เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 288 ชีวิตดี ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 288 ชีวิตดี ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น
ตอนที่ 288 ชีวิตดี ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น
ตอนที่ 288 ชีวิตดี ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น
“ดูพ่อพูดเข้าสิ พ่อกับลุงจัดการกับพืชผลมาเกือบตลอดทั้งชีวิตแล้ว ยังไงก็ต้องรู้เยอะกว่าผมอยู่แล้ว ผมจะรังเกียจได้ไงล่ะ”
“ถ้าแกยอมฟังหลังจากนี้พวกฉันจะได้พูดพล่ามอีกสักหน่อย” คุณพ่อจ้าวยิ้ม “ใกล้จะเกี่ยวข้าวสาลีแล้วสินะ?”
“ยังเหลืออีกเดือนกว่า ๆ ครับ” จ้าวเหวินเทาตอบ “นี่ถ้าฝนตกอีกสักรอบก็คงดี ตอนแรกผมกะว่าจะใส่ปุ๋ยเคมีลงไปสักหน่อย แต่พอได้ยินพ่อกับลุงพูดแบบนี้ ผมไปขนขี้หมูมาจากหมู่บ้านไท่ผิงก็แล้วกัน”
“พวกเราก็ปลูกข้าวสาลีไม่เป็น ก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่เคยปลูกมาก่อน ตอนนี้พอเห็นพวกแกปลูก มันก็เติบโตได้ไม่เลวเลยนะ” คุณพ่อจ้าวกล่าว “เฮ้อ บางครั้งพวกเราก็สมองคร่ำครึจริง ๆ นั่นแหละ บางเรื่องแกก็ต้องตัดสินใจเอง”
ลุงจ้าวก็พยักหน้าเห็นด้วย “ข้าวสาลีนี่ก็จริง ๆ เลยนะ ไม่เคยได้ยินใครปลูกมาก่อน ที่นี่ของพวกเราขาดแคลนแป้งขาวยิ่งกว่าข้าวอีก ต้องซื้อจากข้างนอกทั้งนั้นเลย ถ้าปลูกข้าวสาลีได้ แบบนั้นก็ไม่เลวเลย หลังจากนี้ก็กินแป้งขาวได้แล้ว”
ตอนนี้ผู้คนต่างก็คุ้นชินกับการดำรงชีวิตแบบพอเพียง ไม่ได้นึกถึงเรื่องซื้อขายประเภทนั้น การเปลี่ยนแปลงทางความคิดนี้ยังต้องใช้เวลา
จ้าวเหวินเทากล่าว “ผู้อาวุโสทั้งสองถ่อมตนเกินไปแล้ว หลังจากนี้พวกเรามีอะไรก็มาปรึกษากันได้”
“ถ้านายไม่รังเกียจที่พวกเราสาธยายยืดยาวก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ลุงจ้าวยิ้ม
ระหว่างที่พูด เวลาก็เดินผ่านไปเร็วเป็นพิเศษ มื้อเที่ยงทำเสร็จแล้ว คนงานสิบกว่าคนของฟาร์มกระต่ายจึงมารับประทานอาหาร ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเกือบทั้งหมด คนที่มาจากข้างนอกล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด ส่วนผู้หญิงก็จะเป็นหญิงชราที่ทำงานหลังครัวกับคุณแม่จ้าว
ทุกคนเดินมาที่ห้องอาหาร ชุยต้าเห็นจ้าวเหวินเทาก็เข้ามาทักทายอย่างมีความสุข “พี่หก!”
มีคนพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้ามาตรวจงานแล้ว!”
“หัวหน้าอะไรกัน เถ้าแก่ต่างหากล่ะ!”
มีคนตะโกนเถ้าแก่ขึ้นมา
จ้าวเหวินเทาตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดคุยกับทุกคน
ลุงจ้าวเป็นผู้อาวุโสแต่ก็ไม่ได้ทำตัวน่าเคารพ เขาพูดคุยกับคนอื่น ๆ ว่า “ฉันว่านะ เถ้าแก่แบบนายก็ควรจะหาสาว ๆ มาสักหน่อย นายดูหนุ่มน้อยพวกนี้สิ ไม่รักษาสมดุลไม่ช้าก็เร็วคงได้เกิดเรื่อง!”
พวกหนุ่มน้อยได้ยินคำพูดนี้ก็หน้าแดงขึ้นมา
จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่า “เด็กแบบพวกนายนี่นะ ลุงจ้าวเป็นกังวลเกี่ยวกับชีวิตของพวกนายขนาดนี้แล้วก็ต้องรู้จักผิดชอบชั่วดีหน่อย ถึงเวลานั้นถ้ามีภรรยาแล้วก็ต้องเปิดเหล้าดี ๆ ให้ลุงจ้าวด้วยล่ะ!”
“ลุงจ้าว ถึงเวลานั้นถ้าผมแต่งงานลุงต้องมาดื่มเหล้าฉลองให้ได้นะ!”
