เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 265 ขายเต้าหู้
ตอนที่ 265 ขายเต้าหู้
พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ เพราะต้องเสียเปรียบให้กับคนนอก พี่สะใภ้สามจ้าวรับพี่สามจ้าวที่พูดแบบนี้ไม่ได้ จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณไม่กลัวเหนื่อยตายก็ไปสิ ไม่มีใครห้ามคุณสักหน่อย!”
พี่สามจ้าวไม่ได้สนใจพี่สะใภ้สามจ้าว ทว่าภายในใจกลับคิดถึงฟาร์มกระต่ายของจ้าวเหวินเทา ตอนนี้ในบ้านของจ้าวเหวินเทาติดตั้งโทรศัพท์แล้ว เขาจึงรีบไปดู
โทรศัพท์เป็นเรื่องที่หาได้ยากภายในชนบท อย่ามองว่าในทีมใหญ่มีโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นของทีมใหญ่ เป็นของสาธารณะ ของสาธารณะมีอะไรก็เป็นเรื่องปกติ แต่การที่ใครมีของสาธารณะอยู่ในครอบครองไม่ใช่เรื่องปกติ ดังนั้นทุกคนทำงานเสร็จก็แวะมาดู
“โทรศัพท์เครื่องนี้ใหม่กว่าในทีมใหญ่อีกนะ!”
“คำพูดของเธอไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ ก็นี่มันเครื่องใหม่นี่!”
“โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่เหมือนกับที่ทีมใหญ่เลยนะ ไม่มีจานหมุนด้วย จะหมุนเลขยังไงเนี่ย?” คนที่เคยใช้โทรศัพท์ในทีมใหญ่แสดงความคิดเห็นของตนเอง
“นี่เป็นแบบกด เธอเห็นเลขที่อยู่ด้านบนไหม?”
“โทรศัพท์เครื่องนี้ต้องจ่ายเงินด้วยใช่ไหม?”
“ถึงไม่โทรก็ยังต้องเสียเงิน”
“ติดตั้งของแบบนี้ ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ต้องจ่ายเงิน จ้าวเหวินเทามีเงินจนฟุ่มเฟือยแล้วนะ”
“เขายินดีที่จะจ่าย!”
ทุกคนพูดออกมาหมด มีทั้งอิจฉา ริษยา เกลียดชัง แต่ที่มากกว่าคือพูดประจบประแจง พวกเขาพูดถึงจ้าวเหวินเทาในแง่ดี เย่ฉูฉู่ได้ยินก็ทำแค่เพียงแย้มยิ้ม เมื่อเห็นพี่สามจ้าวมา เธอจึงเรียกให้เข้ามาในบ้าน
โทรศัพท์ถูกติดตั้งไว้บนตู้ข้าง ๆ เตียงในห้องด้านตะวันออก เวลาโทรศัพท์และรับสายจึงสะดวกมาก เอี่ยวตัวไปทางนั้นก็สามารถถือโทรศัพท์และพูดคุยได้แล้ว
พี่สามจ้าวลูบโทรศัพท์อย่างระมัดระวังและถามเย่ฉูฉู่ว่าติดตั้งโทรศัพท์ใช้เงินเท่าไร แต่ละเดือนต้องจ่ายเงินเท่าไร ค่าโทรศัพท์เวลาโทรจ่ายเท่าไร เมื่อได้ยินคำตอบของเย่ฉูฉู่ พี่สามจ้าวก็ดึงมือกลับไป แอบรำพึงในใจ ของแบบนี้คือบรรพบุรุษเลยล่ะ บรรพบุรุษที่ต้องใช้เงินเพื่อบูชากราบไหว้
“จ่ายเงินมากขนาดนี้ คืนทุนได้เหรอของแบบนี้?” พี่สามจ้าวถาม
เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร “ติดตั้งไว้เพื่อความสะดวกน่ะค่ะ”
พี่สามจ้าวไม่สามารถเข้าใจได้ เป็นเพราะความสะดวกสบายจึงยอมจ่ายเงินเพื่อเชิญบรรพบุรุษกลับมา ไม่รู้ว่าจ้าวเหวินเทามีเงินไว้เผาหรืออะไรกันแน่
“พี่สาม พี่มีธุระเหรอคะ? เหวินเทากลับมาตอนค่ำนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
พี่สามจ้าวกล่าว “ไม่มีอะไรหรอก ได้ยินว่าพวกเธอติดตั้งโทรศัพท์แล้ว ก็เลยแวะมาดู” แม้ว่าจะพูดแบบนี้แต่ก็ยังไม่ยอมกลับ
เย่ฉูฉู่จึงรินน้ำชาให้เขา ระหว่างที่กล่อมเสี่ยวไป๋หยางก็คุยกับพี่สามจ้าวเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเต้าหู้ไปด้วย
“ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เลย พี่รองกับพี่สี่ของเธอก็น่าจะเตรียมตัวลงไปทำนากันแล้ว คงไม่มีเวลามาทำ” พี่สามจ้าวระบายความคับอกคับใจออกมา
“พี่สาม พี่ก็หาคนมาช่วยพี่ทำสักสองสามคนสิคะ พี่รองกับพี่สี่มีที่ดินเยอะมากเลยนะ พวกเขาทำไม่ทันหรอก” เย่ฉูฉู่ออกความเห็น
พี่สามจ้าว “เฮ้อ เต้าหู้นี้เก็บไว้ไม่ได้ พอถึงหน้าร้อนขนไปถึงอำเภอก็เสียหมดแล้ว”
เย่ฉูฉู่เองก็ไม่มีวิธี ต่อให้ในหมู่บ้านมีคนซื้อเต้าหู้ แต่ก็น้อยมาก ชีวิตของทุกคนไม่ได้ดีขนาดนั้น
พี่สามจ้าวพูดเรื่องนู้นเรื่องนี่อยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็พูดว่า “ฟาร์มกระต่ายของเจ้าหกตัดสินใจว่าจะจ้างคนกี่คนเหรอ?”
