เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 263 มีชื่อเสียงอีกแล้ว
ตอนที่ 263 มีชื่อเสียงอีกแล้ว
ทุกคนต่างก็อยากดูว่าการแสดงระบำเพลงดำนาของหมู่บ้านอื่นเป็นอย่างไร แต่เป็นเพราะคนมากเกินไปจึงมองไม่เห็น พวกเขาต่างก็ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
เลขากลับดูนิ่งสงบมาก “ไม่ต้องสนใจคนอื่น พวกเราเต้นของพวกเราก็พอ!”
จ้าวเหวินเทาจึงตั้งใจไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ
“พี่ชาย ระบำของหมู่บ้านไหนดีที่สุดเหรอ?”
“ป้าใหญ่ เสื้อผ้าของพวกเขาสวยไหม?”
“ไอ้หนู นายชอบการแสดงระบำของหมู่บ้านไหนเหรอ?”
เมื่อถามไปหนึ่งครั้ง คำตอบที่ได้ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก ไม่มีหมู่บ้านไหนเป็นพิเศษ มีเพียงคล้ายคลึงกัน จ้าวเหวินเทาจึงเบาใจ
เมื่อครู่ท่าทางที่นิ่งสงบของเลขาก็เป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่เมื่อได้ยินคำถามของจ้าวเหวินเทา เขาจึงนิ่งสงบอย่างแท้จริง
ครั้นเวลาใกล้ถึงช่วงเที่ยง ก็ถึงคิวของหมู่บ้านข้าวซานถุน เสียงฆ้องและกลองดังขึ้น ทุกคนต่างก็เกิดความฮึกเหิมมีชีวิตชีวาขึ้นทันใด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มไปจนถึงสาวใหญ่ ต่างก็บิดเอวเต้นและโบกไม้โบกมือกันสุดฤทธิ์
เป็นเพราะออกท่าทางมากเกินไป ผู้คนที่มายืนดูความครึกครื้นก็ถูกป้ายยาไปด้วย พวกเขาปรบมือส่งเสียงเชียร์อย่างไม่ลังเล แต่ละคนก็ทยอยถามกันว่าคนเหล่านี้มาจากหมู่บ้านไหน ตอนที่ได้ยินว่าเป็นคนของหมู่บ้านข้าวซานถุน ต่างก็ตะโกนกันออกมา
“กระต่ายของข้าวซานถุน!”
“เต้าหู้ของข้าวซานถุน!”
ตอนนี้มีระบำของข้าวซานถุนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งการแสดงแล้ว
เมื่อทุกคนได้ยินคำชมก็ยิ่งเต้นกันแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนรถแทบเบรกไม่อยู่ จ้าวเหวินเทามองไปยังเลขาที่เป็นคนออกคำสั่ง เลขาก็กำลังบิดเอวเต้นเช่นกัน จ้าวเหวินเทาจึงรีบพาพวกเด็กหนุ่มอีกสามสี่คนออกไปแสดงท่าทางที่ดูเกินจริง เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คน ในตอนนี้เลขาก็ค่อย ๆ ได้สติกลับมา จึงนำกลุ่มคนออกจากลานแสดงอย่างช้า ๆ
“ระบำเพลงดำนาของหมู่บ้านข้าวซานถุนของพวกนาย คึกคักแถมยังอบอุ่นด้วย!”
เจ้าคณะตำบลกล่าวชื่นชมไปหนึ่งยก หัวหน้าตำบลระดับสูงก็ตัดสินให้หมู่บ้านข้าวซานถุนเป็นตัวแทนตำบลไปงานมหกรรมในอำเภอทันที
เลขาดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ เขานำบุหรี่ต้าเซิงฉ่านสองมวนและบุหรี่โหยวอี้อีกสองมวนกลับมา จากนั้นก็บอกข่าวนี้กับทุกคน ทุกคนจึงส่งเสียงเฮ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหน่วยอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะพาคนอีกส่วนหนึ่งที่ดูความครึกครื้นไปด้วย สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น
ที่ลานกว้างขนาดใหญ่ของสถานีรับซื้อ ทีมระบำเพลงดำนาสามารถเต้นได้อย่างสุดแรง
ผู้สูงวัยที่ดูแลประตูที่นี่มีประสบการณ์สามารถแยกแยะได้ ระหว่างที่ดูระบำเพลงดำนา ก็จ้องพวกเด็กนรกเหล่านั้นไปด้วย
“ไอ้เด็กเวร ทำอะไร ยืนดูอยู่บนพื้นไม่ได้ ยังจะขึ้นไปบนกำแพงอีก รีบลงมาเดี๋ยวนี้!…แกก็อีกคน ทำอะไร อายุเท่าไรกันเชียว ยังจะไปเล่นประทัดยักษ์อีก ไม่กลัวมันจะระเบิดใส่มือหรือไง!…จ้าวเสี่ยวลิ่ว! เต้นใช้ได้เลยนะ!” ชายสูงวัยพูดคุยอย่างมีความสุข
จ้าวเหวินเทาเดินเต้นเข้ามาพูดคุยด้วยรอยยิ้ม “ลุง สวัสดีปีใหม่นะ!”