“ลุงจ้าว ถ้าผมแต่งงานผมจะซื้อเหล้าเหล่าไป๋กานให้ลุงแน่นอน!”
“ผมจะให้เหล้าเหล่าเจี้ยวหนึ่งขวดเลย!”
“ผมให้ลุงหนึ่งลังเลย!”
“ผมส่งให้หนึ่งคันรถ!”
พวกเด็กหนุ่มต่างก็แข่งกันคุยโว อวดจนจ้าวเหวินเทาทนฟังไม่ไหว ปรากฏว่าถูกลุงจ้าวด่าให้หุบปากเงียบสนิทโดยปริยาย
ข้าวคือข้าวฟ่างหุงสุก ส่วนกับข้าวก็ทำจากของที่ปลูกเอง มีมันฝรั่งตุ๋นมะเขือยาวกับพริก นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ตุ๋นเนื้อหมูผักกาดขาวอีกหนึ่งหม้อ กินเคียงกับต้นหอม ผักกาดขาว ผักกาดหอม และผักดองอีกหนึ่งถาด เนื่องจากมีคนเยอะจึงรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนถือชามกระเบื้องสีขาวขนาดใหญ่ รับประทานกับข้าวคู่กับข้าวสวย จิ้มต้นหอมกับซีอิ้ว ระหว่างระประทานก็พูดคุยพลางยิ้มแย้ม บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
คุณพ่อจ้าวและลุงจ้าวเป็นพี่น้องกัน พวกเขาถือจอกเหล้าขนาดเล็ก ยกขึ้นมาจิบ ระหว่างที่รับประทานอาหารก็พูดคุยกันไปด้วย
“นายนี่นะ สุดยอดเลย มีลูกชายที่มีความสามารถแบบนี้! ฉันยังสู้นายไม่ได้เลย” ลุงจ้าวพูดด้วยความอิจฉา
คุณพ่อจ้าวเอ่ย “มีความสามารถอะไรกัน เป็นเพราะทันช่วงเวลาที่ดีนั่นแหละ นี่ถ้าอยู่ในยุคนั้นของพวกเราคงใช้ชีวิตอยู่กันแค่วันนี้ ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีชีวิตต่อไปได้หรือเปล่า!”
ลุงจ้าวพยักหน้า “นั่นสิ ในสมัยของพวกเรา อาหารพวกนี้ไม่ต้องคิดเลย ชีวิตดี ๆ เริ่มต้นขึ้นแล้ว สิ่งที่เราทำก็ไม่ได้เสียเปล่า!”
คุณพ่อจ้าวเคารพลุงจ้าวมาก “พี่ใหญ่ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพวกพี่มากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกพี่ที่ไปทำสงครามแบบไม่ห่วงชีวิต เด็กพวกนี้จะได้ใช้ชีวิตกินดีอยู่ดีเหรอ?”
“นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มา ดื่มเหล้า!”
“ดื่มเหล้า!”
สองพี่น้องชนแก้วและดื่มลงคอจนหมด
จ้าวเหวินเทามาดูฟาร์มกระต่ายและร่วมรับประทานอาหารกับทุกคนเป็นครั้งคราว แม้จะมีพ่อแม่และลุงจ้าวคอยดูแลอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งทุกอย่างให้ผู้สูงวัยทั้งสามได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเลี้ยงกระต่ายไว้เยอะขนาดนี้ และจ้างคนมากขนาดนี้ ภายในใจก็แอบหวิว ๆ อยู่ แต่เมื่อมาดูด้วยตัวเอง ก็รู้สึกได้ว่าไม่เลวเลย แม้ว่าจะยังไม่มีกำไร แต่การดำเนินงานก็เป็นไปได้ด้วยดี
เขาทราบดีว่าการเปิดฟาร์มกระต่ายแตกต่างจากการซื้อขายของ เปิดฟาร์มกระต่ายเป็นงานระยะยาว ส่วนการค้าขายเป็นการทำงานระยะสั้น เขาต้องมีความอดทน
อย่ามองว่าเขาทำงานอย่างอื่นแล้วไม่มีความอดทน แต่เมื่อทำค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นระยะยาวหรือระยะสั้นเขาก็มีความอดทนมาก สิ่งนี้เรียกว่าความชอบล่ะมั้ง ตัวเองได้สิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็เรียกให้ชุยต้าไปเดินรอบ ๆ ฟาร์มกระต่ายกับเขา เขาเน้นไปที่รังกระต่าย นอกจากนี้ยังมีลูกกระต่ายที่คลอดออกมา แม่กระต่าย รวมถึงอาหารกระต่ายด้วย
“พี่หก เลี้ยงหมาสักสองสามตัวได้ไหม?” ชุยต้ากล่าว
“เลี้ยงหมา?” จ้าวเหวินเทาแอบไม่ค่อยเข้าใจ
