เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 279 ความน่ากลัวกลางดึก
ตอนที่ 279 ความน่ากลัวกลางดึก
ตอนที่ 279 ความน่ากลัวกลางดึก
จ้าวเหวินเทาทะเลาะกับคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นแบบนี้ก็หลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ แต่ด้านหลังของเขาคือชุยต้า จ้าวเหวินเทาจึงยกเท้าเตะด้วยความรีบร้อนจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไป
เท้าที่เตะออกไปทั้งรุนแรงและรวดเร็ว เล่นเอาอีกฝ่ายกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ตรงข้าม
“ระวังหน่อย ในมือมันมีมีด!” จ้าวเหวินเทาตะโกนเตือน
ชุยต้าและคนอื่น ๆ รู้สึกโกรธเคืองมาก ยังไม่ทันที่คนในสถานีตำรวจจะได้ลงมือ พวกเขาก็บุกเข้าไปกดคนคนนั้น ทำการแบ่งมีดในมือและจับตัวไว้
“ไอ้เด็กเวร กล้าดียังไงถึงมาทำร้ายคนอื่นในสถานที่ของข้าวะ!”
ลุงจ้าวก่นด่าหนึ่งประโยค ไฟฉายในมือสาดไปที่อีกฝ่าย เขาไม่รู้จัก แต่จ้าวเหวินเทารู้จัก
“นายเองเหรอ หม่าเสี่ยวลิ่ว!” จ้าวเหวินเทาตกใจมาก
หม่าเสี่ยวลิ่วคนที่ลากเขาไปเล่นพนันที่หมู่บ้านตะวันตกคนนั้นอย่างไรล่ะ
หม่าเสี่ยวลิ่วเหลือบมองจ้าวเหวินเทาด้วยความรู้สึกเสียหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย นายเล่นไพ่แล้วยังจะใช้มีดอีก หม่าเสี่ยวลิ่วนายนี่ช่างสามารถนะ!” จ้าวเหวินเทาพุ่งตัวเข้าไปแล้วใช้เท้าเตะหม่าเสี่ยวลิ่วจนกลิ้ง
“พอแล้ว ๆ พี่หก พี่อย่าโกรธเลย ทุบตีมันจนตายก็ไม่คุ้ม!” ชุยต้ารีบเข้ามาห้าม
จ้าวเหวินเทาย่อมรู้สึกโกรธแค่ชั่วขณะ หลังจากเตะเสร็จครั้งเดียวเขาก็ปล่อยไป
คนของสถานีตำรวจนำตัวคนเหล่านี้เข้าไปในห้องชั่วคราวเพื่อสอบปากคำ มีแค่ลุงจ้าวที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ได้ เพียงไม่นานลุงจ้าวก็เดินออกมา ปากก็ก่นด่าว่า “แม่งเอ๊ย ยังมีอีกตัววิ่งเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว!”
จ้าวเหวินเทาก็อยากเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สมองของเขาก็เกิดเสียงวิ้งๆ…อะไรนะ วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านของเขาอยู่ติดกับถนนสำหรับเข้าไปในหมู่บ้านนะ!
“คนนั้นต่างหากล่ะที่เป็นคนร้ายตัวจริง!” ลุงจ้าวพูดอีกหนึ่งประโยค “แถมยังเคยฆ่าคนด้วยนะ!”
คนร้ายตัวจริงที่ลุงจ้าวพูดถึงชื่อเถียนชี เป็นคนภาคเหนือ ก่ออาชญากรรมฆ่าคนแล้วหนีมาทางนี้ ตำรวจที่นี่เร่งออกสำรวจทันทีหลังจากได้รับข่าว จึงพบว่าเถียนชีคนนี้หนีมาทางฝั่งหมู่บ้านข้าวซานถุน จึงร่วมมือกับสถานีตำรวจท้องที่ แต่ก็บังเอิญว่าเถียนชีเป็นนักพนัน จึงรู้จักกับหม่าเสี่ยวลิ่ว หม่าเสี่ยวลิ่วเป็นคนทำเรื่องนี้ จึงลากเถียนชีไปที่บ้านที่เล่นพนันกันโดยเฉพาะในหมู่บ้านตะวันตก ตำรวจเข้าใจถึงสถานการณ์แล้วจึงเข้ามาปิดล้อมจับกุมในข้อหาการพนัน เถียนชีจึงแสร้งทำเป็นนักพนันหนีออกมาพร้อมกับหม่าเสี่ยวลิ่วและคนอื่น ๆ
หม่าเสี่ยวลิ่วและเถียนชีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในช่วงเวลานี้ คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาถูกเถียนชีล้างสมองไปไม่น้อย เขาบอกคนพวกนี้ว่าอะไรคือกล้าหาญจนอิ่มตายกับขี้ขลาดจนอดตาย บอกว่าถ้าอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็ต้องเสี่ยง บนตัวจึงมีมีดเล่มเล็กเพิ่มเข้ามา คืนนี้หนีออกมาแล้ว เขาอาจจะนำถุงเงินติดตัวไปด้วยท่ามกลางความโกลาหล แม้จะไม่ทราบว่ามีเท่าไร แต่ก็คงไม่น้อย ดังนั้นเมื่อซ่อนตัวอยู่ในรังกระต่ายของจ้าวเหวินเทาแล้วถูกเจอตัวจึงชักมีดออกมาโดยไม่รู้ตัว
ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต้องพูดถึงเลย หม่าเสี่ยวลิ่วถูกจับตัวก็รู้สึกเสียใจ เล่นพนันกับพกมีดเพื่อทำร้ายคนอื่นแตกต่างกันอย่างไร จุดนี้เขาพอจะทราบ
จ้าวเหวินเทาฟังลุงจ้าวพูดยังไม่ทันจบก็แทรกขึ้นมาหนึ่งประโยค “ผมกลับบ้านก่อนนะ!”