“ดี ๆ สวัสดีปีใหม่เช่นกัน” ชายสูงวัยกล่าว
จ้าวเหวินเทาเรียกให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นไปหยิบเหล้าบนรถมาให้ชายสูงวัยหนึ่งขวด “ลุง นี่ของสำหรับปีใหม่ ลุงลองชิมดูนะ”
“นายนี่มีมโนธรรมดีนะ!” ชายสูงวัยรับเหล้ามาไว้ในมือ เขามองดูเครื่องหมายการค้าที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสองหยวน “อันนี้เงินอั่งเปาลูกชายนาย”
จ้าวเหวินเทายิ้มร่า เขารับมาโดยไม่เกรงใจ “ขอบคุณลุงแทนลูกชายผมด้วยนะ!”
“ได้ยินมาว่านายเปิดฟาร์มกระต่ายในหมู่บ้านแล้วเหรอ?” ชายสูงวัยสอบถาม
“ใช่แล้ว ผมเปิดฟาร์มกระต่ายในหมู่บ้านแล้ว ตอนนี้กำลังสร้างรังกระต่ายอยู่ ทำไมเหรอลุง อยากมาเลี้ยงกระต่ายให้ผมไหม?”
“ต้อนรับไหมล่ะ?” ชายสูงวัยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาชะงัก “ลุงอย่ามาแกล้งผมสิ ถ้าลุงอยากไป ผมก็ต้องการที่สุดเลยล่ะ!”
“ตกลง ถึงเวลานั้นฉันจะไปหา นายก็อย่าเอาแต่สร้างรังให้กระต่ายนะ ต้องสร้างรังให้คนด้วย ไม่งั้นจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนล่ะ!” ชายสูงวัยพูดทีเล่นทีจริง
จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่า “ลุงไม่ต้องห่วง ถ้าลุงไป ผมไม่ให้ลุงไปนอนอยู่ในรังกระต่ายแน่นอน!”
“ไอ้เด็กบ้านี่ พูดจาไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่!” ชายสูงวัยแม้ว่าปากจะกำลังด่า แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทารู้จักกับคุณลุงที่เฝ้าประตูคนนี้เพราะเข้ามาค้าขายของที่สถานีรับซื้อของในหมู่บ้าน ลุงคนนี้เป็นเด็กกำพร้า เคยอยู่ในกองทัพและเข้าร่วมสงครามมาก่อน แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บก็เกษียณออกมาเป็นคนเฝ้าประตูสถานีรับซื้อของ เขาไม่มีลูกชายและลูกสาว จนถึงตอนนี้ก็ใกล้จะเกษียณแล้ว สถานีรับซื้อของเป็นหน่วยงาน เมื่ออายุถึงที่กำหนดไว้ก็ควรเกษียณ ปีนี้ก็เป็นปีที่ชายสูงวัยต้องเกษียณพอดี
ก่อนหน้านี้จ้าวเหวินเทาเคยคุยกับชายสูงวัยว่าหลังจากเกษียณให้ไปช่วยเขาเลี้ยงกระต่าย ชายสูงวัยก็ตกปากรับคำแล้ว เพียงแต่จ้าวเหวินเทาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชายสูงวัยจะไปหาเขาจริง ๆ แล้ว
ทุกคนมาสวัสดีปีใหม่แต่ละหน่วยงานหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่ได้เป็นการสวัสดีปีใหม่แบบเปล่าประโยชน์ แต่ละหน่วยงานแทบจะให้บุหรี่คนละมวน หรือไม่ก็ให้เงินนิดหน่อยอะไรพวกนั้น ได้รับเป็นกอบเป็นกำเลย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มไปสวัสดีปีใหม่ตามแต่ละหมู่บ้าน
การระบำเพลงดำนาเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้แรง อย่ามองว่าตอนแรกทุกคนต่างออกแรงเต้นกันสุดฤทธิ์สุดเดช แต่เมื่อใส่เต็มเหนี่ยวก็หมดแรงเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านก็จะเต้นกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ระหว่างทางก็จะหยุดเต้น
มื้อเที่ยงแวะรับประทานที่ว่าการอำเภอเมืองสักหน่อย ช่วงบ่ายหลังจากวนไปที่หมู่บ้านอื่น ๆ เสร็จแล้ว ก็เดินกลับหมู่บ้านตัวเอง จนกระทั่งถึงบ้านก็เหนื่อยจนขาแทบลาก แต่จิตวิญญาณกลับยังคงเต็มเปี่ยม พวกเขาจะได้เป็นตัวแทนตำบลเพื่อเข้าไปแสดงในอำเภอ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะ!” เลขาที่อยู่บนรถใช้โทรโข่งพูด “หมู่บ้านของพวกเราได้หน้าแล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อไปแสดงในอำเภอแล้ว ก็ต้องทำตัวให้กระปรี้กระเปร่ากันหน่อยนะ ต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้!”