“คะ? จ้างกี่คนเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะได้สติกลับมา “ดูเหมือนว่าจะสิบกว่าคนนะคะ”
“มีกระต่ายถึงหนึ่งพันตัวหรือเปล่า? ถ้ามีมากถึงพันตัวก็ต้องใช้คนสิบกว่าคนนั่นแหละ คนน้อย ๆ คงทำไม่ทันแน่นอน”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ปีที่แล้วบอกว่าจัดการไปหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือชุดนี้ไม่รู้ว่าเพาะพันธุ์ออกมาได้กี่ตัว” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “พี่สาม พี่อยากมาทำงานที่ฟาร์มกระต่ายเหรอคะ?”
พี่สามจ้าวรีบพูด “ฉันไม่ไปหรอก มีที่ดินในบ้าน ไหนจะกระต่ายก็ทำให้ฉันกับพี่สะใภ้สามเธอยุ่งทั้งวันแล้ว ฟาร์มกระต่ายฉันว่าคงต้องดูแลอีกนานเลย”
เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ค่ะ ฟาร์มกระต่ายต้องมีคนอยู่เฝ้าตลอด”
“แล้วคนที่จ้างมาเป็นคนในหมู่บ้านเราไหม?” พี่สามจ้าวถามต่อ
เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าพี่สามจ้าวหมายความว่าอย่างไร จึงพูดไปตามน้ำว่า “เหวินเทาบอกว่าทางที่ดีที่สุดคือจ้างคนในหมู่บ้านตัวเอง แต่ถ้าหาคนในหมู่บ้านไม่ได้ก็คงทำได้แค่จ้างคนที่อยู่นอกหมู่บ้านนั่นแหละค่ะ”
“ทำงานอยู่ในฟาร์มกระต่ายนาน ๆ จะกินข้าวกินปลายังไงล่ะ? ทำกินเอง หรือว่าจ้างคนมาทำให้?” พี่สามจ้าวกล่าว
เย่ฉูฉู่คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สามจ้าวจะถามละเอียดขนาดนี้ “เรื่องนี้ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ถ้ามีคนนอกหมู่บ้านมา ก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้ด้วย คงจ้างคนในหมู่บ้านมาทำอาหารให้ คิดว่าน่าจะได้นะ รอให้เหวินเทากลับมาฉันจะลองถามเขาดู”
พี่สามจ้าวกล่าว “งั้นเธอช่วยถามเขาให้ด้วยนะ ถ้าเขาคิดจะจ้างคนทำอาหาร จะซื้อเต้าหู้ฉันก็มีเพียงพอนะ”
เย่ฉูฉู่เข้าใจแล้ว ที่แท้พี่สามจ้าวก็มาที่นี่เพื่อขายเต้าหู้ให้ฟาร์มกระต่ายนี่เอง อย่าพูดถึงเลย ความคิดนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ เมื่อเทียบกับอำเภอแล้ว ฟาร์มกระต่ายอยู่ใกล้กว่า คนสิบกว่าคนรับประทานอาหาร หนึ่งวันรับประทานเต้าหู้หนึ่งมื้อ ก็บริโภคไม่น้อย ทั้งยังมีความเสถียรภาพและบริโภคในระยะยาวด้วย เต้าหู้ของพี่สามจ้าวสามารถทำได้ทั้งปีเลย
ไม่แปลกใจที่สามีของเธอพูดว่า หากพูดถึงเรื่องทำธุรกิจ พี่สามจ้าวก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเขาเลย และมันก็เป็นเช่นนี้จริง ๆ
“ได้ค่ะ พี่สาม รอเหวินเทากลับมาฉันจะถามเขาให้นะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “พี่สาม พี่ก็ทำมาค้าขายเก่งเหมือนกันนะคะเนี่ย”
พี่สามจ้าวยิ้ม “ฉันสู้เจ้าหกไม่ได้หรอก ก็หาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นแหละ นี่ถ้าฟาร์มกระต่ายของเขาอยากได้เต้าหู้ของฉัน ฉันว่าจะเก็บเงินสักนิดเอาไปซื้อรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสักคัน ต่อให้ล่อวิ่งเร็วกว่านี้ ก็สู้รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้อยู่ดี แถมยังเสียเวลาเกินไปด้วย!”
