เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 271 มีคนทุกประเภท
ตอนที่ 271 มีคนทุกประเภท
ตอนที่ 271 มีคนทุกประเภท
พี่สะใภ้รองจ้าวถลึงตามองเขา “นายพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ น้องสะใภ้สามก็ดีจะตายไป นิสัยก็ตรงไปตรงมา ไม่คิดร้ายกับใคร นายยังไม่พอใจตรงไหนอีก? อีกอย่างสิ่งที่น้องสะใภ้สามพูดไม่ถูกตรงไหน? นายดูพวกนายกินข้าวสิ ถ้าไม่มีเงินยังว่าไปอย่าง ทั้ง ๆ ที่กินได้แต่กลับประหยัดขนาดนั้น จะใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ดูอย่างบ้านพวกเราสิ แย่กว่านายตั้งเยอะ แต่ก็ไม่ได้กินก้อนผักดองเค็มทุกมื้อ!”
พี่สามจ้าวแก้ตัว “พี่สะใภ้รอง พี่ฟังยัยนั่นให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ กินผักดองเค็มทุกมื้ออะไรกัน ผักดองเค็มก็มีเนื้อด้วย!”
“ฉันรู้ แต่มันก็คือหนังหมูนี่ ของแบบนั้นกินทุกวันใครมันจะไปกินลงกันล่ะ น้องสาม อย่าหาว่าฉันอย่างงู้นอย่างงี้เลยนะ นายใช้ชีวิตสุดโต่งเกินไปแล้ว นายเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง บ้านก็สร้างขึ้นมาแล้ว ถึงจะบอกว่าเอาไว้สู่ขอลูกสะใภ้ แต่จะใช้เงินสักเท่าไรกันเชียว เอาแต่เก็บเงินไว้ทำอะไร ควรกินก็ต้องกินสักหน่อยสิ” พี่สะใภ้รองจ้าวโน้มน้าว
พี่สามจ้าวถอนหายใจ “พี่สะใภ้รอง บ้านหลังนั้นผมไม่ได้สร้างไว้ให้เขา พอลูกอยากมีภรรยาผมก็ต้องให้เขาออกไปสร้างบ้านอยู่เอง ผมไม่อยู่ร่วมกับเขาหรอก แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมยังต้องสร้างบ้านอีกหลัง!”
พี่สะใภ้รองจ้าวหัวเราะ “พอเถอะ ลูกยังเล็กขนาดนั้น นายจะรีบร้อนไปทำไม ไม่แน่นะ ลูกชายของนายอาจจะสู้ชีวิต สอบเข้ามหาลัยได้นายก็ไม่ต้องสร้างบ้านเพื่อให้เขาแต่งงานแต่งการก็ได้!”
“เรียนหนังสือก็ต้องใช้เงิน จะทำอะไรก็เงินทั้งนั้น ตอนนี้กินจนหมด ถึงเวลาจะใช้เงินจะไปเอามาจากไหนล่ะ!” พี่สามจ้าวส่ายหน้า จากนั้นก็เริ่มตั้งใจเติมดีเกลือลงในน้ำเต้าหู้เพื่อให้แข็งตัวแล้ว
เมื่อเต้าหู้แข็งตัวแล้วก็กดออกมา จากนั้นก็บรรจุขึ้นรถนำไปส่งที่ฟาร์มกระต่าย จดบันทึกไว้แล้วมาเก็บเงินรวบยอดทีเดียวอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้
จ้าวเหวินเทาไม่มีเวลามานั่งคิดบัญชีทุกวัน เขาคิดบัญชีเดือนละครั้ง เรื่องนี้คุณพ่อจ้าวเป็นคนจัดการ
คุณแม่จ้าวทำหน้าที่อยู่หลังครัว คุณพ่อจ้าวดูแลเรื่องบัญชี รายได้และรายจ่ายของฟาร์มกระต่าย จ้าวเหวินเทาเป็นคนดูแลเรื่องเงิน ตอนนี้ลุงจ้าวยังไม่ได้ดูแลไก่และเป็ด เขาแค่ดูแลประตูและลาดตระเวนดูความเรียบร้อย
พี่สามจ้าวเกิดความไม่พอใจขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช้คนในครอบครัวแต่ไปใช้คนข้างนอก จ้าวเหวินเทาไม่นึกถึงครอบครัวสักนิดเลย!
แต่เขาไม่คิดเลยว่า ถ้าเรียกเขาให้มาทำงานที่ฟาร์มกระต่ายจริง ๆ เขาก็ไม่มาเหมือนกัน!