ทุกคนรีบปรบมือในทันที
เลขาโบกมือแล้วพูดต่อ “ทุกคนรีบกลับบ้าน รีบกินข้าวซะ กินข้าวเสร็จพวกเราจะได้มากระจายโคมไฟกัน!”
ทุกคนส่งเสียงโห่ทำท่าจะวิ่งกลับบ้าน เลขาจึงตะคอกเรียกพวกเขากลับมา “ถอดชุดก่อนแล้วค่อยกลับไป!”
ทุกคนจึงหัวเราะออกมาในทันที
พี่สามจ้าวไม่ได้ไปเข้าร่วม เขาใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วันสุดท้ายเพื่อทำเต้าหู้ ตอนที่ได้ยินเสียงคนที่มาดูการแสดงระบำเพลงดำนาตะโกนว่าเต้าหู้ของข้าวซานถุน เขาก็ตื่นเต้นเสียจนหายใจไม่เป็นจังหวะ จึงรีบถามติด ๆ กันว่า ‘จริงเหรอ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?’
อีกฝ่ายพรรณนาให้เขาฟังหนึ่งรอบ อารมณ์ของเขายังค้างอยู่เลย เขาจึงพูดกับพี่สะใภ้สามจ้าวว่า “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม เต้าหู้ของพวกเรา เต้าหู้ของเจ้าสามจ้าวคนนี้เลยนะ มีชื่อเสียงแล้ว มีชื่อเสียงพร้อมกับกระต่ายของข้าวซานถุนเลย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวก็คิดไม่ถึงเช่นกัน หล่อนจึงพูดอย่างมีความสุข “สามี คุณเก่งมากเลย!”
พี่สามจ้าวเชิดหน้าขึ้นอย่างพึงพอใจ “กระต่ายของเจ้าหกมีชื่อเสียงแล้วยังไง เต้าหู้ของผมก็มีชื่อเสียงได้เหมือนกัน!”
“แล้วทำไมนายถึงยังไม่ไปอีก นี่ถ้าครั้งนี้นายไปร่วมระบำเพลงดำนา นายก็สามารถบอกคนพวกนั้นได้แล้ว ว่านายคือคนที่ทำเต้าหู้ ต้องได้บุหรี่กลับมาหลายมวนแน่นอน!” คนในหมู่บ้านพูด
พี่สามจ้าวได้ยินก็ตาลุกวาว จริงด้วย เต้าหู้ของเขามีชื่อเสียงขนาดนั้น ถ้าเขาไป คงต้องมีคนยื่นบุหรี่ให้แน่นอน รวมถึงลูกอมด้วย ได้ยินว่าคนที่อยู่ในทีมเต้นระบำได้บุหรี่มาเป็นกล่องเลย ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทำไม่ได้ น่าเสียดายชะมัดเลย
ไม่ได้การล่ะ ครั้งหน้าตอนที่เข้าอำเภอ เขาต้องไปให้ได้!
พี่รองจ้าวเข้าร่วมด้วย ตอนนี้เขาจึงเหนื่อยมาก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบเขมือบอาหารราวกับแร้งลง ระหว่างที่รับประทานก็คุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวไปด้วย
“…ตอนนี้หมู่บ้านข้าวซานถุนของเรามีชื่อเสียงอีกแล้วนะ ด้านเต้นระบำเชียว! มีกระต่ายของเจ้าหก เต้าหู้ของเหล่าซาน ตอนนี้ยังมีระบำเพลงดำนาอีก ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นอะไร” พี่รองจ้าวกล่าว
เดิมทีพี่สะใภ้รองจ้าวก็อยากไปเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินว่าต้องไปทั้งวันกว่าจะได้กลับมา ถ้าให้ลูก ๆ ช่วยดูแลบ้าน หล่อนก็ไม่วางใจ จึงไปร่วมไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของพี่รองจ้าว หล่อนก็แอบไม่เห็นด้วย อะไรมีชื่อเสียงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหล่อน ครั้นมองดูบุหรี่ที่พี่รองจ้าวนำกลับมาก็เอ่ยขึ้น “ทำไมคุณไม่เอาลูกอมมาเยอะ ๆ หน่อยล่ะ คุณเองก็ไม่สูบบุหรี่ ลูกอมยังเอามาให้ลูก ๆ กินได้”
พี่รองจ้าวกล่าว “คุณคิดว่าผมอยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นของที่หน่วยงานให้มาทั้งนั้นแหละ”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทาไปตกลุงมาให้เป็นคนงานเลี้ยงกระต่ายได้อีกหนึ่งคนแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ
พี่สะใภ้รอง อินบ้างก็ได้นะ อย่าเอาแต่ใจแคบนัก
ไหหม่า(海馬)