เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 278 จับคน
ตอนที่ 278 จับคน
ตอนที่ 278 จับคน
ทุกคนรีบพยักหน้ารัว ๆ มีจ้าวเหวินเทาอยู่ด้วยทุกคนก็มีบุคคลที่พึ่งพาได้ จึงมุ่งหน้าไปยังฟาร์มกระต่ายด้วยกัน
ฟาร์มกระต่ายตั้งอยู่บนเขาป้านลาทางใต้ของตงเหลียง อยู่ห่างจากหมู่บ้านต้องใช้เวลาเดินเท้าหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ถ้ารีบเดินหน่อยก็ใช้เวลาสี่สิบกว่านาที เดินผ่านถนนที่เป็นหินกรวดล้วนเป็นลูกรังทั้งหมด นี่เป็นผลจากการที่คนและสัตว์เดินและเกวียนไม้เล็ก ๆ ที่ลากกดทับมานานหลายปี เมื่อมีน้ำฝนตกลงมา ก็กลายเป็นหลุมเป็นบ่อ สองข้างทางมีสุมทุมพุ่มไม้ขึ้นหนาแน่น บนเนินเขายังมีแปลงปลูกพืชที่คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งขึ้นเอาไว้ ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณจนเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ ในช่วงกลางดึกก็มีเสียงจักจั่นเรไรร้องเซ็งแซ่ มีบางครั้งที่ได้ยินเสียงหอนของหมาป่าด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนกับหนังผีมาก พวกเด็กหนุ่มเหล่านี้ถ้าให้เดินคนเดียวคงไม่กล้าเดินเท่าไร แต่มีคนเยอะขนาดนี้ ทุกคนจึงไม่กลัว ประกอบกับใจจดจ่ออยู่กับการมุ่งหาเสียงปืน จึงไม่ได้คิดไปถึงสิ่งอื่น
หลังจากเดินมาได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนจากด้านหน้า “พวกมันวิ่งไปทางฟาร์มกระต่ายแล้ว รีบตามไปเร็ว! อย่ายิงปืนนะ!”
จ้าวเหวินเทาตกใจ เขาจึงวิ่งนำออกไปก่อน
ชุยเอ้อและคนอื่น ๆ เห็นจ้าวเหวินเทาเริ่มวิ่ง พวกเขาก็วิ่งตามไปเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของพวกเขาดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ด้านหน้าในเวลาอันรวดเร็ว มีคนตะโกนอย่างระมัดระวัง “นั่นใคร!”
จ้าวเหวินเทาตะโกนตอบ “พวกเราเป็นคนของหมู่บ้านข้าวซานถุน ผมเป็นเจ้าของฟาร์มกระต่าย ผมได้ยินเสียงปืนก็เลยมาดู!”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูอ่อนลง “พวกเรามาจากสถานีตำรวจ กำลังอยู่ในช่วงปฏิบัติหน้าที่ เมื่อสักครู่เจ้าหน้าที่ร่วมทีมของเราเป็นคนยิงปืน ต้องขอโทษด้วยที่รบกวน ตรงนี้ไม่มีธุระอะไรแล้ว พวกคุณรีบกลับไปนอนเถอะ!”
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็เบาใจ จึงรีบพูดว่า “ฟาร์มกระต่ายมีชัยภูมิซับซ้อน พวกคุณไม่คุ้นชินกับสถานที่นี้ อาจจะกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจ ให้ผมนำทางพวกคุณดีไหม?”
อีกฝ่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ แต่พวกคุณต้องฟังตามคำสั่งนะ”
“เข้าใจแล้ว!” จ้าวเหวินเทาพูดกับชุยเอ้อ “พวกนายกลับไปเถอะ ฟัง ๆ ดูแล้วอันตรายอยู่เหมือนกัน”
ชุยเอ้อไม่ยอม “พี่ผมยังอยู่ในฟาร์มกระต่ายนะ ผมต้องไปดู”
คนอื่น ๆ “พี่หกจ้าว พี่ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่รบกวนพี่หรอก บางทีอาจจะช่วยเหลือได้ด้วยนะ”
จ้าวเหวินเทากำชับกับพวกเขาสองสามคำ จากนั้นก็นำทุกคนไป
คนที่ยืนรอพวกเขาอยู่ด้านหน้ามีแค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินว่าเป็นชาวบ้านของหมู่บ้านข้าวซานถุน จึงออกเดินทางค้นหาต่อ
“ทำไมถึงมีคนเยอะขนาดนี้?” คนๆ นั้นที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนของสถานีตำรวจแอบไม่พอใจเท่าไรนัก
จ้าวเหวินเทากล่าว “สหาย ผมคนเดียวไม่กล้าเดินบนถนนมืด ๆ หรอก ก็เลยต้องรวมตัวกันมา นี่ก็เป็นคนในหมู่บ้านทั้งนั้น คุ้นชินกับฟาร์มกระต่ายด้วย”
“ก็ได้ อย่าเคลื่อนไหวเสียงดังเกินไปนะ ตามฉันมา!” คนๆ นั้นโบกมือ ก่อนจะวิ่งนำออกไปก่อน
จ้าวเหวินเทาและคนอื่น ๆ วิ่งตามหลัง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำได้เพียงแค่วิ่งตามอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นบ้านพักของฟาร์มกระต่าย คนๆ นั้นก็ไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมงาน จากนั้นก็ถามถึงสถานการณ์ระหว่างกัน พวกเขาพูดว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“สหาย นายบอกว่านายเป็นเจ้าของฟาร์มกระต่ายใช่ไหม? ฟาร์มกระต่ายของนายมีประตูหลังหรือเปล่า?”
จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ด้านหลังฟาร์มกระต่ายเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ ลึกหลายเมตรเลย ทำประตูหลังไม่ได้มีประโยชน์อะไร ก็เลยมีแค่ประตูใหญ่ด้านหน้า”
“พากพวกเราไปดูร่องน้ำขนาดใหญ่นั้นหน่อย!”
“ได้สิ!”
จ้าวเหวินเทาพาพวกเขาเดินลัดเลาะไปตามรั้วลวดหนามที่อยู่รอบ ๆ ฟาร์กระต่ายมาจนถึงร่องน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกอยู่ที่สิบกว่าเมตร มีหญ้างอกขึ้นมา แต่ไม่มีต้นไม้ ต่อให้ลงไปจากตรงนี้ก็ลำบากมากอยู่ดี
“ถ้าไม่ได้เข้าประตูใหญ่จะเข้าไปในฟาร์มกระต่ายได้ไหม?” คนๆ นั้นมองดูร่องน้ำขนาดใหญ่พลางเอ่ยถาม
“ได้!”
จ้าวเหวินเทานำพวกเขาเดินกลับมา จากนั้นก็หยุดลงที่ด้านข้างตะวันออก ตรงนั้นมีต้นหลิวขนาดใหญ่อีกสองสามต้น หนึ่งในนั้นมีความคดเคี้ยว และยื่นเข้ามาด้านในรั้วหนามเหล็กพอดี
จ้าวเหวินเทาชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ “จากตรงนี้จะเข้าไปที่กองฟืน สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้”
คนผู้นั้นพยักหน้า แล้วบอกให้จ้าวเหวินเทานำทาง
จ้าวเหวินเทายื่นพลั่วเหล็กให้ชุยเอ้อ เขาโอบต้นไม้และปีนขึ้นไปด้านบน จากนั้นก็ปีนไปตามลำต้นที่คดเคี้ยวก่อนจะกระโดดเข้าไปบนกองฟืนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของลวดหนาม
คนๆ นั้นเห็นก็เลียนแบบท่าทางของจ้าวเหวินเทาด้วยการโอบต้นไม้แล้วปีนขึ้นไป เขาไม่ได้ออกแรงอะไรเลย คนของเขาก็ขึ้นมาเช่นเดียวกัน ชุยเอ้อและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ยืนเงอะงะ สำหรับคนในหมู่บ้านแล้ว การปีนต้นไม้และขึ้นกำแพงเป็นความสามารถตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร
จ้าวเหวินเทาเดินผ่านกองฟืนเข้าไปด้านในฟาร์มกระต่าย สถานที่แห่งนี้นอกจากไว้วางฟืนแล้วก็ยังมีโกดังด้วย บดบังแสงจันทร์ส่วนใหญ่ไปเกือบหมด ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงปรับตัวเข้ากับความมืดได้ หลังจากมองซ้ายมองขวา ก็รอคนเหล่านั้นเข้ามา ก่อนจะนำไปยังบ้านพักแถวแรก
เมื่อเทียบกับกังวลกระต่ายแล้ว เขาเป็นกังวลพ่อกับแม่มากกว่า
ห้องพักแถวแรกมีไฟส่องแสงสว่าง มีคนกำลังพูดคุยกัน
“กระต่ายไม่ได้ลดลง แต่มันตกใจ เสียงปืนมาจากไหนเนี่ย” เสียงนี้คือเสียงของชุยต้า
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อย่าให้ฉันรู้นะว่าไอ้บ้าไหนมันทำเรื่องแบบนี้ ฉันจะยิงมันให้ตายเลย!” คนที่พูดประโยคนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นลุงจ้าว
ตาแก่คนนี้เกลียดชังคนชั่ว แม้ว่าอายุมากแล้ว แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวกล่าว “พวกเราหาอีกสักรอบไหม?”