“ใช่ ที่นี่อยู่ห่างไกล แถมยังอยู่บนเขาอีก นี่ถ้ามีพวกพังพอน หมาจิ้งจอกหรืออะไรพวกนั้นมาแอบขโมยกินกระต่าย พวกเราก็ป้องกันอะไรไม่ได้เลยนะ” ชุยต้าแอบเป็นกังวล “เมื่อไม่กี่วันก่อนฝนตกด้วย พวกเราขึ้นมาลาดตระเวนกลางดึกก็เห็นหมาจิ้งจอกด้วยนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เข้ามา แต่ถ้ามันเข้ามาจะทำยังไง”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าวางยาก็เป็นกังวลว่ากระต่ายจะกินเข้าไปอีก วางที่หนีบก็กลัวว่ากระต่ายจะเหยียบ คิดไปคิดมาเลี้ยงหมาอาจจะดีขึ้นหน่อย” ชุยต้ากล่าว
“ห้ามวางยา ของประเภทนี้ไม่ปลอดภัย ที่หนีบก็วางไว้ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าคนได้รับบาดเจ็บคงไม่ดี ก็ได้ เลี้ยงหมานี่แหละ” จ้าวเหวินเทาตัดสินใจ “เลี้ยงตัวเดียวคงไม่ได้ สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเลี้ยงไว้สี่ตัว”
“หา เลี้ยงไว้เยอะขนาดนั้นเลย?” ชุยต้าคิดว่าสองตัวก็เพียงพอแล้ว
จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็นไร เลี้ยงไว้มากหน่อยตอนค่ำจะได้มีการเคลื่อนไหวด้วย เหมือนครั้งนั้นตอนที่ไอ้เด็กเวรหม่าเสี่ยวลิ่วมา ถ้ามีหมา พวกเขาก็คงไม่กล้าเข้ามา! ทำไมนายไม่พูดให้เร็วกว่านี้เนี่ย ฉันก็ลืมเรื่องเลี้ยงหมาไปแล้ว!”
จ้าวเหวินเทาแอบอารมณ์เสีย แต่ละบ้านในหมู่บ้านต่างก็เลี้ยงสุนัขกัน ฟาร์มกระต่ายของเขาใหญ่ขนาดนี้ กลับคิดไม่ถึงเรื่องนี้
เขาจึงกลับมาคุยกับคุณแม่จ้าว คุณแม่จ้าวกล่าวว่า “งั้นแกก็อุ้มแมวมาสักสองสามตัวสิ ที่นี่มีหนูเยอะเป็นฝูงเลย แถมยังฉลาดด้วย ฉันวางกับดักหนูไว้ แต่ไม่มีประโยชน์สักนิดเลย จะวางยาก็กลัวว่าสัตว์ตัวอื่นจะกินเข้าไปด้วย แบบนั้นคงไม่ดีแน่”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ได้สิแม่ ไม่ได้ขาดแคลนแมวอยู่แล้ว แม่อยากเลี้ยงกี่ตัวก็ได้ ขอแค่แม่ไม่กลัวว่าจะยุ่งยากก็พอ”
“มีอะไรให้ยุ่งยากกันล่ะ ให้ข้าวให้น้ำสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่ต้องดูแลอะไร มันก็ออกไปจับหนูมากินได้แล้ว” คุณแม่จ้าวกล่าว “มันคงมีความสุขมากเลยล่ะ สถานที่กว้างขวางแบบนี้ ได้ออกไปวิ่งเล่นด้วย!”
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็คิดว่าจริงอย่างที่แม่พูดไว้ สถานที่แห่งนี้ถ้าหากพวกเขาไม่วางยา เลี้ยงแมวไว้ก็ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว จากนั้นก็พูดถึงเรื่องพังพอนและหมาจิ้งจอกต่อ
“จะไปทำร้ายสัตว์พวกนั้นไม่ได้นะ!” คุณแม่จ้าวรีบกล่าว “พวกมันจะมากินกระต่ายสองสามตัวก็กินไปเถอะ พวกมันเป็นสัตว์ฉลาดมาก แค้นฝังหุ่นเลยล่ะ ถ้าแกไปทำร้ายมันครั้งเดียว มันจะจำแกไปตลอดทั้งชีวิตเลย!”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกมัน แม้เขาจะไม่เชื่อว่าพวกมันจะฉลาดขนาดนั้น แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับการทำร้ายสัตว์พวกนี้อยู่ดี
“ได้สิ งั้นก็เลี้ยงหมา ถึงเวลานั้นขู่ให้พวกมันกลัว ไม่กล้ามาก็พอแล้ว”
จ้าวเหวินเทากลับมาคุยกับเย่ฉูฉู่ถึงเรื่องนี้ เย่ฉูฉู่คิดว่าจ้าวเหวินเทาจะนำสุนัขและแมวที่บ้านส่งไปที่ฟาร์มกระต่าย จึงแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยในทันที
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชีวิตคนงานในฟาร์มดีแล้ว เหลือแค่ระบบรักษาความปลอดภัยในฟาร์มนี่แหละ ต้องหาสุนัขกับแมวมาเลี้ยงแล้ว
ไหหม่า(海馬)