอบน้องสะใภ้เย่ฉูฉู่คนนี้มาก ดังนั้นจึงพูดออกมาตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง
พี่สาวห้าจ้าวก็นิ่งสงบมาก เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่ไม่ค่อยเข้าใจ หล่อนจึงเล่าเรื่องที่แม่สามีอยากได้หลานชาย และไม่อยากให้หล่อนทำงานให้อีกฝ่ายฟัง
…………………………………………………………………………………
[1] ถ่งจื่อโหลว (筒子楼) บ้านพักที่เป็นแฟลตแบบคอมมูน ไม่มีห้องน้ำในตัว จะทำกับข้าวต้องออกมาข้างนอก ตั้งเตาที่บริเวณทางเดิน (ภาพจาก https://www.sohu.com/a/225093294_100070995)
สารจากผู้แปล
นับว่าพี่สาวห้าจ้าวมองการณ์ไกลอยู่ ถึงกับหาทางเอาตัวรอดให้ครอบครัวแล้ว
ไหหม่า(海馬)