เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 296 ไม่ได้หลงเงินจนหน้ามืดตามัว
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 296 ไม่ได้หลงเงินจนหน้ามืดตามัว
ตอนที่ 296 ไม่ได้หลงเงินจนหน้ามืดตามัว
ตอนที่ 296 ไม่ได้หลงเงินจนหน้ามืดตามัว
เย่ฉูฉู่เคยผ่านมาแล้ว ย่อมทราบดีว่าการตั้งครรภ์สิบเดือนไม่ใช่เรื่องง่าย จึงปลอบใจไปว่า “ตอนนี้เธอไม่ต้องคิดมากนะ คิดมากไม่ดีกับลูกในท้อง ไม่ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว ร่างกายแข็งแรงคือสิ่งที่ดีที่สุด”
หลังจากคุยอยู่ครู่หนึ่งชุนเยี่ยนก็กลับไป
ช่วงค่ำเย่ฉูฉู่ก็คุยกับจ้าวเหวินเทาเกี่ยวกับเรื่องที่ภรรยาของเหล่าหวังสามขอมาทำงานที่ฟาร์มกระต่าย
“ฉันรู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธออกไป ก็เลยบอกว่าขอมาถามคุณก่อน” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ภรรยาของเหล่าหวังสามเนี่ยนะ” จ้าวเหวินเทาถึงกับอุทานออกมา
“คุณรังเกียจที่หล่อนเป็นพวกปากมากสินะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจที่หล่อนปากมาก เพราะปกติหล่อนก็ปากมากอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว “แต่มันก็ไม่ใช่ข้อบกพร่องใหญ่โตอะไร”
เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยความประหลาดใจ
จ้าวเหวินเทากล่าวต่อ “ฟาร์มกระต่ายขาดผู้หญิงพอดี มีพวกหนุ่มโสดตั้งสิบกว่าคนอยู่ที่นั่น นี่ถ้าไม่จ้างผู้หญิงมาสักหน่อยผมเองก็กังวลว่าจะเกิดปัญหาเหมือนกัน!”
เย่ฉูฉู่หมดคำพูด “ลูกชายของภรรยาเหล่าหวังสามอายุ 15-16 แล้วนะคะ คุณคิดอะไรของคุณเนี่ย!”
“ผมรู้ คุณฟังผมพูดก่อนสิ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้จ้างสาวน้อยอายุ 16-17 มา แต่ก็ต้องมีคนแบบภรรยาเหล่าหวังสามดูแล หล่อนเป็นพวกปากมากก็เป็นเรื่องดีนะ ให้หล่อนดูแลคนสักหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
เย่ฉูฉู่กลับนึกถึงเรื่องอื่น “คุณจ้างสาวน้อยไปทำอะไรที่ฟาร์มกระต่าย? ฟาร์มกระต่ายมีงานให้ผู้หญิงทำด้วยเหรอ?”
สัญชาตญาณของจ้าวเหวินเทาทำให้เขารู้สึกได้ว่าภรรยาหึงหวง จึงรีบพูดว่า “เป็นอะไรไปครับ ผมคิดว่าจะปลูกผักป่าตรงที่ดินทางฝั่งทิศใต้ของฟาร์มกระต่าย ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้ขายผักป่า”
“ผักป่าอะไรคะ?” เย่ฉูฉู่ถามต่อ
“ก็พวกแดนดีไลออน ผักชีฝรั่ง แล้วก็ของที่เห็นได้บ่อย ๆ บนเขาพวกนั้น” จ้าวเหวินเทาอธิบายให้ภรรยาฟังอย่างละเอียด “ผมคิดว่าผักที่ขึ้นอยู่บนเขานี่แหละดี ถ้าเอามาขาย ใคร ๆ ก็เข้าป่าไปเก็บมาได้ ถึงเวลานั้น ต่อให้มีมากกว่านี้ก็ไม่มีให้ขุดแล้ว สู้เริ่มปลูกเองดีกว่า คนอื่นพอเห็นช่องทางรวยตรงนี้ก็ปลูกกันเอง ไม่สนใจของที่อยู่ในป่าแล้ว”
เย่ฉูฉู่กล่าว “มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ มีของที่ขึ้นเองอยู่แล้วใครจะอยากปลูกเองให้เหนื่อย”
“ดังนั้นผมถึงต้องผูกขาดการซื้อไง” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างภาคภูมิใจ “ภรรยา คุณรู้ไหมว่าอะไรคือการผูกขาด?”