จ้าวเหวินเทากระซิบบอกคนคนนั้นว่านี่คือพ่อแม่ของเขา ขอเข้าไปพูดคุยได้หรือไม่
คนคนนั้นพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ตามเข้าไป
จ้าวเหวินเทาและชุยเอ้อจึงเดินเข้าไป ไม่ต้องพูดถึงเลย คุณพ่อจ้าวคุณแม่จ้าวและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจมาก จ้าวเหวินเทาจึงเข้ามาปลอบใจพ่อแม่และพนักงาน จากนั้นก็อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
ชุยเอ้อเห็นพี่ชายไม่เป็นอะไรก็โล่งอก
ลุงจ้าวได้ยินว่าเป็นคนของสถานีตำรวจ เขาก็รีบออกมาเจอหน้าอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน จากนั้นก็พูดกับจ้าวเหวินเทาว่า “พวกนายรออยู่ที่นี่แหละ ฉันเองก็คุ้นเคยกับฟาร์มกระต่าย เดี๋ยวฉันพาพวกเขาไปเดินดูรอบ ๆ เอง!”
ยังไม่รอให้จ้าวเหวินเทาตอบอะไรก็เดินไปแล้ว
จ้าวเหวินเทาจะวางใจได้อย่างไรกัน คนอายุมากขนาดนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะให้เขาทำอย่างไร เขารีบเดินตามออกไป ชุยเอ้อและเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ เห็นก็รีบตามไปเช่นกัน
นี่เป็นการจับคนเลยนะ ตื่นเต้นขนาดไหนกันเนี่ย!
พวกเขาเริ่มค้นหาแบบละเอียด สุดท้ายแล้วก็เป็นพวกมืออาชีพ ละเอียดกว่าพวกชุยต้ามาก แม้แต่กระสอบข้าวก็ยังไม่เว้น แน่นอนว่าไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง เพราะในนั้นมีคนสองคนซ่อนตัวอยู่จริง ๆ!
“ออกมา ถ้าไม่ออกมาจะยิงแล้วนะ!”
“อย่ายิงนะ พวกเราออกไปแล้ว!”
จากนั้นเงาสองคนก็ปรากฏตัวออกมาจากด้านในกระสอบ คนจากสถานีตำรวจจึงเข้าไปมัดตัวบุคคลทั้งสองไว้
ลุงจ้าวหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องหน้าอีกฝ่าย จ้าวเหวินเทาได้เห็นอย่างชัดเจน แต่เขาไม่รู้จัก ไม่ใช่คนในหมู่บ้านตัวเองและไม่ใช่คนจากหมู่บ้านอื่น
“ค้นหาอย่างละเอียดใหม่อีกครั้ง!”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนที่สถานีตำรวจต้องการตัว แต่จับไว้เพื่อนำไปสอบปากคำ
จ้าวเหวินเทาไม่ได้ตามไป แต่ร่วมค้นหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ต่อ ตอนที่มาถึงรังกระต่าย จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นกับกระต่าย บ้านกระต่ายกว้างขวางมาก แต่กระต่ายกลับกระจุกตัวอยู่ที่มุมบ้าน ส่วนอีกมุมหนึ่งมีกองขยะวางอยู่
“นั่นคืออะไร?” จ้าวเหวินเทาถามชุยต้า
ชุยต้ารีบบอก “นั่นคือที่ผลิตกระต่าย พี่หกไม่ต้องห่วงนะ แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้ากระต่ายจะไปคลอดตรงนั้น ผมจะย้ายออกมา”
ชุยต้ากลัวว่าจ้าวเหวินเทาจะโทษว่าพวกเขาไม่ทำความสะอาดรังกระต่าย แต่จ้าวเหวินเทาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เมื่อได้ยินแบบนี้ เขาจึงเปิดประตูเข้าไปในบ้านดิน จากนั้นก็พุ่งเข้าไปยังรังที่ผลิตกระต่ายนั้น ยังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือทำอะไร รังกระต่ายนั้นก็แหวกออกอัตโนมัติ จากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งกระโดดขึ้นมา ทั้งยังถือมีดที่ส่องประกายวาววับเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ระทึกมากค่ะตอนนี้ อีกฝ่ายมีมีดด้วย เหวินเทาจะเป็นอะไรไหมเนี่ย ขอให้ปลอดภัยนะคะ
ไหหม่า(海馬)