“พี่สาม เต้าหู้ที่พี่ทำอร่อยขนาดนั้น ต้องซื้อรถเล็ก ๆ นี้ได้อยู่แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ก็ต้องดูแล้วล่ะว่าเจ้าหกจะอยากได้เต้าหู้ของฉันไหม” พี่สามจ้าวกล่าว “ถ้าเขาไม่อยากได้ ฉันก็คงต้องพึ่งพาการขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงฤดูหนาว คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะซื้อได้”
พูดจบ พี่สามจ้าวก็กลับไป
หลังจากพี่สามจ้าวกลับไป เฮ่อซงจือก็มาหา ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าหล่อนมาดูโทรศัพท์เช่นกัน
“โทรศัพท์สีแดงเครื่องนี้วางไว้ตรงนี้ก็ดูสวยพิลึกดีนะ” เฮ่อซงจือกล่าว
เย่ฉูฉู่กล่าว “ถึงเวลานั้นเธอก็ติดตั้งสักเครื่องสิ”
“ฉันจะติดตั้งโทรศัพท์ไปทำไม ฉันไม่มีใครให้โทรหาสักหน่อย ไม่เหมือนเธอหรอก ยังมีพี่สะใภ้สามให้โทรหา” เฮ่อซงจือหยุดเห่อโทรศัพท์แล้ว จึงพูดถึงเรื่องอื่น “พี่สามีสามของเธอมาทำอะไรเหรอ?”
เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่องที่พี่สามมาที่นี่ให้หล่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง
เฮ่อซงจือถึงกับเดาะลิ้น “พี่สามีสามของเธอนี่ช่างคิดจริง ๆ เลยนะ ฟาร์มกระต่ายของเธอยังไม่ทันได้สร้างเลย เขาก็คิดจะหาเงินจากเธอแล้ว!”
เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ทำการค้าขายก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”
เฮ่อซงจือ “ไม่รู้ทำไมฉันถึงทนดูคนแบบนี้ไม่ได้ก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ดูเป็นพวกวางมาด”
“สมกับที่เป็นภรรยาของครู ใช้คำศัพท์ได้คล่องเชียว” เย่ฉูฉู่หยอกล้อ
เฮ่อซงจือตีเย่ฉูฉู่หนึ่งที “ฉูฉู่ เธอเรียนรู้เรื่องไม่ดีมาจากเหวินเทาจริง ๆ แล้วนะ! ก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นจะพูดจาแบบนี้เลย!”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ เธอแค่ไม่รู้สึกก็แค่นั้นเอง”
ทั้งสองคนพูดคุยด้วยรอยยิ้มครู่หนึ่ง เฮ่อซงจือจึงกล่าวว่า “แล้วเธอตอบตกลงเขาแล้วเหรอ?”
“เรื่องนี้ฉันจะตอบตกลงได้ยังไงล่ะ รอเหวินเทากลับมาค่อยถามความเห็นจากเขานั่นแหละ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฟาร์มกระต่ายของเขาจะทำอาหารให้พนักงานหรือเปล่า”
“ต้องทำอยู่แล้วแหละ” เฮ่อซงจือกล่าว “เหวินจื้อบอกว่า กระต่ายเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่มีคนเฝ้าสักสามสี่คนคงไม่ได้ แถมยังเป็นผู้ชายทั้งหมดอีก อย่ามองว่าพวกเขารับประทานอาหารสามมื้อ นี่ถ้าให้พวกเขาทำอาหารเองสามมื้อต่อวัน ใช้เวลาไม่กี่วันคงได้เป็นบ้าพอดี!”
เย่ฉูฉู่ถูกคำพูดของอีกฝ่ายหยอกจนหลุดขำ
“เธออย่ามาหัวเราะ ที่ฉันพูดคือเรื่องจริงนะ” เฮ่อซงจือกล่าว “เธออย่าได้ดูถูกงานที่อยู่ในบ้านเชียว มันไม่ได้ง่ายไปกว่าการลงไปทำนาเลย งานในนายังมีเวลาว่างให้ได้พักบ้าง แต่งานในบ้านนี่ไม่มีเลยนะ ทั้งกินทั้งดื่มไหนจะขับถ่ายทุกวันอีก น่ารำคาญจะตายไป!”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สามก็มองการณ์ไกลเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าขี้งกก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)