จากนั้นก็วิ่งกลับไป
คนอื่น ๆ ต่างก็ชะงัก ไม่ทราบว่าทำไมจ้าวเหวินเทาถึงได้รีบร้อนกลับบ้านขนาดนี้ แต่ลุงจ้าวนึกขึ้นได้จึงรีบพูด “พวกนายรีบตามไป ฉันจำได้ว่าบ้านเขาอยู่หน้าหมู่บ้าน!”
ชุยต้าและคนอื่น ๆ ก็เพิ่งจะเข้าใจได้ว่าทำไมจ้าวเหวินเทาถึงรีบร้อนขนาดนั้น จึงรีบวิ่งตามไปทันที
จ้าวเหวินเทาวิ่งเร็วมาก แต่เขากลับรู้สึกว่ายังช้า เขาอยากกลับถึงบ้านในทันทีจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
ภรรยา คุณอย่าเป็นอะไรเด็ดขาดนะ!
ถุย ๆ! นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย จะเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขาเล่า อย่าขู่ให้ตัวเองตกใจสิ!
จ้าวเหวินเทาในตอนนี้รู้สึกเสียใจจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ หากไม่ได้มีอะไรแล้วเขาจะวิ่งไปฟาร์มกระต่ายทำไมเนี่ย ต่อให้พวกมันทำอะไรกับรังกระต่ายแล้วอย่างไร ภรรยาของเขามีแค่คนเดียวนะ!
จ้าวเหวินเทาเกิดความคิดยุ่งเหยิงภายในใจ มือกำพลั่วเหล็กแน่นขณะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
ทางฝั่งเย่ฉูฉู่นั้นล็อคประตูบ้านแน่นหนาแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนเตียงฟังความเคลื่อนไหวข้างนอก ฤดูร้อนมียุงเยอะ ถ้าเปิดไฟก็จะเป็นการเรียกแมลง เธอจึงปิดไฟ แต่แสงจากพระจันทร์สว่างมากจนเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน
ตอนแรกเธอเปิดหน้าต่างไว้ แต่ภายหลังเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วจึงเลือกที่จะปิดหน้าต่างและล็อคไว้ แม้ว่าจะร้อนหน่อย แต่ก็ปลอดภัย
ภายหลังก็พิสูจน์แล้วว่าโชคดีที่ล็อคไว้ ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาอาจเป็นหายนะ
หลังจากรออยู่นาน ประตูใหญ่ด้านนอกได้เกิดการเคลื่อนไหวอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ความร้อนจึงลดลงและอากาศเย็นสบายขึ้นมาก ทำให้เย่ฉูฉู่รู้สึกง่วงเล็กน้อย เธอจึงพิงเข้ากับมุมที่อยู่ด้านหลังหน้าต่าง ข้างกายของเธอนอกจากเสี่ยวไป๋หยางที่นอนอยู่ก็ยังมีลูกลิงด้วย ตอนที่เธอคิดว่าจะเข้านอนนี่เอง จู่ ๆ ลูกลิงที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมานั่ง ทั้งยังแยกเขี้ยวแต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
เย่ฉูฉู่ชะงัก รับรู้ถึงอะไรบางอย่างได้ในทันที ตามมาติด ๆ ด้วยเงาหนึ่งที่ปรากฏขึ้นด้านนอกกระจกหน้าต่างอย่างฉับพลัน เธอตกใจจนเกือบจะเปล่งเสียงออกมา แต่ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากไว้สุดชีวิต พร้อมกับกอดลูกลิงแล้วส่ายหน้าให้มัน
ลูกลิงคำรามเสียงทุ้มต่ำอยู่ในลำคอ มันดูโมโหมาก เย่ฉูฉู่เองก็รู้สึกได้ว่าขนของลูกลิงตั้งชันแล้ว
เย่ฉูฉู่ยื่นมือออกไปคว้าไม้ตะบองที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็นั่งยอง ๆ ลงครึ่งตัว ดันตัวแนบชิดเข้ากับมุมกำแพง สายตาจ้องไปที่เงาที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างพร้อมกับเหงื่อไหลซิกเงียบ ๆ
เงานั้นยื่นหน้าเข้ามามองด้านในห้อง แต่กระจกหน้าต่างมีแสงจันทร์สาดสะท้อนอยู่ จึงมองเห็นด้านในไม่ชัดเจน เขายื่นมือมาเปิดหน้าต่าง ก็พบว่าหน้าต่างถูกล็อคจากด้านใน เห็นได้ชัดว่าในบ้านมีคนอยู่!