เย่ฉูฉู่ขบขัน “เลิกอวดได้แล้วค่ะ ฉันก็อ่านหนังสือของคุณเหมือนกันนั่นแหละ”
ช่วงนี้จ้าวเหวินเทาขนหนังสือกลับมาที่บ้านไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาซื้อกลับมา แต่ตอนนี้ไม่ได้ซื้อแล้ว แต่ใช้วิธีไปที่สถานีรับซื้อสินค้าเหล่านั้นเพื่อหาหนังสือแทน
คนบางคนไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชถึงได้ทิ้ง มีครั้งหนึ่งจ้าวเหวินเทาบังเอิญเห็นหนังสือสองสามเล่มที่ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย ทั้งยังเป็นหนังสือใหม่ทั้งหมดด้วย จึงเก็บกลับมา เขาให้บุหรี่ดี ๆ กับลุงที่ยืนเฝ้าสถานีรับซื้อสินค้าไปหนึ่งแถว ลุงคนนั้นก็ใจกว้างมาก บอกให้เขามาหาหนังสือได้เต็มที่โดยไม่คิดเงินด้วย ตอนนี้การขายกระดาษยังไม่ได้ราคา ลุงคนนั้นจึงยินดีที่จะให้ จ้าวเหวินเทาก็ไม่เกรงใจ ด้วยเหตุนี้เมื่อไป ๆ มา ๆ ก็ได้หนังสือกลับมาไม่น้อย
จ้าวเหวินเทาเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือ แค่เห็นหนังสือก็ปวดหัวแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาชอบอ่านหนังสือแบบนี้ ปีนี้เขาได้อ่านหนังสือไปเกือบครึ่งกล่องแล้ว มีทั้งเลี้ยงกระต่ายพันธุ์ ปลูกไม้ผล การรักษาสิ่งแวดล้อมในสวน การซื้อขาย จิตวิทยาของผู้ซื้อ ข่าวปัจจุบันและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ล้วนจุกจิกยิบย่อยเยอะแยะไปหมด ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย
เย่ฉูฉู่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ไม่มีอะไรทำก็พลิกหนังสืออ่าน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีโทรทัศน์และโทรศัพท์ ไม่มีสิ่งบันเทิง จึงทำได้เพียงแค่อ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลา
จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึๆ “ภรรยาสุดยอดจริง ๆ ถึงได้มองออก ที่ผมพูดถึงก็คือการผูกขาดผู้ซื้อ ต่อให้พวกเขาไปขุดผักที่บนภูเขาก็ขายไม่ออกหรอก ท้ายที่สุดก็ต้องมาหาผมอยู่ดี ตอนนี้คนที่กินผักป่าไม่ได้มีเยอะ ยิ่งไม่มีทางที่จะมาซื้อถึงหมู่บ้านของเรา พวกเขาไม่มีที่ให้ขายหรอก!”
“คุณกลัวว่าผักป่าบนภูเขาจะถูกคนอื่นขุดจนหมดเกลี้ยงขนาดนี้เลย?”
เย่ฉูฉู่แอบไม่เข้าใจ เธอค้นพบว่าสามีของนางไตร่ตรองถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด
จ้าวเหวินเทาพูดอย่างเคร่งขรึม “ภรรยา คุณคงไม่รู้ ความโลภของคนเราน่ากลัวมากนะ อย่าว่าแต่ภูเขาเลย ต่อให้เป็นทะเล ถ้ามีผลประโยชน์ก็ขุดจนหมดเกลี้ยงนั่นแหละ!”
จ้าวเหวินเทาออกไปข้างนอกมานานขนาดนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็คุยได้หมด เขาแทบจะติดต่อกับผู้ซื้อและผู้ขายจากทุกสาขาอาชีพแล้ว ไม่สามารถพูดว่าเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งได้ แค่ดื่มเหล้าคุยโวโอ้วดก็พอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว เขาพบว่าคนในตอนนี้คิดอยากจะหาเงินจะกลายเป็นบ้าแล้ว ขอแค่ให้เงิน จะซื้อบรรพบุรุษก็ซื้อได้!
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นหรอก เหมือนอย่างจ้าวเหวินอู่ที่ขุดสุสานก็ติดต่อกับคนขายของเก่าสองคน บอกว่าขายออกนอกประเทศไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ นั่นเป็นของที่บรรพบุรุษของพวกเราทิ้งไว้ให้ ทำไมถึงขายให้ชาวต่างชาติล่ะ!
แต่คนเหล่านั้นบอกว่า ในประเทศให้ราคาไม่ดี ฟังเข้าสิ นี่คือการขายบรรพบุรุษเพื่อเงินเลยนะ!
ยังไม่จบแค่นั้น เขาได้ยินช่างไม้สองสามคนพูดว่าต้นไม้ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือทุกที่ล้วนถูกตัด รวมถึงต้นไม้อายุหลายร้อยหลายพันปีด้วย และถูกส่งขายออกนอกประเทศเช่นกัน นี่ก็ตัดจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว!
ฟังคำพูดเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะระมัดระวัง สถานที่แห่งอื่นเขาดูแลไม่ได้ และไม่มีความสามารถที่จะดูแลด้วย แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อบ้านเกิดได้ ไม่ว่าจะคิดด้วยวิธีไหนก็ไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาทำลายย่อยยับ!
“ภรรยา เงินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่มีหลายอย่างที่สำคัญกว่าเงิน ไม่สามารถขายทุกอย่างเพื่อเงินได้ นั่นไม่ต่างอะไรกับคนโง่เลย ผมไม่อยากเป็นคนโง่พรรค์นั้นหรอกนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ดังนั้นตอนนี้ผมเลยคิดหาวิธีไม่ให้คนสนใจหมู่บ้านของพวกเรา บนป่าของหมู่บ้านเรามีสมบัติเยอะขนาดนั้น ถ้ามีคนรู้เข้าคงได้เอาไปหมดแน่!”
เย่ฉูฉู่มองไปด้านนอกหน้าต่าง ตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่มืดอย่างสมบูรณ์ ภูเขาสีเขียวที่อยู่ห่างไกลออกไป พระจันทร์ส่องแสงสว่างลอยขึ้นมาแล้ว ดวงดาวระยิบระยับประดับอยู่รอบ ๆ ภายในหมู่บ้านเกิดเสียงนกเสียงสุนัขดังขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีความงดงาม ทำให้เย่ฉูฉู่นึกถึงบันทึกหมู่บ้านธารดอกท้อ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้นอกจากไม่ได้แยกออกจากโลก ก็ไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านในบันทึกหมู่บ้านธารดอกท้อเลย
“ถูกต้อง จะปล่อยให้คนอื่นมาถลุงไม่ได้ ฉันสนับสนุนคุณ!” เย่ฉูฉู่มองสามี สายตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม แม้ว่าสามีของเธอจะรักเงิน แต่ก็ไม่ได้หลงเงินแบบหน้ามืดตามัว แบบนี้ต่างหากล่ะที่หาได้ยากที่สุด
จ้าวเหวินเทาทราบดีว่าภรรยาของเขาต้องสนับสนุนเขา และทราบว่าภรรยาเข้าใจความคิดของเขา นี่มันเรียกว่าอะไรแล้วนะ คู่ชีวิต ถูกต้อง คำนี้แหละ ไม่แปลกใจเลยที่พ่อกับแม่จะพูดว่าโชคที่ดีที่สุดของเขาก็คือการได้แต่งงานกับภรรยาดี ๆ!
จ้าวเหวินเทาโอบกอดภรรยา จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวไป๋หยางมาไว้ตรงหน้า หาได้ยากที่ลูกลิงจะเข้ามาร่วมความครึกครื้นนี้โดยไม่ได้ถูกไล่ออกไป เขาพูดว่า “ภรรยาจ๋า ผมหวังว่าลูกชาย หลานชายและเหลนชายของพวกเราเติบโตขึ้นมาแล้วจะได้เห็นภูเขาใหญ่ของเรานะ!”
เย่ฉูฉูส่งเสียง ‘อืม’ และพิงซบบ่าของสามี “ฉันหวังว่าพวกเขาจะเป็นแบบคุณนะ ที่เห็นความสำคัญของภูเขาบ้านเรา”
จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ดังนั้นผมก็เลยคิดไว้ว่าจะคุยกับพี่สะใภ้สามดู หล่อนอยากกลับมาลงทุนไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ลงทุนกับภูเขาใหญ่นี่แหละ”
“ลงทุนยังไงคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ
“ผมยังสรุปไม่ได้เลย ถึงเวลานั้นค่อยคุยกับพี่สะใภ้ดู ดูว่าหล่อนมีความคิดดี ๆ อะไรไหม” จ้าวเหวินเทากล่าว “ภรรยา แล้วคุณล่ะ คุณมีความคิดอะไรไหม?”
เย่ฉูฉู่นึกถึงช่วงยุคสมัยนั้นของตนเอง ภูเขาลูกใหญ่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามแบบนี้ก็จะถูกคนมีเงินกว้านซื้อไปสร้างเรือนหรือไม่ก็สร้างสวนขึ้นมา อีกอย่างในยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นคนมีเงินก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ได้ยินพี่สะใภ้สามเล่าให้ฟังว่าคนมีเงินในเมืองจะซื้อตึกและบ้านเดี่ยว อืม อีกอย่างดูเหมือนว่าทางการจะไม่อนุญาตให้ซื้อภูเขาแล้วด้วย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นพี่เทาหน้าเงินแบบนั้น จริง ๆ พี่แกก็มีสำนึกรักบ้านเกิดอยู่นา
ไหหม่า(海馬)