ฟาร์มกระต่ายดำเนินไปตามปกติ จ้าวเหวินเทาก็เริ่มค้าขายอุปกรณ์การเกษตร ปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ส่วนที่ดินภายในบ้านเขาจ้างพ่อของชุยต้าและเจ้ารองชุยมาทำให้ ส่วนชุยต้าทำงานอยู่ในฟาร์มกระต่าย จึงไม่มีเวลาไปทำนา
พ่อของชุยต้าคนนี้ นอกจากลำเอียงเข้าข้างน้องชายตัวเองแล้ว ยังเป็นคนโง่ด้วยเพราะเขาทำงานให้น้องชายและรับผิดชอบอย่างจริงจัง ใช้ใจทำงานยิ่งกว่างานของตัวเองเสียอีก
บนโลกใบนี้มีคนแบบนี้ด้วย กระตือรือร้นและมีความขยันหมั่นเพียรต่อคนนอกและคนในครอบครัว ไม่มีความคิดอื่น แต่งานของตัวเองกลับทำอย่างขอไปที ทำแบบลวก ๆ ก็ได้
โดยเฉพาะภายใต้อิทธิพลของเหล่าอันธพาลใหญ่ในช่วงหลายปีมานี้ คนแบบนี้มีเยอะมาก คนแบบนี้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตนเอง แต่เป็นคนงานที่ได้รับความดีความชอบจากเถ้าแก่ ยกตัวอย่างเช่นเถ้าแก่อย่างจ้าวเหวินเทา
ชีวิตของตระกูลชุยมีความยุ่งเหยิง แต่จ้าวเหวินเทาก็ยังเห็นว่าพ่อของชุยตาเป็นคนงานที่ทรงคุณค่าหาได้ยากและเป็นคนที่มีคุณภาพ เขาจึงมอบหมายให้อีกฝ่ายทำนาทั้งหมดแทนตนเองอย่างวางใจ ทุ่งนาของเขาถูกทำนาอย่างพิถีพิถัน ดูแลอย่างเหมาะสม จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้ตระหนี่ ควรให้รางวัลก็ให้ เช่นเดียวกัน เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดในนาให้พ่อของชุยต้าแล้ว และพ่อของชุยต้าก็ทำงานได้อย่างแข็งขัน
เย่ฉูฉู่พูดเรื่องนี้กับโจวหมิ่น โจวหมิ่นจึงพูดว่า “บนโลกใบนี้มีคนจำนวนมากที่ไม่มีความสามารถในการพึ่งพาตัวเอง จำเป็นต้องมีคนคอยดูแล เขาถึงจะมีแรงบันดาลใจ”
“แต่เหวินเทาไม่ใช่คนแบบนี้น่ะค่ะ เขาไม่ชอบให้ใครมาบงการ” เย่ฉูฉู่นึกถึงสามีของเธอ เมื่อเทียบกับพ่อของชุยต้า เขาก็คือม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน ไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น
โจวหมิ่นที่อยู่ทางฝั่งนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนแบบจ้าวเหวินเทาไม่ยอมให้ใครมาบงการ เพราะเขารู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร รู้ว่าทำยังไงถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ การตระหนักรู้ในตัวเองสูงมากเลยนะ มีแค่เธอที่คุมเขาได้”
เย่ฉูฉู่หน้าแดง โชคดีที่คุยโทรศัพท์กัน โจวหมิ่นจึงมองไม่เห็นเธอ
“พี่สะใภ้ ดูพี่พูดเข้าสิ ฉันก็คุมเขาไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละค่ะ เขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องที่เขาอยากทำด้วยตัวเอง”
โจวหมิ่นหัวเราะ “ฉูฉู่ เป็นเพราะเธอไม่ได้คุมเขา แต่ถ้าเธอคุม เขาก็ต้องฟังเธออยู่แล้ว”
เย่ฉูฉู่รู้สึกหวานละมุนภายในใจ ดูเหมือนว่าจะใช่ สามีของเธอก็ไม่เคยฝ่าฝืนความต้องการของเธอมาก่อน แต่เธอก็ไม่คิดจะคุมสามีของตัวเอง หวังว่าสามีจะมีโลกเป็นของตัวเอง
“ทำไมต้องคุมด้วยล่ะคะ เขาชอบอะไรก็ปล่อยให้เขาทำตามที่ชอบ แบบนี้ถึงจะเป็นตัวเขา” เย่ฉูฉู่กล่าว
โจวหมิ่นถอนหายใจ “ฉูฉู่ บางครั้งฉันก็อิจฉาเธอจริง ๆ เธอรู้ไหม เธอคิดแบบนี้ มีหลายคนที่ทั้งชาตินี้ก็คิดไม่ได้ มีคู่สามีภรรยาหลายคู่ที่อยากจะบงการชีวิตของอีกฝ่าย แบบนี้ถึงจะแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของตัวเอง พวกเขาอาจจะดูอ่อนข้อให้ตอนอยู่ข้างนอก แต่ในบ้านกลับแข็งกร้าว”
“ฉันรู้ค่ะ กดขี่ข่มเหงในบ้านใช่ไหมคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ถูกต้อง แต่การข่มเหงในบ้านเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ให้อีกฝ่ายยอมจำนนตัวเอง เชื่อฟังตัวเองตั้งแต่ความคิดไปจนถึงร่างกาย”
“แบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”
เย่ฉูฉู่ไม่อยากนึกภาพความสัมพันธ์แบบนั้นระหว่างสามีภรรยาเลย สามีภรรยาที่ผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่งไป ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนในชนบทไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้น แต่คนในชนบทชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว อันที่จริงการใช้ความรุนแรงในครอบครัวก็เป็นเรื่องธรรมชาติแบบนี้แหละ เอาล่ะ พวกเราอย่าคุยเรื่องไร้สาระพวกนี้เลย ฉันได้รับแบบร่างของเธอแล้วนะ ตอนนี้กำลังผลิต นางแบบก็หาไว้แล้ว คิดว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ก็ลงนิตยสารแล้ว ถึงเวลานั้นฉันจะส่งไปรษณีย์ไปให้เธอดูนะ”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยความประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ!”