เขาหยิบมีดที่อยู่ข้างเอวขึ้นมาแล้วใช้ด้ามมีดทุบหน้าต่างให้แตก
เสียงนี้ดังมากจนลูกลิงตัวสั่นไปทั้งตัว มันคำรามเสียงทุ้มต่ำ แต่ไม่ได้วิ่งหนีไป
ทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้ามาที่บ้านมันจะหนีตลอด แต่ครั้งนี้มันกลับไม่ได้ทำแบบนั้น มันที่มีสติปัญญามาตั้งแต่เกิดรับรู้ได้ว่าคนที่มาไม่ใช่คนแปลกหน้าธรรมดา ๆ แบบนั้น แต่เป็นคนที่อันตรายมาก มันไม่สามารถทิ้งเย่ฉูฉู่แล้วหนีไปได้
การกระทำของเงานั้นเร็วมาก กระจกหน้าต่างถูกทุบจนแตกในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นมันก็ยื่นมือเข้ามาเปิดหน้าต่าง เย่ฉูฉู่จึงยกไม้ตะบองขึ้นมาแล้วเหวี่ยงฟาดใส่มือข้างนั้นอย่างแรง!
……
“…อย่าลังเล จงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และต้องไร้ความปรานี เมื่อเหวี่ยงไม้ตะบองลงไปจงใช้แรงทั้งหมดที่เจ้ามี ต่อให้ตีไม่ตายก็ต้องทำให้อีกฝ่ายร้องด้วยความเจ็บปวดจนทนไม่ไหว มีแค่วิธีนี้ เจ้าถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต เข้าใจหรือไม่สาวน้อย?”
องค์ชายกล่าวเสียงเรียบ น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยการให้กำลังใจ
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นพยักหน้าแรง ๆ “องค์ชายอย่าได้กังวลใจ ข้าจะเรียนทักษะกระบองอย่างดี ข้าอยากปกป้ององค์ชาย!”
“เหอะ ๆ เจ้าอยากปกป้องข้า? ก็ได้ ๆ สาวน้อย ตั้งใจเรียนเถิด”
……
ในเวลานี้น้ำเสียงและรอยยิ้มขององค์ชายพลันลอยอยู่ในสมอง จู่ ๆ เย่ฉูฉู่ก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เธอใช้ไม้ตะบองตีไปที่มือของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ พูดได้ว่าเป็นพละกำลังที่มากกว่าที่เด็กสาวคนนั้นเคยมี อีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว
“อ๊าก!” อีกฝ่ายเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด และดึงมือกลับไปตามสัญชาตญาณ
เย่ฉูฉู่จึงใช้โอกาสนี้เอื้อมมือไปเปิดหน้าต่าง หน้าต่างถูกเปิดเข้ามาด้านใน เธอใช้มือข้างหนึ่งเปิด ส่วนมืออีกข้างฟาดไม้ตะบองเข้าใส่หน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแรง
ครั้งนี้คนผู้นั้นไหวตัวได้ในทันที จึงใช้มือข้างหนึ่งจับไม้ตะบองแล้วดึงเข้าหาตัวเพื่อลากเย่ฉูฉู่ออกไป เย่ฉูฉู่จึงปล่อยมือออกจากไม้ตะบอง ทำให้เขาถึงกับซวนเซ
เย่ฉูฉู่ดึงมือกลับมาควานหาไม้กวาดที่อยู่บนเตียงแล้วกระโดดออกจากหน้าต่าง ลูกของเธอยังนอนอยู่ในบ้าน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามารบกวนลูกชายของตนไม่ได้!
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฉูฉู่สายโหดพร้อมบวกแล้วค่ะ ล่วงล้ำถิ่นที่อยู่แล้วยังมีเจตนาร้ายแบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้
เหวินเทามาเร็ว ๆ นะ มาช่วยภรรยาด้วย
ไหหม่า(海馬)