“นี่ถือว่าช้ามากเลยนะ ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะผ่านไปแล้ว ฉูฉู่ โดยทั่วไปแล้ว สไตล์เสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมของฤดูร้อนจะออกมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สไตล์เสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมของฤดูหนาวจะออกมาในช่วงฤดูร้อน สไตล์เสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมของฤดูใบไม้ผลิจะออกมาในช่วงฤดูหนาว จะออกมาล่วงหน้าก่อนถึงฤดู เธอต้องรีบทำเวลาออกแบบเสื้อผ้าของฤดูร้อนกับฤดูหนาวออกมานะ พวกเราจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า” โจวหมิ่นอธิบาย
เย่ฉูฉู่รีบพูด “ได้เลย พี่สะใภ้สาม ฉันจะรีบออกแบบออกมาให้เร็วที่สุดค่ะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะวางสาย
โจวหมิ่นวางสายแล้ว ก็รีบเร่งไปยังบริษัทนิตยสาร
แม้เสื้อผ้าจะยังไม่ได้ผลิตออกมา แต่แบบร่างที่เย่ฉูฉู่ออกแบบไว้โจวหมิ่นก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็นภาพนำไปก่อนได้ เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทั่วไปสำหรับการประชาสัมพันธ์จะไม่ดีเท่ากับอีกสิบกว่าปีต่อจากนี้ สภาพแวดล้อมของเมืองหลวงก็ยังดีกว่าสถานที่อื่น ๆ ถึงอย่างไรบรรยากาศก็ดีกว่า โจวหมิ่นนำภาพวาดที่ถ่ายเอกสารออกมาคุยกับนิตยสารเสื้อผ้าจนถึงค่ำ กว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนการขายออกไป
ตอนที่กลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว ลูกหิวนมจนดื่มนมผงแล้ว โจวหมิ่นรู้สึกคัดหน้าอกจนรู้สึกทรมานไปหมด โชคดีที่ลูกช่วยดูดนมไปนิดหน่อย จึงบรรเทาความเจ็บปวดของหล่อนได้
คุณแม่เย่เป็นห่วงทั้งหลานและลูกสะใภ้ “เธอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เงินค่อย ๆ หาเถอะ ลูกกินนมเธอจนชินแล้ว เลยไม่ชอบกินนมผง เธอก็พยายามกลับบ้านให้เร็วหหน่อย”
โจวหมิ่น “ฉันเข้าใจแล้วค่ะแม่ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะนานขนาดนี้ คนคนนั้นเข้มงวดเกินไปแล้ว”
ป้าแม่บ้านทำอาหารเสร็จแล้วและยกเข้ามาเสิร์ฟ “มากินข้าวเถอะจ้ะ”
“พวกเรากินกันก่อน อีกสักพักกว่าหมิงเป่ยจะกลับมา” คุณแม่เย่กล่าว
โจวหมิ่นให้นมลูกเสร็จ ลูกก็หลับปุ๋ยไป หล่อนมองคราบน้ำตาที่ยังเลอะอยู่บนใบหน้าก็รู้สึกปวดใจมาก
เมื่อเย่หมิงเป่ยกลับมาตอนค่ำ คุณแม่เย่ก็กระซิบบอกกับลูกชาย ให้เขาโน้มน้าวใจภรรยาว่าอย่ากลับบ้านดึกแบบนี้ ลูกไม่ยอมกินนมผง หิวจนร้องไห้ไม่หยุด นางในฐานะที่เป็นแม่สามีจะพูดมากเกินไปก็ไม่ดี
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สามงกไปไหม แบ่งส่วนหนึ่งมาใช้ชีวิตให้ดีบ้างก็ได้ เจ็บป่วยขึ้นมาจะใช้เงินมากกว่าที่คิดนะ
ความคิดที่จะบงการชีวิตอีกฝ่ายให้อยู่ในอำนาจก็เป็นปัญหาสำคัญเลยนะคะที่นำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัว ที่ร้ายก็คือต่างคนต่างไม่รู้ตัวด้วยว่ามันเป็นผลเสียกับทั้งคู่
ไหหม่า(海馬)